พบกันอีกครั้งกับคอลัมน์ Neighborhood Survey ซึ่งในครั้งนี้เราจะพาคุณมาสำรวจคอนโดน้องใหม่ของแบรนด์ THE LINE ระดับไฮเอนด์บนถนนเพชรบุรี ใกล้ๆกับ BTS ราชเทวี โดยแบรนด์ THE LINE นั้นเป็นการร่วมทุนกันระหว่างแสนสิริ กับ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง พัฒนาโครงการคอนโดในแนวรถไฟฟ้า ซึ่งเปิดขายไปแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ “THE LINE จตุจักร–หมอชิต” และ “THE LINE สุขุมวิท 71” ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทางลูกค้า จนตอนนี้ทั้ง 2 โครงการได้ Sold out ไปหมดแล้วเรียบร้อย ส่วนคราวนี้ก็ถึงคราว “THE LINE ราชเทวี” ที่ต้องบอกเลยว่าตั้งอยู่ในทำเลที่เป็น prime location มากๆ กับคอนเซ็ปต์ “The Centre of Everything, Location is Everything” เพราะอยู่ใจกลางเมืองเลยติดๆกับรถไฟฟ้าราชเทวี การเดินทางสะดวกสบาย เชื่อมต่อทุกจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว แถมยังรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร คาเฟ่ แกลเลอรี่ โรงเรียนกวดวิชา สถานศึกษาและอีกมากมาย ให้ทุกคนได้สนุกกับการใช้ชีวิต ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของหนุ่ม สาว คนเมืองสุด urban อย่างแท้จริง ซึ่งนี่แหละ คือ Highlight เด็ดของ “THE LINE ราชเทวี” ที่รับรองว่าถ้าใครได้มาอาศัยอยู่ที่นี่จะต้องรู้สึกรื่นรมย์ บันเทิงใจกับ Neighborhood ที่น่าอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งสำหรับวันนี้ เราจะไปดูกันว่า ในย่านราชเทวีแห่งนี้ จะมีปัจจัยในการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย และมีคุณภาพอย่างไรบ้าง
เดินทางได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ด้วยการคมนาคมสาธารณะ (Public Transportation) ที่เพียบพร้อม
มาเริ่มกันที่ตัวทำเลที่ตั้งกันก่อนเลย ซึ่งเราขอพูดในเชิงภาพกว้างๆให้ทุกคนเข้าใจกันง่ายๆ ตัวโครงการ “THE LINE ราชเทวี” นั้นอยู่บนถนนเพชรบุรีระหว่างแยกราชเทวีกับแยกประตูน้ำ แต่จะอยู่ใกล้แยกราชเทวีมากกว่า โดยมีระยะห่างจาก BTS ราชเทวีแค่ 220 เมตร เท่านั้น เรียกได้ว่าถ้าจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าก็ทำได้แบบชิลล์ๆ เพียงอึดใจเดียวคุณก็สามารถนั่งไปลงสยาม แหล่งช้อปปิ้ง และไลฟ์สไตล์ รวมความบันเทิงที่เพียบพร้อมที่สุดในกรุงเทพมหานคร หรือจะนั่งไปอีกไม่ถึง 5 นาที ต่อจากสยามไปลงสถานีชิดลม เดินเล่นช้อปปิ้งที่ CentralWorld ซึ่งอันที่จริงเมื่อคุณเดินทางด้วยรถไฟฟ้า คุณอยากจะเดินทางไปไหนมาไหนในเมืองกรุงเทพ ไม่ว่าจะสายสุขุมวิท หรือสายสีลมก็ได้หมดทั้งนั้นภายในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มที่วิ่งจากตลิ่งชันปลายทางมีนบุรี โดยรถไฟฟ้าจะวิ่งผ่านบริเวณแยกอุรุพงษ์ แยกราชเทวี และมาสุดที่แยกประตูน้ำ ซึ่งสถานีที่ใกล้โครงการก็จะเป็นสถานีประตูน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลดีให้กับผู้อยู่อาศัยในตัวโครงการ ด้วยตัวเลือกในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง คาดว่าถ้าสถานีนี้ก่อสร้างเสร็จเมื่อไหร่ ย่านแถวนั้นจะต้องคึกคักยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ
ติดกับ BTS ราชเทวี ยังมี ‘Coco Walk’ แหล่งรวมคาเฟ่ และร้านกินดื่ม สุดชิลล์
อีกแหล่งแฮงเอาท์ของคนย่านนี้ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ‘Coco Walk’ จุดรวมร้านอาหาร คาเฟ่ อย่าง Jaywalk Cafe, B-Story ร้านหมูกระทะ ร้านชาบู อย่าง Panda Master และที่นั่งดื่มสังสรรค์กับเพื่อนฝูงที่มีให้เลือกหลายร้าน หลายสไตล์ แบบ Open-Air โดยเราได้ไปทำการสัมภาษณ์แบบ mini-interview กับคาเฟ่ และร้านอาหาร 3 ร้านเก๋ๆ ที่คาดว่าน่าจะเป็นที่ถูกใจของกลุ่มนักศึกษา และคนทำงานวัยหนุ่มสาว ถึงเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกที่มาเปิดร้าน ทำกิจการที่นี่ ซึ่งคำตอบของพวกเขาน่าสนใจมากทีเดียว โดยเราขอเริ่มด้วยร้าน “B-Story” คาเฟ่เรือนกระจก หน้าตาน่ารักอบอุ่น ที่เชื่อว่าถ้าใครเคยเดินผ่านไปแถวนั้น จะต้องสะดุดตากันมาแล้วทุกคน เราไปคุยกับ คุณเอก – เอกชัย สายสอน และ ป้อม – สรรพชัย เสริมศิริธรรม 2 เจ้าของร้านนี้กัน
ทำไมถึงเลือกมาเปิดร้านที่นี่?
เนื่องจากปกติพวกเราทำร้านเสื้อผ้าอยู่แล้ว ชื่อแบรนด์ว่า B-Story Shop ที่แพลทินัม ประตูน้ำ และอีกอย่างพวกเราได้มาใช้บริการที่โครงการ Coco Walk เป็นประจำ พอเห็นทำเลตรงนี้ว่างเลยลองปรึกษากันดูว่าเข้ามาทำร้าน Café & Restaurant กันดูมั้ย ซึ่งทำเลตรงนี้ก็ดีมากๆ มีรถไฟฟ้าลงมาพอดี แถมที่จอดรถก็มีเยอะมากด้วย (ปัจจุบันยังคงทำร้านเสื้อผ้าด้วย)
คิดว่าทำเลนี้เป็นอย่างไร?
ทำเลย่านราชเทวีนี้ดีมากครับ การตกแต่งร้าน รวมถึงเมนูอาหารของทางร้าน B-Story นั้นก็ทำให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าในย่านนี้ เริ่มจากการตกแต่งร้านที่ดูงดงามราวกับอยู่ในเทพนิยายยุโรป มีสวนสีเขียวขจีที่ถือเป็นจุดพักผ่อน พักสายตาจากรถติดจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ซึ่งยังเป็นจุดดึงดูดให้คนส่วนใหญ่เข้ามาถ่ายรูปอีกด้วย ส่วนเมนูของทางร้านที่นอกจากเครื่องดื่มแล้ว ยังมีอาหารสไตล์ตะวันตกและเบเกอรี่ อันเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มเด็กนักเรียน นักศึกษา และกลุ่มคนทำงาน ซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเราเสียส่วนใหญ่ ร้านของเราจึงเพอร์เฟคต์มากสำหรับการนัดพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน เพราะการเดินทางมานั้นแสนสะดวก แค่ใช้ BTS ก็ลงมาถึงหน้าร้านเลย
และในอนาคต คิดว่าทำเลนี้จะเป็นอย่างไร?
คิดว่าต้องดีกว่าเดิม เพราะว่าบริเวณรอบข้างมีทั้งคอนโด และห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นมามากมายครับ
มาต่อกันที่คาเฟ่ของคนรักแมว (ใช่! ที่นี่ก็มีคาเฟ่แมวอยู่ด้วย!) กับ “Caturdaycatcafe” ว่าทำไม คุณเกม เจ้าของร้าน ถึงเลือกที่จะมาเปิดคาเฟ่แมวใน Coco Walk แห่งนี้
ทำไมถึงเลือกมาเปิดร้านที่นี่?
