Surface Pro ใหม่ เปิดตัวสู่ตลาดไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยได้รับการออกแบบใหม่จากภายในสู่ภายนอก เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า ทุกๆ ส่วนถูกปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยและประณีต ตั้งแต่ขอบที่โค้งมน ไปจนถึงกล้อง build-in ที่กลมกลืนไปกับตัวเครื่อง Surface Pro ใหม่มีความบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 767 กรัม พร้อมบรรจุชิปประมวลผล Intel® Core™ รุ่นที่ 7 ด้วยดีไซน์ไร้พัดลมจึงทำให้การทำงานเงียบสนิท
Surface Pro ใหม่เป็นแล็ปท็อปที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด และแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานที่สุด รูปลักษณ์บาง น้ำหนักเบา และทำงานได้อย่างเงียบกริบ ทั้งยังมีการพัฒนาก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยพลังแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 13.5 ชั่วโมง ส่งผลให้มีสมรรถนะสูงกว่า Surface Pro 3 กว่า 2.5 เท่า ตอบโจทย์การใช้งานเอนกประสงค์และโมบิลิตี้ ด้วยการออกแบบให้บางเบาและประณีตยิ่งขึ้น
Surface Pro ไม่ใช่แค่แล็ปท็อปที่ทรงพลัง แต่ยังเป็นสตูดิโอสร้างสรรค์ผลงานแบบเคลื่อนที่ ด้วยจอสัมผัส PixelSense™ ขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับการใช้งาน Surface Pen ใหม่ที่เร็วขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน Surface Pro ใหม่นำรูปแบบการสร้างสรรค์ผลงานที่แสดงผลแบบเสมือนจริง (immersive) แบบเดียวกับ Surface Studio ในรูปแบบที่สามารถพกพาไปที่ไหนก็ได้ ด้วยบานพับใหม่ที่ปรับเอนได้ถึง 165 องศา ผู้ใช้จึงสามารถใช้ Surface Pro ในโหมด Studio ได้ทันที ทำให้ได้ตำแหน่งที่เหมาะสมในการเขียนหรือวาดภาพ นอกจากนี้ การใช้ Inking ในแอปพลิเคชั่นต่างๆ บน Windows 10 และ Microsoft Office 365 ซึ่งรวมถึงแอป Microsoft Whiteboardใหม่ จะทำให้ผู้ใช้สามารถรังสรรค์ผลงานจากหมึกดิจิทัล รวมถึงทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับ Surface Pro Signature Type Cover ใหม่นั้นมีกลไกพิเศษแบบขากรรไกรคุณภาพสูงพร้อมระยะจังหวะการพิมพ์ 1.3 มิลลิเมตร ทำให้การพิมพ์รวดเร็วและแม่นยำขึ้น ส่วน trackpad ที่เป็นกระจกทั้งแผ่นและรองรับการใช้งานนิ้วมือทั้ง 5 นิ้วได้นั้นยังรองรับการใช้งานได้อย่างแม่นยำที่สุด ขณะที่คีย์บอร์ดทั้งหมดถูกหุ้มไว้ด้วยวัสดุที่ทั้งนุ่มและทนทานของ Alcantara® ทำให้มีที่รองมือซึ่งนุ่มสบายและสวยงาม โดย Surface Pro Signature Type Cover มีให้เลือกสองสี ได้แก่ สีดำและสีแพลททินัม
_
RECOMMENDED CONTENT
“Epic Worlds” โปรเจ็กต์ภาพยนตร์สั้นสุดพิเศษซึ่งถ่ายทำด้วย Galaxy S23 Ultra สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของการสร้างคอนเทนต์โดยใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งการถ่ายทำผ่านขั้นตอนการระดมทุนจากมวลชนก่อนจะนำมาตัดต่อเข้าด้วยกันและเผยแพร่สู่สาธารณะ โดย “Epic Worlds” เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของการทำงานร่วมกัน