ก้าวเข้าสู่เดือนแห่งความรัก ที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรักและความอบอุ่นหัวใจ ที่ทุกคู่รักจะได้แสดงออกและบอกเล่าความรู้สึกดีๆ ผ่านของขวัญชิ้นล้ำค่า เปรียบดั่งตัวแทนของหัวใจมอบให้แก่กัน ที่ล่าสุดแบรนด์เรือนเวลาหรูสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ‘มิโด’ (Mido) ได้จัดแคมเปญ ‘มาย มิโด เลิฟ เดท’ (MY MIDO LOVE DATE) เอาใจเหล่าคู่รักได้บอกเล่าเรื่องราวความรักไร้กาลเวลาผ่านเรือนเวลาดีไซน์หรูที่จะคอยเชื่อมหัวใจของกันและกัน พร้อมแนะนำเทคนิคการเลือกนาฬิกามอบเป็นของขวัญให้แก่คนรักรับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์
‘มิโด’ (Mido) แบรนด์นาฬิกาในเครือ สวอทช์ กรุ๊ป (Swatch Group) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท Mido G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1934 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน รวมถึงความเที่ยงตรงสูงซึ่งได้รับการรับรองจาก Contrôle Official Suisse des Chronomètres (Official Swiss Chronometer Testing Institute) หรือ COSC.
สำหรับแคมเปญ ‘มาย มิโด เลิฟ เดท’ (MY MIDO LOVE DATE) ที่ได้จับคู่คอลเลกชั่นอันโดดเด่นสำหรับคู่รัก เริ่มที่ คู่คอลเลกชั่น ‘บารอนเชลลี่ ดอนน่า โรซ่า’ (Baroncelli Donna Rosa) นาฬิกาข้อมือสำหรับหญิงสาวที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิงที่น่าหลงใหลและสง่างาม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากดอกกุหลาบอันงดงามจากธรรมชาติ ถ่ายทอดผ่านดีไซน์ตัวเรือนวงกลมโค้งมนเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ที่ชวนให้นึกถึงกลีบของดอกกุหลาบที่กำลังเบ่งบาน มาพร้อมกับการขับเคลื่อนตัวเรือนด้วยกลไก Caliber 80 ที่ถูกพัฒนาได้รับมาตรฐานทำให้มีกำลังสำรองถึง 80 ชั่วโมง จับคู่กับนาฬิกาบุรุษอย่าง ‘บารอนเชลลี่ บิ๊ก เดท’ (Baroncelli Big Date) คอลเลกชั่นพิเศษเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีแบรนด์ ‘มิโด’ (Mido) ที่ถูกสร้างสรรค์การออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานความงดงามของสถาปัตยกรรม 2 แห่งเข้าด้วยกัน อย่าง แรนส์ โอเปร่าเฮ้าส์ (Rennes Opera House) ในประเทศฝรั่งเศส และ กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด (Galleria Vittorio Emanuele II) ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเส้นสายความโค้งมนบนตัวเรือนของบารอนเชลลี่นั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงเทคนิคการออกแบบและความประณีตชั้นสูงในการสร้างสรรค์เรือนเวลาได้อย่างมีเอกลักษณ์ผสานเข้ากับฟังก์ชั่น Big Date ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของทางแบรนด์ที่มีรูปแบบการแสดงวันที่ขนาดใหญ่มาใช้เป็นจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ พร้อมกับการเพิ่มระดับของกำลังสำรองกลไกให้เพิ่มขึ้นเป็น 80 ชั่วโมง
