fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

“Music’s Top 40 Money Makers 2014: The Rich List” มาดูรายชื่อศิลปินที่ทำเงินมากที่สุดประจำปี 2013 จากนิตยสาร Billboard
date : 19.มีนาคม.2014 tag :

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2014 นิตยสาร Billboard ได้จัดอันดับนักร้องที่ทำรายได้สูงสุดประจำปี 2013 หรือ “Top Money Makers List” โดยนักร้องสาวคันทรี่ขวัญใจชาวอเมริกันวัย 24 ปี อย่าง Taylor Swift ได้คว้าอันดับ 1 ไปครองสมใจ เพราะตลอดปีที่ผ่านมาเธอสามารถทำเงินจากทั้งอัลบั้มชุดใหม่ “Red” การทัวร์คอนเสิร์ตที่กินเวลายาวถึง 6 เดือนทั่วประเทศสหรัฐฯ ที่ขายบัตรหมดแทบทุกรอบ และการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามากมาย ซึ่งทั้งหมดเธอกวาดรายได้ไปมากถึง $39,699,575.60 USD หรือประมาณ 1,295 ล้านบาทเลยทีเดียว

ส่วนอันดับที่ 2 ตกเป็นของ Kenny Chesney นักร้องคันทรี่ที่ครองตำแหน่งศิลปินที่มียอดขายตั๋วคอนเสิร์ตมากที่สุดในรอบ 10 ปี โดยมีรายรับไปกว่าสามสิบสองล้านเหรียญสหรัฐฯ ($32,956,240.70) หรือประมาณ 990 ล้านบาท

อันดับที่ 3 ตกเป็นของหนุ่ม Justin Timberlake ที่เมื่อปีที่แล้วได้ปล่อยอัลบั้มเพลงชุดใหม่ในรอบ 6 ปีอย่าง  “The 20/20 Experience” มาให้แฟนเพลงได้หายคิดถึง แถมยังได้การตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งเขาสามารถกวาดรายได้ไปกว่าสามสิบเอ็ดล้านเหรียญสหรัฐฯ ($31,463,297) หรือประมาณ 950 ล้านบาท

ส่วนวงฮาร์ดร็อคอย่าง Bon Jovi ก็เข้ามาอยู่ในอันดับ 4 วงนี้เป็นวงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงปี 1980’s ผ่านมาเกือบ 30 ปีพวกเขามียอดขายอัลบั้มมากกว่า 120 ล้านชุดทั่วโลก ส่วนปีที่แล้ว พวกเขาสามารถทำรายได้โดยเฉพาะจากการทัวร์คอนเสิร์ตไปยี่สิบเก้าล้านเหรียญสหรัฐฯ ($29,436,801) หรือราว 945 ล้านบาท

อันดับ 5 ได้แก่ Rolling Stones วงร็อครุ่นเก๋าจากเกาะอังกฤษ ที่ไม่เคยห่างหายไปจากวงการดนตรีนับตั้งแต่ปรากฏตัวครั้งแรกในยุค 60s วงหินกลิ้งนี้เมื่อปีที่แล้วทำรายได้ไปกว่ายี่สิบหกล้านเหรียญสหรัฐฯ ($26,225,121)  หรือราว 842 ล้านบาท

ต่อด้วยอันดับ 6 ตกเป็นของสาว Beyoncé โดยล่าสุดเธอเพิ่งจะขึ้นแสดงในเพลง “Drunk in Love” กับสามีแร็ปเปอร์ชื่อดัง Jay-Z ในงาน Grammy Awards 2014 นอกจากนี้เมื่อต้นปีที่แล้ว เธอยังได้ขึ้นแสดงในช่วงพักครึ่งในการแข่งขัน Super Bowl อีกด้วย แล้วไหนจะคอนเสิร์ตอันยิ่งใหญ่ของเธอกับ Mrs. Carter Show World Tour ทำให้ปีที่แล้วเธอทำรายได้ไปกว่ายี่สิบสี่ล้านเหรียญสหรัฐฯ ($24,429,176.86) หรือประมาณ 784 ล้านบาท