ที่เลือกมาเปิดร้านที่นี่ เพราะศักยภาพของทำเลย่านราชเทวีที่เชื่อมต่อกับทุกโซนสำคัญในกรุงเทพฯ มีรถไฟฟ้าผ่าน ทำให้ง่ายแก่การเดินทางไม่ว่าจะอยู่โซนไหน แค่ใช้ BTS ก็เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง ประหยัดเวลาไม่ต้องกังวลเรื่องรถติด ทำให้หลายๆคนไม่รู้สึกถึงความยากลำบากในการมา อยากมาก็นั่งรถไฟฟ้ามาแป๊ปเดียว ถ้าจะเดินทางไปไหนต่อ แค่ขึ้นรถไฟฟ้าไปที่อื่นต่อก็ทำได้เลย
นอกจากนี้ ที่ตรงนี้ยังเป็นที่ที่ผมคุ้นเคย เพราะตั้งแต่สมัยเด็กๆ คุณพ่อจะพามาดูหนังที่แมคเคนน่า ต่อด้วยพาไปเดินเล่นที่สยามเป็นประจำ พอโตมาหน่อยก็เข้ามาเรียนพิเศษตามโรงเรียนกวดวิชา หรือจะนัดกับเพื่อนๆไปเที่ยว หรือทำรายงานก็จะนัดกันที่สยามเป็นประจำ สังคมของร้าน Caturdaycatcafe นั้นทุกคนจะเป็นเหมือนเพื่อนกัน ที่ร้านจะมีทั้งกลุ่มเด็กนักเรียน นักศึกษา กลุ่มคนทำงาน รวมไปถึงชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติในแถบเอเชียมากกว่า อย่าง ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ ครับ
คิดว่าทำเลนี้เป็นอย่างไร?
ทำเลตรงนี้ถือเป็นใจกลางกรุงเทพฯ ก็ว่าได้ แต่เป็นใจกลางที่รวบรวมตั้งแต่ร้านค้า ร้านอาหารเล็กๆ ไปจนถึงร้านอาหารใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงที่พักอาศัยชุมชน อพาร์ทเม้นท์ คอนโด โรงแรม ซึ่งเราสามารถที่จะเลือกจับจ่ายใช้สอยตาม lifestyle ของเรา แถวนี้มีให้เลือกหมดจริงๆครับ วันไหนจะกินส้มตำก็มี วันไหนอยากจะนัดเพื่อนๆมาสังสรรค์ นั่งชิลล์กับเพื่อนๆหลังเลิกงานก็มี หรือวันไหนอยากจะเข้าห้าง แถวนี้ก็มีครบหมด ซึ่งนี่แหละถือเป็นจุดเด่นของทำเลนี้เลย
และในอนาคต คิดว่าทำเลนี้จะเป็นอย่างไร?
อนาคตถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงมาก เพราะตั้งแต่อดีตเราจะเห็นเลยว่าทำเลตรงนี้ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ มีการพัฒนาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นด้านที่พักอาศัย หรือพวกห้างต่างๆก็มีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยอยู่ตลอด อย่างสถาบันการศึกษาอย่างจุฬาฯก็กำลังสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ของตัวเอง ทำให้รู้สึกได้ว่าความเจริญยังไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน
พูดคุยกับคาเฟ่หน้าตาน่ารัก กุ๊กกิ๊ก กันสองร้านไปแล้ว คราวนี้เรามาคุยกับร้านอาหาร สไตล์กินดื่ม ดริ๊งค์ๆ กันบ้างดีกว่า ว่าคุณเจ้าของร้าน อย่างคุณนิว – อุกฤษณ์ ทวีเกื้อกูลกิจ เขาจะมีความคิดคล้ายๆกับสองร้านทางด้านบนหรือไม่เกี่ยวกับทำเลแห่งนี้ ซึ่งร้านที่สามที่เราได้ไปพูดคุยด้วยคือร้าน “Hungry Nerd” ร้านอาหารสไตล์สเต็ก เบอร์เกอร์ ราคาเป็นกันเอง ที่ผ่านไปแถวนั้นกี่ที เราก็เห็นมีลูกค้านั่งกันเต็มตลอด อาจเป็นเพราะได้ทำเลดี ด้วยความที่ร้านอยู่ติดริมถนนเลยก็เป็นได้…
ทำไมถึงเลือกมาเปิดร้านที่นี่ ?