ถัดมาที่คู่นาฬิกาคอลเลกชั่น ‘บารอนเชลลี่ เลดี้ เดย์ แอนด์ ไนท์’ (Baroncelli Lady Day & Night) นาฬิกาสำหรับหญิงสาวที่มีคอนเซ็ปต์หนึ่งเรือนเวลาที่สะท้อนได้ถึงสามอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นสุขุม ภูมิฐาน หรือหรูหราอย่างเหนือระดับ ถูกผสมผสานให้อยู่ในนาฬิกาเพียงเรือนเดียวเพียงแค่ปรับเปลี่ยนสายตามไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ ได้แก่ สายหนังสีดำแบบกึ่งด้านที่เหมาะสำหรับหญิงสาวผู้ต้องการความเรียบโก้และน่าเชื่อถือ ต่อมาที่สายหนังสีแดงเคลือบแลคเกอร์ให้แวววาวขึ้น เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่ต้องการนาฬิกาดีไซน์หรูสำหรับใส่ออกงาน และสายผ้าลวดลายซาตินสีเทา ซึ่งเหมาะสำหรับเวิร์คกิ้งวูแมนที่ชื่นชอบความเรียบง่ายและมีไลฟ์สไตล์ที่คล่องตัว โดยสายทั้งสามรูปแบบนี้สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวเรือนทรงกลมสแตนเลสสตีล ซึ่งถูกสร้างสรรค์ให้ลงตัวกับชุดหน้าปัดสีขาวมุก พร้อมลวดลายสวยสะดุดตาบนหน้าปัด อีกทั้งยังเพิ่มการประดับเพชรในตำแหน่งตัวเลข 3, 9 และ 12 ซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้นาฬิการุ่นดังกล่าวได้เป็นอย่างดี รวมถึงการติดตั้งกลไกรหัสคาร์ลิเบอร์ 80 ที่มีกำลังสำรองสูงถึง 80 ชั่วโมง จับคู่กับนาฬิกาสำหรับบุรุษอย่าง ‘มัลติฟอร์ท โครโน วัน’ (Multifort Chrono 1) นาฬิกาที่มีรูปลักษณ์อันทันสมัยและกลไกที่ได้รับการยอมรับว่าถูกพัฒนาขึ้นบนความยอดเยี่ยมของนวัตกรรมของโลกแห่งเรือนเวลา ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกเหนือกาลเวลาที่การันตีด้วยชื่อเสียงอันยาวนานผสานเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย ด้วยตัวเรือนทรงกลมเคลือบ PVD สีดำ เสริมลุคให้ดูเคร่งขรึมและภูมิฐานด้วยลวดลายบนหน้าปัดแบบเจนีวา สไตรป์ (Geneva Stripes) ที่วางตัวในแนวตั้งซึ่งสื่อถึงสายเคเบิลที่รองรับน้ำหนักและการสั่นสะเทือนที่ถูกขึงอยู่บนสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ ตัวเรือนขับเคลื่อนด้วยกลไก Caliber 80 Si ซึ่งเป็นกลไกที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อติดตั้งในเรือนเวลาหรู ผ่านการทดสอบด้วยมาตรฐาน COSC อีกทั้งยังมีการใช้ไขลานที่ผลิตจากซิลิคอน ชิ้นส่วนสำคัญที่จะคงความเที่ยงตรงในการเดินของนาฬิกาได้อย่างยาวนานกว่ากลไกปกติ อีกทั้งยังทนทานต่อสนามแม่เหล็ก
และคู่นาฬิกาจากคอลเลกชั่น ‘บารอนเชลลี่ พริสมา’ (Baroncelli Prisma) เครื่องประดับเรือนเวลาหรูสำหรับสุภาพสตรี ที่สร้างความโดดเด่นด้วยตัวเรือนวงกลมตกแต่งด้วยเปลือกหอยมุกประดับกว่า 25 ชิ้น ซึ่งจัดวางด้วยฝีมือช่าง ที่ออกแบบเป็นทรงรีพร้อมล้อมรอบด้วยเพชรจำนวน 51 เม็ด สร้างเสน่ห์และดึงดูดความสนใจให้เหล่าหญิงสาวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับกลไกระบบออโตเมติกรุ่นล่าสุด Caliber 80 ที่สามารถเก็บพลังงานสำรองได้สูงสุดถึง 80 ชั่วโมง จับคู่กับนาฬิกาคอลเลกชั่น ‘คอมมานเดอร์ บิ๊ก เดท’ (Commander Big Date) นาฬิกาออโตเมติกอันสง่างามที่ยังคงงานดีไซน์ตามแบบฉบับของรุ่นคอมมานเดอร์ไม่เสื่อมคลาย ด้วยหน้าปัดขนาดใหญ่ ที่มีจุดบอกเวลาเป็นตัวเลขแบบขีด และมีช่องบอกวันที่ตรงบริเวณเลข 6 ของหน้าปัด ผลิตโดยช่างทำนาฬิกาชั้นสูงที่ผสานกลไกทรงประสิทธิภาพด้วยพลังงานสำรองยาวนานกว่า 80 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับกลไกนาฬิกามาตรฐานทั่วไปที่มีระยะเวลาเพียง 42 ชั่วโมง
