จากผลงานภาพถ่ายชุด “1972” ของช่างภาพ Noritaka Minami ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นในอพาร์ทเมนต์แบบ Capsule ที่เคยโด่งดังในอดีต จนถึงวันนี้ผ่านมากว่า 47 ปีแล้ว สภาพของอาคารจะเป็นยังไงบ้าง มาดูกัน
“Nakagin Capsule Tower” ผลงานชิ้นสำคัญของสถาปนิกรุ่นใหญ่ชาวญี่ปุ่น “Kisho Kurokawa” (1934-2007) อีกหนึ่ง Landmark ของ Tokyo ที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันดี ในฐานะสัญลักษณ์ความรุ่งเรืองของวงการสถาปัตย์ญี่ปุ่นในยุค Modernism ที่ตอนนั้นกำลังบูมอย่างมาก
ย้อนไปตามชื่อผลงาน ในปี 1972 เป็นปีที่ตึกนี้สร้างเสร็จพอดี ช่วงนั้นญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวได้หลังจากที่โดนถล่มย่อยยับแพ้สงครามโลกครั้งที่สองมา สำหรับ Kurokawa และอีกหลายสถาปนิกในยุคนั้นเอง ด้วยความที่ซึมซับศิลปะและการออกแบบแนวโมเดิร์นมาเยอะ จึงเกิดการเคลื่อนไหวทางวงการสถาปัตย์ของญี่ปุ่นแนวใหม่เรียกว่า “Metabolist” แนวทางการออกแบบที่ให้ความสำคัญเรื่องการใช้ Space ภายใต้พื้นที่จำกัดและการใช้งบประมาณที่ประหยัดด้วย
ไม่ต่างจากหลักเมตาบอลิซึ่มทางการแพทย์ ที่พูดถึงเรื่องการสร้างและการละลายตัวในกระบวนการผลิตของเซลล์ ตึก Capsule นี้ ที่ใช้หลักการผลัดเปลี่ยนเก่าใหม่เหมือนกัน เริ่มต้นด้วยการวางโครงสร้างแกนหลักตรงกลางเป็นคอนกรีตอย่างหนาแข็งแรง จากนั้นจึงค่อยๆนำห้องแต่ละห้อง (ในที่นี้คือกล่อง Capsule) เข้ามาประกอบเสียบเข้าไปเป็นชั้นๆ รวมกันเป็นอาคารพักอาศัยหน้าตาไม่เหมือนใครอย่างที่เห็น…
ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงในวงการสถาปัตยกรรมทั้งในญี่ปุ่นหรือในโลกเลยก็ว่าได้ ตามเป้าที่ Kurokawa วางไว้มันสามารถอยู่ได้ถึง 200-300 ปี แต่ต้องเปลี่ยนห้อง Capsule ตลอดเวลารอบละไม่เกิน 25 ปี ซึ่งเรื่องจริงมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อลูกค้าซื้อขาดแต่ละห้องแล้วกระบวนการที่ว่าก็ทำได้ยากขึ้น ประจวบกับเจ้าของ Nakagin Tower เกิดล้มละลายงบประมาณก็มีไม่พอ จนผ่านไปกว่า 40 ปีแล้วก็ยังไม่เคยได้เปลี่ยน Capsule เลย สภาวะของสถาปัตกรรมชิ้นนี้ก็เลยตกอยู่ในสภาพที่ไม่มั่นคง ดูเป็นอันตราย และเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา
โปรเจคต์ชุดนี้ของ Noritaka Minami จึงเหมือนกับเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของชาวญี่ปุ่นเอาไว้ พอเห็นภาพในแต่ละห้อง(ทุกวันนี้ยังมีเจ้าของอาศัยอยู่เป็นปกติ) แล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าจะสร้างในต้นยุค 70’s จริงๆ การออกแบบข้างในเอามาเทียบกันกับทุกวันนี้ก็ยังดูทันสมัยอยู่ Noritaka เลือกใช้มุมมองนำเสนอแต่ละภาพแบบตรงๆมี Perspective จุดเดียวตรงกลางได้ออกมาสวย เรียบๆ เหมาะกับห้องแคปซูลเหล่านี้ที่มีหน้าต่างกลมๆกลางห้องบานเดียว นอกนั้นภาพรอบๆก็เป็นสิ่งของเครื่องใช้ เตียงที่นอน บอกเล่าบรรยากาศความเป็นอยู่ของแต่ละห้องแตกต่างกันออกไป ต่อให้บางห้องจะรกหรือบางห้องดูหรูยังไงรวมๆแล้วก็ยังดูสวยและโมเดิร์นสุดๆ แสดงให้เห็นเลยว่ามันเป็นผลงานออกแบบของสถาปนิกที่อยู่เหนือกาลเวลาจริงๆ
ปัจจุบัน “Nakagin Capsule Tower” ยังคงเปิดให้เช่ารายเดือนเป็นบางแคปซูล มีให้เลือก 3 แบบ คือแคปซูล Muji แคปซูลออริจินัล และแคปซูลหน้าต่างโซฟา โดยสนนราคาค่าเช่าต่อเดือนที่ 120,000 เยน หรือราวๆ 35,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีเปิดทัวร์เป็นรอบๆ รอบละ 45 นาที สำหรับใครที่ต้องการเข้าชมสถาปัตยกรรมของที่นี่ โดยราคาทัวร์ภาษาญี่ปุ่น 3,000 เยน ทัวร์ภาษาอังกฤษ 4,000 เยน โดยค่าใช้จ่ายจากทัวร์จะถูกนำไปใช้อนุรักษ์และฟื้นฟูอาคารนี้ต่อไป ซึ่งต้องติดต่อผ่าน nakagincapsule@gmail.com เท่านั้น
RECOMMENDED CONTENT
Netflix ประกาศวันสตรีม “Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง” ซีรีส์สัญชาติไทยเรื่องล่าสุด ที่จะพาผู้ชมไปเสาะหาความจริงกับภารกิจมืดภายใต้เงาของคนดีในเมืองหลวง ที่คุณไม่มีวันรู้ ถ้าไม่ได้ก้าวเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง