ช่วงนี้เราพยายามมองหาร้านดัง ร้านเก่าแก่ในกรุงเทพ ร้านที่ไม่จำเป็นต้องชื่อดัง คนต่อคิวล้นหลาม แต่ขอให้เป็นร้านดีงาม เท่านี้ก็พอ หลายเสียงก็บอกคล้ายกันว่า “เออ มีร้านนึง อยู่ตรงหัวมุมแยกบางรักไง” ใช่ๆ เห็นภาพเลย ผ่านไปย่านนั้นทีไร ก็จะเห็นร้านอาหารมุสลิมตั้งอยู่ สืบเสาะมาได้ว่าร้านนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบของคนในย่านนั้นมานานแสนนานแล้ว (แถวๆ นั้นเป็นชุมชนอิสลามเก่าแก่ของกรุงเทพ) รวมถึงบรรดาเด็กนักเรียนอัสสัมชัญบางรัก บางทีก็มาแวะเวียนกินที่ร้านนี้บ้างเหมือนกัน
.
.
วิธีการเดินทางนั้นแสนง่าย นั่งบีทีเอสมาลงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นก็เดินเท้าขึ้นมาทางฝั่งบางรักเล็กน้อย พอเลยหัวโค้งที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโรงแรมหรู State Tower แค่หันมาทางซ้าย ก็เจอร้านตั้งอยู่หัวมุมเลยทันที
.
เราเดินเข้าไปในร้านที่มีที่ว่างให้นั่งเลือกได้ตามสบาย บรรยากาศร้านดูแล้วรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในซีนร้านน้ำชาของทางภาคใต้ นี่ถ้าไม่ใช่อารมณ์ร้านในหาดใหญ่ ก็ต้องเป็นปีนัง มะละกาแน่ๆ เพดานสูง ร้านเน้นพื้นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก มีเก้าอี้ไม้พนักยาวตั้งเรียงกันติดกำแพง สีผนังที่ตัดระหว่างเหลืองอ่อนและฟ้ามันช่างเป็นเอกลักษณ์ที่เห็นแล้วได้มูดแบบนั้นจริงๆ เรารู้สึกสบายและเป็นกันเองมากๆ เหมือนนั่งในโรงอาหารโรงเรียนยังไงยังงั้น
.
อิ่มเอมใจกับบรรยากาศสักพัก ก็เริ่มต้นทำการสั่งอาหาร ตามสไตล์ของร้านอาหารอิสลาม คือถ้าเราเซียนหน่อยก็สามารถสั่งจากตู้ก็ได้ หน้าร้านจะมีตู้กระจกตั้งเป็นเอกลักษณ์ มีแกงต่างๆ ใส่จานเอาไว้ หรือถ้าไม่ค่อยคุ้นเคยก็ทำแบบเรา คือเลือกสั่งเมนูจากบนโต๊ะได้เช่นกัน จากเมนูสไตล์ข้าวหมกและซุปชนิดต่างๆ ให้เลือก เราตัดสินใจลองกันที่เบสิคอย่าง ข้าวหมกไก่ (65 บาท) แล้วก็สั่งแกงเนื้อ เผื่อมาตักกินคู่กัน
.
.
ดูดน้ำชาชื่นใจหลังจากเดินมาร้อนๆ ไม่ก่ีอึดใจ อาหารก็มาเสิร์ฟแล้ว ฝั่งแกงเนื้อ ใส่มาเป็นจานสแตนเลส สีสันดูน่ากินหอมกลิ่นเครื่องเทศมากๆ รสชาติก็เข้มข้นกะทิ เนื้อเหนียวนุ่มกัดกำลังดี ราดข้าวแล้วอร่อยเหาะ ส่วนฝั่งข้าวหมกไก่ก็มาแบบจัดเต็มพูนจาน ข้าวเม็ดสีเหลืองที่รูปทรงดูแปลกตากว่าข้าวไทยที่เรากินๆ กัน เรียกว่า ข้าวบุหรี่ ก็คือผ่านกรรมวิธีการหุงคู่กันกับเครื่องเทศ เมื่อข้าวบุหรี่มากินคู่กับเนื้อแพะก็จะเรียก ‘ข้าวหมกแพะ’ เมื่อมากินหมกกับไก่ก็จะเรียก ‘ข้าวหมกไก่’
.
ซึ่งข้าวหมกไก่ของร้านนี้หอมเครื่องเทศและรสชาติกลมกล่อมมาก เนื้อไก่ที่หมกมาก็เนื้อนุ่มแน่นกำลังดี หั่นเอาเนื้อหลุดออกจากกระดูกสบายๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มรสเผ็ดหวานที่ทำจากพริกสีเขียว ซึ่งร้านนี้ทำได้รสเข้มข้นดีจริงๆ ที่แปลกกว่าร้านไหนๆ คือ เมนูนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกับ ‘แกงมะเขือ’ เป็นเหมือนของกินคู่กันไม่คิดตังค์ แกงน้ำสีส้มที่ในนั้นมีมะเขือ และชิ้นเนื้อติดกระดูกอ่อน รสชาติเปรี้ยวนิดๆ กินแล้วช่วยตัดความเลี่ยนของข้าวหมกไก่ได้ดีเยี่ยม
.