อันดับ 7 ตกเป็นของวง Maroon 5 ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้พวกเราจะคุ้นหน้าหนุ่ม Adam Levine จากรายการ The Voice (US) เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่รายได้ที่ทางวงได้รับส่วนใหญ่มาจากการทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งพวกเขารับไปถึง $17.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนซิงเกิ้ลยอดฮิตอย่าง “Payphone”, “One More Night” และ “Daylight” ต่างก็ประสบความสำเร็จและสามารถไต่อันดับ top 10 ในชาร์ทบิลบอร์ดได้ทั้งหมด ทำให้เมื่อปีที่แล้วหนุ่มๆวง Maroon 5 กวาดรายได้ไปกว่ายี่สิบสองล้านเหรียญสหรัฐฯ ($22,284,754.07) หรือราว 715 ล้านบาท

อันดับที่ 8  ได้แก่นักร้องคันทรี่ดาวรุ่ง Luke Bryan เจ้าของเพลงฮิต “Drunk On You”  ซึ่งอัลบั้มของเขาสามารถทำเงินไปกว่า $2.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แถมทัวร์คอนเสิร์ตของเขาก็ทำเงินได้มากถึง $15.4 ล้านเหรียญ รวมทั้งหมด Bryan กวาดเงินไปได้กว่ายี่สิบสองล้านเหรียญสหรัฐฯ ($22,142,235.98) หรือราว  $710 ล้านบาท

ส่วนอันดับที่ 9 ตกเป็นของศิลปินสาวซ่า Pink ซึ่งรายได้ที่เธอได้รับส่วนใหญ่มาจากการทัวร์คอนเสิร์ต ที่ทำรายได้มากถึง $15.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนอัลบั้มล่าสุด “The Truth About Love” ของเธอก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งเป็นครั้งแรก แถมแต่ละซิงเกิ้ลจากอัลบั้มนี้อย่าง “Try” และ “Just Give Me a Reason” ก็ต่างอยู่อันดับ top 10 หมด ทำให้เธอกวาดรายได้ไปกว่ายี่สิบล้านเหรียญสหรัฐฯ ($20,072,072.32) หรือประมาณ 645 ล้านบาท

และอันดับ 10 ก็ตกเป็นของวง Fleetwood Mac เจ้าของเพลงฮิตตลอดการอย่าง “Dreams”  โดยพวกเขาประสบความสำเร็จในวงกว้าง ระหว่างช่วงปี 1975 ถึง 1987 ปัจจุบัน Fleetwood Mac ยังมีงานแสดงทัวร์คอนเสิร์ต โดยเฉพาะ world tour ในปีที่แล้วที่พวกเขาแสดงมากถึง 34 เมืองทั่วโลกและกวาดรายได้ไปกว่า $17.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บวกกับอัลบั้มใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกมาหลังจากห่างหายไปกว่าสิบปีอย่าง “Extended Play”  ที่ไต่อันดับขึ้นไปถึงอันดับที่ 48 บนชาร์ท Billboard 200 ทำให้วง Fleetwood Mac ทำรายได้ไปมากถึงสิบเก้าล้านเหรียญสหรัฐฯ ($19,123,101.98) หรือประมาณ 614 ล้านบาท

ส่วนใครที่อยากตามดูหมดทั้ง 40 อันดับ สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.billboard.com/articles/list/5930326/music-s-top-40-money-makers-2014-the-rich-list

Credit: Billboard 

RECOMMENDED CONTENT

9.กันยายน.2019

เนื่องจากคุณฟูจิตระหนักถึงปัญหาการผลิตสินค้าด้วยพลาสติกจำนวนมากที่เติบโตขึ้นในชีวิตประจำวันของเราเหมือนดอกเห็ดตั้งแต่ยุค 70 ในปีค.ศ. 1997 เขาจึงได้เริ่มเก็บสะสมของเล่นพลาสติกที่ไม่เล่นแล้วตามบ้านเรือน