ที่เลือกเปิดร้านนี้ที่นี่ เพราะผมทำธุรกิจร้านอาหารประเภท bar & restaurant อยู่ใน area นี้มาสิบกว่าปีแล้ว ชื่อร้าน Chilling House Cafe อยู่ในโครงการเดียวกันกับร้าน Hungry Nerd เราจึงค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับทำเลบริเวณนี้เป็นอย่างดี และเล็งเห็นว่ากลุ่มผู้คนที่อาศัยและใช้ชีวิตอยู่บริเวณนี้ตรงกับ target group ของร้านเราพอดี ย่านราชเทวีตอนนี้คอนโดฯ High-End ก็ผุดขึ้นอย่างมากมาย และเป็นทำเลที่อยู่ท่ามกลางแหล่งสถาบันศึกษาชั้นนำทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือแหล่งรวมสถาบันกวดวิชา อย่างอาคารวรรณสรณ์และอาคารสยามกิตติ์ ซึ่งทางร้านจะมีกลุ่มเด็กนักเรียน นักศึกษา กลุ่มคนทำงาน ชาวต่างชาติทั้งแถบเอเชียและยุโรปที่ในแต่ละวันเข้ามาที่ร้านอย่างมากมาย รวมทั้งกลุ่มคนทำงานหรือผู้ปกครองที่ซื้อหรือเช่าคอนโดฯ เพื่อให้ลูกหลานอยู่อาศัย ใกล้กับแหล่งเรียน แหล่งทำงาน เพื่อเป็นการซื้อเวลาให้ไปเรียน และการเดินทางไปทำงานได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลากับการเดินทางในเมืองกรุงฯ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ร้านจะเป็นกลุ่มนักเรียนเตรียมอุดมศึกษา นิสิตจุฬาฯ กลุ่มคนทำงานมาก็เยอะ หรือกลุ่มคนที่พูดกันปากต่อปากแล้วอยากมาเยี่ยมชม รับประทานอาหารที่ร้าน เพราะการเดินทางที่ง่ายติด BTS ราชเทวีก็ถึงร้านแล้ว
คิดว่าทำเลนี้เป็นอย่างไร ?
ถือได้ว่าเป็นใจกลางเมือง เดินทางก็สะดวก เพราะร้านอยู่ติดกับทางขึ้นลง–รถไฟฟ้า ใกล้ห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมืองเพียงสถานีเดียว เช่น สยาม มาบุญครอง พารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ อีกทั้งยังใกล้สถานศึกษาหลายแห่ง และยังเป็นที่ตั้งของโรมแรมมากมาย จึงทำให้ฐานลูกค้าของเราไม่จำกัดลูกค้าคนไทย แต่ยังมีลูกค้านักท่องเที่ยวอีกจำนวนมากจากหลากหลายทวีปทั่วโลกอีกด้วย
และในอนาคต คิดว่าทำเลนี้จะเป็นอย่างไร ?
ในมุมมองของคนที่ทำธุรกิจในย่านนี้มายาวนาน ผมเชื่อว่าในอนาคต ย่านราชเทวีจะต้องมีการเจริญเติบโตทางเศรฐกิจขึ้นกว่านี้อีกอย่างแน่นอน และในบริเวณนี้ยังเป็นจุดรวมร้านอาหารมากมาย พอตกเย็นที่นั่งดื่มสังสรรค์กับเพื่อนฝูงก็มีมากมายหลายร้านให้เลือก หนึ่งในร้านที่คนชอบมานั่งมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นร้าน Chilling House Cafe เพราะอาหารอร่อย บรรยากาศดี ราคาก็ไม่แพง แถมยังมีดนตรีสดวงคุณภาพเล่นให้ฟังทุกคืน คืนละ 3 วง เริ่มกันตั้งแต่ 18.30 น. กันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ที่จอดรถก็สะดวกสบาย หลังเลิกงานก็แวะมาทานสเต็กที่ Hungry Nerd เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปนั่งชิลล์ๆฟังเพลงต่อที่ Chilling House Cafe จบค่ำคืนกันแบบสวยๆ ทั้งอร่อยและสนุกผ่อนคลาย ครบทุกอารมณ์
Siam Paragon ห้างสรรพสินค้าที่ครบเครื่องเรื่องช้อปปิ้ง และความบันเทิงทุกรูปแบบ
มีแบรนด์ high street ชั้นนำให้เลือกช้อปมากมาย อย่าง H&M เป็นต้น