กินอิ่มท้องแล้ว ก็อดที่จะอยากคุยกับเจ้าของร้านไม่ได้ ป้านี ผู้นั่งประจำอยู่ตรงเค้าน์เตอร์หน้าร้านก็พร้อมคุยด้วยหน้าตายิ้มแย้มอยู่แล้ว คำถามแรกเราเลยคือ “ร้านนี้มีชื่อร้านไหม?” เพราะป้ายหน้าร้านเขียนตรงๆ โต้งๆ ว่า ‘ร้านอาหารมุสลิม’ ป้านีก็บอกว่าไม่มีชื่อเลย ก็เรียกตรงๆ แบบนี้นี่ล่ะ จากการสอบถามเพิ่มเติมก็ได้ความว่า ป้านี เป็นเจ้าของร้านรุ่นที่ 2 แล้ว ตอนนี้ร้านก็กำลังถูกส่งผ่านให้ดูแลโดยรุ่นที่ 3 เรียบร้อยแล้ว
.
ป้านีเล่าว่า เจ้าของร้านรุ่นที่ 1 คุณพ่อของป้า เดิมทีมีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแพะ คอยส่งแพะชั้นเยี่ยมให้กับในวังหรือตามร้านอาหารดังๆ ในกรุงเทพยุคสมัยก่อน จนมาวันหนึ่งก็เกิดไอเดีย ด้วยความที่ตัวเองก็มีวัตถุดิบชั้นเยี่ยมอยู่ในมือ ก็เลยเปิดเป็นร้านขายข้าวหมกแพะ ข้าวหมกไก่ ตามสไตล์อาหารอิสลามต้นตำรับแท้ๆ ขึ้นมา ป้าเล่าว่าเปิดมาแล้วกว่า 70 ปี ยุคนั้นแถวนี้ยังมีรถรางวิ่งกันอยู่เลย
.
ตอนแรกก็คือทำตอบโจทย์คนอิสลามในบริเวณย่านนี้เท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ป้าเล่าว่าลูกค้าร้านนี้ไม่ใช่จำเป็นว่าเป็นคนมุสลิมอย่างเดียว บรรดาคนจีนที่อาศัยอยู่ในตรอกซอยย่านบางรักข้างๆ ก็มากินที่ร้านนี้กันเป็นประจำเช่นกัน ลูกค้าปัจจุบันก็มีทั้งขาประจำคือคนมุสลิมในชุมชนเก่าแก่ในละแวก คนจีนในย่านบางรัก ขาจรที่เดินทางผ่านมากินกัน คนต่างชาตินักท่องเที่ยวตะวันตกตะวันออกมาหมด เราว่าเหตุผลด้วยความที่ร้านของแกมั่นใจเรื่องวัตถุดิบและเครื่องเทศต้นตำรับเป็นพิเศษ ถึงทำให้อยู่มานานได้ขนาดนี้
.
.
สำหรับใครที่อยากลองไปชิมด้วยตัวเอง ร้านตั้งอยู่ที่แยกบางรัก แถมเรามั่นใจว่า ถ้าคุณได้เดินผ่านย่านนั้นยังทัวร์กินได้อีกหลายร้านมากๆ เมนูแนะนำร้านนี้ก็ไม่ได้มีแค่ข้าวหมกเท่านั้นนะ ต้องขอโทษด้วยที่เราไม่ได้สั่งข้าวหมกแพะมาชิม เพราะเนื้อแพะต้องแล้วแต่วันที่มีขายเฉพาะด้วย (เขาแคร์เรื่องวัตถุดิบมากๆ )
.
นอกจากนั้นยังมีเมนูยอดฮิตอีกคือแกงกระหรี่ไก่ ที่เห็นในตู้แล้วเนื้อแกงดูเข้มข้นน่าทาน ไก่ชิ้นโตๆ ทั้งนั้น หรือมะตะบะไก่ชิ้นแน่นปั๊ก เนื้อแป้งสีเหลืองอร่ามอยากรู้จังว่าไส้ข้างในจะขนาดไหน (ต้องรอบหน้า) แล้วก็ที่ขาดไม่ได้กินคู่กันกับข้าวหมกคือ ซุปหางวัว เห็นโต๊ะข้างๆ สั่งก็น่าทานเช่นกัน อ้อ ของหวานก็มีด้วยนะ เรียกว่าถ้าใครชอบอาหารอิสลาม แต่หาร้านถูกใจตัวเองไม่ได้สักที เราว่าร้านนี้อาจจะมีแววเลยก็ได้ ยังไงอย่าลืมไปลองทานกันล่ะ 🙂
.
Writer & Photographer : Pakkawat Tanghom
.
RECOMMENDED CONTENT
แคมเปญล่าสุดของไนกี้ "Play New" เชิญทุกท่านมาค้นพบกับกีฬาในมิติใหม่ พร้อมเปิดตัวด้วยภาพยนตร์ที่นำแสดงโดยนักกีฬาชื่อดัง ได้แก่ ซาบริน่า อิโอเนสคู (Sabrina Ionescu), ไดน่า แอชเชอร์-สมิธ (Dina Asher-Smith) และ เบลก ลีเพอร์ (Blake Leeper) รวมถึงศิลปินระดับโลกอย่าง โรซาเลีย (Rosalía) สิ่งที่ทั้ง 4 คนนี้มีเหมือนกันก็คือความชื่นชอบในการเคลื่อนไหว การเล่น และการแข่งขัน