fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#Watch | มิโด (Mido) เปิดตัว ‘Commader Gradient’ ครั้งแรกกับนาฬิกาลุคสปอร์ตที่เผยกลไก Swiss Made สุดคลาสสิก
date : 16.มิถุนายน.2020 tag :

การพลิกโฉมนาฬิกาคอลเลคชั่นของ มิโด (Mido) ถือเป็นครั้งแรกสำหรับแบรนด์นาฬิกาดังจากสวิตเซอร์แลนด์ กับการสร้างสรรค์นาฬิกาจักรกลรุ่นใหม่อย่าง Commander Gradient ที่มาพร้อมกับหน้าปัดแบบเล่นแสงเงา และสีเทาควันบุหรี่ซึ่งถูกไล่เฉดสีไปจนถึงเห็นความโปร่งใสที่สามารถมองทะลุได้ จนเห็นชุดเฟืองของกลไกที่มีความยอดเยี่ยมอย่าง Caliber 80 ที่อยู่ใต้หน้าปัดจากทั้ง 2 ฝั่งของตัวนาฬิกา ด้านหน้าหรือผ่านทางฝาหลังแบบใส ความเที่ยงตรงและการออกแบบที่มีความโดดเด่นของ Commander Gradient ได้เปิดเผยให้เห็นถึงรูปแบบของความแตกต่างกัน เช่น ขอบตัวเรือนสีดำที่มีการขัดเงา ตัวเรือนสีดำที่มีการขัดลายซาติน และสัมผัสที่สวยเด่นของหลักชั่วโมงและชุดเข็มที่มากับสีส้มซึ่งถือเป็นโทนสีที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยรูปแบบที่โดดเด่นและชวนให้แปลกใจนั้นจะทำให้นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดจากคอลเล็กชั่น ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์จะส่องประกายความโดดเด่นอยู่บนข้อมือของใครก็ตามที่ใช้ชีวิตด้วยความเร็ว

แนวคิดสถาปัตยกรรมที่อยู่เบื้องหลังสไตล์อันโดดเด่น

เส้นสายอันเป็นเอกลักษณ์ และอยู่บนตัวเรือนของนาฬิกาในคอลเล็กชั่น Commander ของ Mido ถือเป็นภาพสะท้อนของเงาโครงสร้างของหอไอเฟล และด้วยตัวเรือนที่มีจุดเด่นอยู่ที่ขอบตัวเรือนบางเฉียบและมาพร้อมกับการขัดลายซาตินั้น รูปทรงที่เป็นแบบกลมได้แสดงให้เห็นถึงแนวโค้งของสถาปัตยกรรมแห่งนี้ ขณะที่หลักชั่วโมงและชุดเข็มที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมาพร้อมกับการขัดเงาบนพื้นผิวของชิ้นงานที่เป็นโลหะนั้น ชวนให้ระลึกถึงโครงเหล็กของตัวหอไอเฟล ที่มีความโดดเด่นเหนือกาลเวลาและยืนท้าทายความเปลี่ยนแปลงของเวลามานานถึง 5ทศวรรษ เฉกเช่นเดียวกับ Mido ผลิตคอลเล็กชั่นนี้ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องนับจากรุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 19591 เช่นเดียวกับหอคอยที่มีชื่อเสียงของชาวปารีส คอลเล็กชั่น Commander ถือเป็นสัญลักษณ์แท้จริงของแบรนด์ กับธรรมเนียมปฏิบัติที่สอบทอดกันมา และองค์ความรู้ในการผลิตนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์

