ได้เวลาอัพเดทศิลปินหน้าใหม่สายอินดี้ ที่เราอยากแนะนำผลงานเพลงของพวกเขาให้ได้ลองฟังกันดู เผื่อจะกลายเป็นตัวเลือกใหม่ในการฟังเพลงของคุณประจำปีหน้า 2018 เลยก็ได้ 😀

อ้อ แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่า ใหม่ในความหมายของเราไม่ได้หมายถึงออกเพลงใหม่ หรือหน้าใหม่ เสมอไป แต่เราเลือกจากการที่เราเพิ่งรู้จักเขาหมาดๆ ใหม่ๆ อาจเพราะเขาเพิ่งออกซิงเกิ้ลใหม่ หรือเราเพิ่งหลงไปฟังเพลงของเขาก็ได้

—————

[ LAUV ]

Who > หนุ่มน้อยวัย 23 ชื่อจริงคือ Ari Strapans Leff สัญญาตอเมริกัน กับความสามารถในการทำเพลงล้นเหลือ แถมยังเล่นกีตาร์ และเปียโนเป็นด้วย ออกอัลบั้ม ep แรกของตัวเองเมื่อปี 2015 แต่มาดังจริงๆ ในแถบเอเชียปีนี้ ความสามารถด้านการเขียนเพลงของเขาไม่ธรรมดา เพลงที่เขาแต่งและดังก็เช่น Boys ของ Chalie XCX เป็นต้น แถมเขายังถูกเลือกให้เป็นวงเปิดใน Divide Tour ของ Ed Sheeran

Why > ถ้าไม่นับหน้าตาที่อยู่ในเกณฑ์ดีของเขา เพลงหลายเพลงจากอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกถือว่าทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เราชอบเสียงนุ่มๆ แหบหน่อยๆ ฟังแล้วรื่นรมย์และอยากโยกย้ายในบาร์เอามากๆ ตัวดนตรีเองก็ทำได้ดี เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้เพลงของเขามาบ้างจากคลื่นวิทยุ หรือคลับบาร์ที่ไหนสักแห่งเปิด เพราะเพลงของเขาเหมาะกับการเปิดเสริมสร้างบรรยากาศเอามากๆ

Track > I Like Me Better / Easy Love *** / Paris in the Rain

—————

[ joan ]

Who > Alan Thomas และ Steven Rutherford จากรัฐ Arkansas สหรัฐอเมริกา นิยามตัวเองว่าเป็นวงอินดี้ป๊อบ แต่จากสามเพลงที่เราได้ฟังจากพวกเขา เราพบว่าพวกเขากำลังทำเพลงในแนวที่ตอนนี้กำลังนิยมมาก อย่าง Synth–Pop ที่ได้กลิ่นดนตรียุค 80s อยู่กลายๆ และด้วยความที่ทั้งคู่ก็เป็นคนรุ่นใหม่ ที่สนุกกับการทำเพลง เราก็เลยเชียร์พวกเขาอยู่ห่างๆ อย่างรอซิงเกิ้ลถัดไป

Why > ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงปีที่แล้วเรื่อยมาจนถึงปีนี้ และน่าจะเป็นเทรนด์ดนตรีของปีหน้าด้วย นั่นก็คือการกลับมาของแนวทางดนตรียุค 80s–90s ซึ่ง joan ก็ทำเพลงออกมาได้ดี ไม่มีผิดหวังเลยสักเพลง แต่ละเพลงจะมีกลิ่นอายยุคดั้งเดิมเอาไว้ ในขณะเดียวกันเนื้อเพลงและวิธีการร้องกลับสวนกระแส มีความยุคใหม่อยู่ ซึ่งเราว่าพวกเขาทำออกมาได้กลมกล่อม โลลิป็อปมากๆ เลยล่ะ

Track > take me on / love somebody like you *** / tokyo

—————

[ The Lighthouse and The Whaler ]