นอกจากนี้ทางแบรนด์ ‘มิโด’ (Mido) ยังได้แนะนำเทคนิคการเลือกนาฬิกาเป็นของขวัญ มอบให้คนรักต้อนรับเทศกาล วาเลนไทน์ เริ่มที่ คู่รักสไตล์มินิมอล ที่หลงใหลการแต่งตัวสไตล์ Less is More ควรเลือกของขวัญเป็นนาฬิกาที่สามารถเข้าชุดกับเสื้อผ้าเรียบง่ายได้เป็นอย่างดี อย่างนาฬิกาสายหนังเรียบๆ หรือสายผ้าสีพื้น ที่มีหน้าปัดทรงกลมแบนในเฉดสีล้วน เช่น สีดำ สีขาว ส่วนตัวเรือน หน้าปัดใช้ขีดเป็นจุดบอกเวลาและมีเข็มนาฬิกาขนาดเล็ก ซึ่งจะไม่ทำให้นาฬิกาโดดเด่นกว่าเสื้อผ้า
ถัดมาที่ คู่รักวัยทำงาน สำหรับหนุ่มสาวนักธุรกิจ ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรเลือกนาฬิกาเป็นของขวัญ โดยพิจารณาจากการสวมใส่เข้ากันได้ดีกับชุดสูทหรือชุดเดรส อาจจะเลือกเป็นนาฬิกาสายสแตนเลสตีลแบบต่อข้อ หรือสายหนังโทนสีเรียบอย่างสีดำหรือสีน้ำตาล ส่วนด้านตัวเรือนอาจจะเลือกหน้าปัดที่มีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมที่มีช่องบอกวันที่ และควรเลือกตัวเรือนที่มีขนาดพอดีกับข้อมือของคู่รัก
ปิดท้ายที่ คู่รักสายสังคม หนุ่มสาวที่ต้องพบปะผู้คนอยู่ตลอดเวลา ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะเป็นภาพจำแก่คนที่พบเจอ ซึ่งนอกจากเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายที่ดูดีแล้ว เครื่องประดับที่สวมใส่ก็สามารถบ่งบอกถึงรสนิยมได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ฉะนั้นควรเลือกนาฬิกาที่มีดีไซน์โดดเด่น ดึงดูดสายตาเป็นของขวัญให้แก่กัน ผู้หญิงเหมาะกับตัวเรือนที่มีหน้าปัดประดับด้วยไข่มุกหรือเพชรระยิบระยับที่ล้อกับแสงไฟยามกลางคืน สร้างแรงดึงดูดและเป็นจุดสนใจบนข้อมือได้เป็นอย่างดี และสำหรับผู้ชายเหมาะกับตัวเรือนที่มีดีไซน์พิเศษ ช่องวันที่ขนาดใหญ่ดูโดดเด่น เข้าคู่กับสายนาฬิกาแสตนสตีลตัดสลับกับสีโรสโกลด์ก็ช่วยเสริมลุคดูน่าเข้าหาเป็นอย่างมาก
ร่วมเลือกนาฬิกามอบเป็นของขวัญแก่คนรักต้อนรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ ด้วยเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ ‘มิโด’ (Mido) นาฬิกาดีไซน์หรูคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss Made ได้แล้ววันนี้ที่ เคาน์เตอร์ ‘มิโด’ (Mido) เซ็นทรัล, โรบินสัน และเดอะมอลล์
RECOMMENDED CONTENT
Toro y Moi (โตโร อี มัว) หรือ Chaz Bear (เมื่อก่อนเรารู้จักเขาในชื่อ Chaz Bundick) คือศิลปินที่มีสไตล์ดนตรีหลากหลายในทุกอัลบั้มที่ออกมา เพราะได้อิทธิพลการฟังดนตรีหลากหลายแนวตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเป็นที่รู้จักจากผลงานสไตล์ chillwave/ bedroom pop