ความแปลกใหม่ แต่ยังเผยให้เห็นถึงความดั้งเดิ

หน้าปัดแบบโปร่งใสของ Commander Gradient เชิญชวนให้กับสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ชิ้นส่วนกลไกที่อยู่ข้างใน แต่ยังคงความคล้ายหน้าปัดดั้งเดิมที่เป็นสีเทาควันบุหรี่ แต่เพิ่มความน่าสนใจด้วยการไล่เฉดสีออกไปทางขอบนอกของหน้าปัด ขณะที่ช่องวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาถูกจัดวางอย่างลงตัวเมื่ออยู่บนพื้นแบ็คกราวน์สีขาว ไม่ต่างจากแผงหน้าปัดควบคุมระบบทั่วไปที่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจนเมื่ออยู่ในที่มืด เหมือนกับหลักชั่วโมงได้รับการขัดเงา และชุดเข็มชั่วโมงนาที ออกแบบให้มีรูปทรงแบบไดมอนด์คัต พร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-Luminova สีส้ม และเข็มวินาทีเคลือบเงาด้วยโทนสีสัญลักษณ์ของ Mido ทั้งหมดคือความโดดเด่นที่แตกต่างและเข้ากันอย่างลงตัว สำหรับกระจกของตัวนาฬิกาจะเป็นแซฟไฟร์ทรงโดม ช่วยสร้างความโดดเด่นรับกับหน้าปัดสีเทาควันบุหรี่เป็นแบ็คกราวน์อยู่ทางด้านหลัง

ความแตกต่างที่สุดเซอร์ไพรส์

Mido ออกแบบเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเรือนของ Commander Gradient ด้วยโทนสีดำเข้ม ตัดกันอย่างลงตัวกับการขัดแต่งและพื้นผิวที่อยู่บนตัวเรือน ซึ่งมาพร้อมกับขอบตัวเรือนสีดำที่มีการขัดเงา และตัวเรือนสีดำที่มีการขัดลายซาติน โดยทั้ง 2 ส่วนนี้ผลิตจากเหล็กที่มีการเคลือบ PVD สีดำ และเพิ่มความสปอร์ตด้วยสายผ้าใบสีดำที่มีการเดินด้ายสีส้มและตัวรัดสายแบบบานพับ ฝาหลังแบบใสและขันเกลียวได้รับการผลิตจาก Stainless Steelซึ่งมีส่วนให้ Commander Gradient เป็นมิตรกับผู้สวมใส่และรองรับกับการใช้งานที่หลากหลายแม้แต่ในสภาพการใช้งานที่โหดๆ สามารถกันน้ำระดับ 5 บาร์ (50 เมตร/165 ฟุต) ขณะที่ระบบกลไกไม่เพียงแต่จะสามารถมองเห็นชิ้นส่วนได้จากทางด้านหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นจากทางด้านหลังได้ด้วย โดยผ่านทางฝาหลังแบบใส มีการตกแต่งลวดลายเจนีวา สไตรป์บนชุดโรเตอร์ของกลไก Caliber 80 ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการบ่งบอกถึงการเป็นกลไกแบบอัตโนมัติ โดยเมื่อมีการขึ้นลานจนเต็ม กลไกชุดนี้จะมีกำลังสำรองสูงสุดนานถึง 80 ชั่วโมงเลยทีเดียว

นอกจาก Commander Gradient จาก Mido ตัวเรือนเคลือบ PVD ดำ สายผ้าใบดำ ยังมีอีก 3 ทางเลือก คือ  ตัวเรือนสตีลสีเงิน หรือเคลือบ PVD สีดำ พร้อมกับสายโลหะ หรือตัวเรือนสตีลและเคลือบ PVD สี Rose Goldมากับสายหนังสีดำ เสมือนถนนที่แตกต่างกันที่จะถูกสัมผัสโดยล้อของรถแข่ง Commander Gradient กับการถอดหน้ากากออกมาในลุคสปอร์ต และการผจญภัยครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว วันนี้ที่ เคาน์เตอร์ มิโด (Mido) ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

 

#CommanderGradient

#Midowatches

RECOMMENDED CONTENT

7.พฤศจิกายน.2022

ซีรีส์ The Last of Us เล่าเรื่องราว 20 ปีหลังจากอารยธรรมสมัยใหม่ถูกทำลาย โจเอล ผู้รอดชีวิตได้รับการว่าจ้างให้พาตัวเอลลี เด็กหญิงอายุ 14 ปี ออกจากเขตกักกัน ภารกิจเล็กๆกลับกลายเป็นการเดินทางที่โหดร้ายและน่าสลดในไม่ช้า เมื่อทั้งคู่ต้องเดินทางข้ามสหรัฐอเมริกาและช่วยเหลือกันเพื่อความอยู่รอด