Who > วงบอกว่า The Whaler นั้น มีที่มาจากนิยายชื่อดัง Moby Dick แต่เดิมนั้นพวกเขาคือวงดนตรีแนวโฟล์ก ที่มีสมาชิก 3 คน จาก Ohio ก่อนที่จะเริ่มเพิ่มสมาชิกในวงและเปลี่ยนแนวทางเป็นวงอินดี้ร็อคในปัจจุบัน แนวทางและเนื้อหาทางเพลงของพวกเขาคือการเยียวยาอย่างหนึ่ง ตัวเพลงของวงนี้จึงเหมาะมากกับการฟังท่ามกลางธรรมชาติ เวลาไปเที่ยว หรือฟังเพื่อพบโลกใบใหม่แห่งการฟัง

Why > เวลาฟังเพลงของ The Lighthouse and The Whaler เราจะนึกถึงแนวทางเดียวกันกับ Mumford and Sons ที่เรารักมาก แต่วงนี้จะมีความยิ่งใหญ่ในตัวเพลงที่มากกว่า เครื่องดนตรีมากชิ้นกว่า ที่สำคัญการที่เพลงมันทำหน้าที่เยียวยาอะไรบางอย่าง เราเลยมักรู้สึกฮึกเหิมเมื่อฟังเพลงของพวกเขาจบทุกครั้งไป

Track > Venice / Paths / I Want to Feel Alive ***

—————

[ Saint Raymond ]

Who > นั่นคือชื่อในวงการ แต่ชื่อจริงของเขาคือ Callum Burrows ศิลปินหนุ่มจาก Nottingham ที่นอกจากจะเก่งเรื่องร้องเพลงแล้ว การแต่งเพลงของเขาก็ไม่ธรรมดาเลย เริ่มต้นเล่นดนตรีตามบาร์มาตั้งแต่ปี 2013 ก่อนจับพลัดจับพลูมาอยู่ค่าย Asylum Records ที่มีศิลปินดังประจำค่ายอย่าง Ed Sheeran สังกัดอยู่ เคยเล่นเป็นวงเปิดให้กับทัวร์ของวง HAIM และเริ่มทำเพลงของตัวเองจนออกมาเป็นอัลบั้ม Young Blood (2015)

Why > ซาวด์แบบอังกฤษจ๋าของเขาทำให้เรานึกถึง Bastille แต่โดยรวมสำหรับรูปแบบการทำเพลงของเขาแล้ว แม้ว่าจะมีความป็อบและอินดี้ร็อคในที แต่ลีลาของเพลงหลายๆ เพลงที่เขาทำออกมานั้น ก็ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความต่าง และความแปลกใหม่ แต่ติดหูได้ชะงัดของเพลงที่ทำโดยเขา

Track > Oh Brother / Movie In My Mind / Nightcrawling ***

—————

[ BØRNS ]

Who > แรกเริ่มฟังเสียงของเขา เราก็ชักไม่แน่ใจว่า สรุปแล้วเขาเป็นเพศไหนกันแน่ แต่จะสนใจไปทำไม ในเมื่อยุคนี้มันยุคไร้เพศ ที่ไม่เห็นจะต้องตัดสินว่าจะฟังหรือไม่ฟังจากเพศของนักร้อง สำหรับตัวของ Garrett Clark Borns เขากลับไม่แคร์อะไรทั้งนั้น เขาแค่สนุกกับการทำเพลง และสนุกกับศิลปะและแรงบันดาลใจแขนงต่างๆ ที่บรรจงใส่ลงไปในมิวสิควิดีโออย่างเฟี้ยวเท่ และด้วยสไตล์การแต่งตัวที่ชอบหยิบจับไอเท็มเสื้อผ้าของ GUCCI มาใส่อยู่บ่อยๆ แบรนด์ก็เลยจับเขาเป็นแบบในแคมเปญคอลเล็กชั่นเสียเลย

Why > ด้วยเสียงร้องแบบ Androgynous ทำให้เราเพลิดเพลินมากกับการฟังดนตรีที่ออกจะ Psychedelic มากเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด ที่แน่ๆ เราชอบเสน่ห์การร้องและดนตรีแบบนี้ เพราะมันติดอยู่ในหัวไม่ไปไหน มีเวลาให้เราคิดถึงมันสักพัก และสุดท้ายก็ติดมัน คล้ายกับการเสพยาขนานดนตรีดีๆ นั่นเอง

Track > Sweet Dreams / American Money / Electric Love ***