แหล่งรวมตัวของนักกิน กับชั้น Food Hall ที่มีอาหารนานาชนิดให้ทุกคนได้เลือกทานไม่รู้จบ
Siam Center ห้างสรรพสินค้าสุดฮิป แหล่งรวมตัวของวัยรุ่น ทุกยุค ทุกสมัย
ภายในมีร้านแบรนด์ Thai Desginer และแบรนด์ต่างประเทศชื่อดังคูลๆมากมาย
อยู่ใกล้กับ ‘shopping destination’ ศูนย์รวมความบันเทิงอย่าง Siam Paragon, Siam Center และ Siam Discovery
หนึ่งในจุดเด่นของทำเลที่ตั้งของตัวโครงการนี้ที่เราว่าเด็ดสุดๆ ก็คือความที่มันอยู่ใกล้กับแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญมากที่สุดของเมืองกรุงเทพฯ อย่าง ‘สยาม’ นี่แหละ เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณจะมาทำกิจกรรมอะไร ที่นี่ก็สามารถตอบโจทย์คุณได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะมาทานอาหารอร่อยๆกับครอบครัว เดินเล่น ซื้อของ นั่งพูดคุยนัดเจอเพื่อนๆ ชมภาพยนตร์ ออกกำลังกาย หรือจ่ายค่าสาธารณูปโภค ห้างสรรพสินค้าทั้งหมดนี้มีทุกอย่างที่ทุกคนต้องการจริงๆ แถมทั้งสามห้างยังมีสไตล์ หรือกลิ่นอายที่แตกต่าง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้หลายแนว อย่าง Siam Center ห้างสรรพสินค้าสุดฮิป ล้ำสมัย ถูกใจวัยรุ่น ที่ซ่อนความเป็นแกลเลอรี่มิวเซียมอยู่ภายใน ให้เข้ากับธีม Ideaopolis ที่ไม่ใช่แค่การช้อปปิ้งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการเป็นเมืองแห่งแรงบันดาลใจ ร้านค้าที่นี่จึงมีความพิเศษ ตกแต่งอย่างโดดเด่นแทบทุกร้าน โดยเฉพาะโซนชั้น 2 ที่เป็นร้านของเหล่า ‘Thai Designers’ ชั้นนำของเมืองไทย อย่าง Greyhound, Flynow, Something Boudoir และ Milin เป็นต้น รวมถึงแบรนด์ต่างประเทศฮิปๆชื่อดังอีกมากมาย อย่าง adidas Originals, Pull & Bear, Victoria’s Secret, Sephora และ Forever21 หรือถ้าอยากจะช้อปพวกแบรนด์ high street หรือพวกแบรนด์เนมอันคุ้นเคย ก็แค่เดินข้ามไป Siam Paragon ที่ครบเครื่องเรื่องช้อปปิ้ง และความบันเทิงทุกรูปแบบ มีทั้งแบรนด์ H&M, Zara, Mango, Paul Smith, Chanel, Gap และอีกมากมาย ซึ่งนอกจากเรื่องช้อปปิ้งพวกเสื้อผ้าแล้ว ที่นี่ยังนับเป็นแหล่งรวมตัวของนักกินอีกต่างหาก เพราะมีโซนร้านอาหาร และ food hall ที่รวบรวมอาหารจากหลากหลายสัญชาติให้ทุกคนได้เลือกทานกันอย่างไม่หวาดไม่ไหว
นี่ยังไม่นับ Siam Discovery ที่กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง พร้อมเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2016 ที่จะถึงนี้อีก รวมถึง Siam Square One สยามสแควร์ และมาบุญครอง ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามใกล้ๆกัน หรือจะเดินไปยัง CentralWorld หรือ Central Chidlom ก็ยังได้ โอ้! นี่มันสวรรค์ของคนเมืองชัดๆ! เผลอๆกว่าจะมารู้ตัวอีกที คุณอาจจะแฮงเอาท์ที่ย่านนี้จนถึงเย็นโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
BACC หอศิลปฯที่คัดสรรงานชั้นดีมาให้ทุกคนได้ชมตลอดทั้งปี
เป็นหนึ่งในศูนย์กลางวัฒนธรรม ที่มี Art Gallery ให้เข้าชมมากมาย
นอกจากจะเป็นศูนย์รวมของความบันเทิงแล้ว ย่านนี้ก็ยังนับว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางวัฒนธรรมอันดับต้นๆของเมืองกรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน ถ้าจะให้นึกถึงแกลเลอรี่ หรือมิวเซียมของย่านนี้ แน่นอนว่าอันดับแรก พวกเราจะต้องนึกถึง “BACC หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร” ตรงข้ามกับ Siam Discovery และมาบุญครอง ที่ภายในนอกจากจะมีนิทรรศการ และเวิร์คช็อปดีๆจัดขึ้นตลอดทั้งปีแล้ว ยังมีทั้งร้านหนังสือ ร้านขายงานคราฟท์ งานดีไซน์ และร้านอาหาร ร้านกาแฟ ให้นักเรียน นักศึกษา รวมถึงกลุ่มคนทำงานทั่วไปได้เข้ามาเติมแรงบันดาลใจใหม่ๆ ส่วนอีกแกลเลอรี่ที่อยู่ไม่ไกลในย่านชิดลมก็คือ “100 ต้นสน แกลเลอรี่” แกลเลอรี่ชั้นนำอันดับต้นๆของเมืองไทย แหล่งรวมงานศิลปะ Contemporary Art ชั้นยอดของบรรดาศิลปินที่มีชื่อเสียงทั้งไทยและต่างประเทศ หรือถ้าอยากข้ามไปชมงานศิลปะตามแกลเลอรี่อีกมากมายบนเส้นสีลม อย่างแกลเลอรี่ที่กำลังมาแรงตอนนี้ “Bangkok CityCity Gallery” ก็ทำได้ง่ายนิดเดียวด้วยการใช้รถไฟฟ้า BTS ไปลงสถานีศาลาแดง แล้วต่อ MRT สถานีสีลม ไปลงสถานีลุมพินี แค่นี้คุณก็สามารถไปเสพงานอาร์ต หาแรงบันดาลใจใหม่ๆได้อย่างง่ายดาย ใกล้แค่เอื้อมจริงๆ
Too Fast To Sleep คาเฟ่ ห้องสมุดสุดชิลล์ถูกใจวัยรุ่น เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง
มี Workspace เจ๋งๆรองรับนักศึกษา และคนทำงาน
สำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานอาชีพอิสระ ย่านนี้ก็ไม่ขาดแคลนสถานที่ทำงานดีๆ อย่าง Co-Working Space หรือแหล่งรวมความรู้ และแรงบันดาลใจคุณภาพอย่างพวกร้านหนังสือ ที่คุณสามารถหาได้ง่ายๆ อาทิ พวกร้านหนังสือต่างๆใน BACC หรือจะร้านหนังสือยักษ์ใหญ่อย่าง Kinokuniya ที่ Siam Paragon และ CentralWorld ส่วนพวก co-working space ก็มีให้เลือกใช้บริการมากมาย อาทิ “Joint Cafe & Workspace” ที่อยู่ชั้น 12 ตึกจอดรถโรงแรมเอเชีย ติดรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี ร้าน “NE8T” ที่เป็นทั้ง Cafe, Co-working Space, Workshop areas พร้อมห้อง Maker ที่มี 3D printer อยู่ด้วยสำหรับพวกชอบสร้างชิ้นงานโดยเฉพาะ “Too Fast To Sleep” คาเฟ่ ห้องสมุดสุดชิลล์ถูกใจวัยรุ่น ตรงข้ามจามจุรี สแควร์ ติดกับ MRT สามย่าน ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง รองรับชีวิตการทำงานของเหล่านักศึกษาโดยเฉพาะ “TK Park” อุทยานการเรียนรู้ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 8 ของ CentralWorld ซึ่งมีพื้นที่ให้กับคนทุกกลุ่มทุกวัยได้เข้ามาใช้ประโยชน์จริงๆ หรือจะเป็น “TCDC” (Thailand Creative And Design Center) บนศูนย์การค้า The Emporium ที่นั่งรถไฟฟ้าไม่ถึงสิบนาทีดีก็ถึงที่สถานีพร้อมพงษ์ เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณชอบนั่งทำงานในบรรยากาศไหน สไตล์ไหน ในย่านนี้มีสถานที่นั่งทำงานเจ๋งๆให้คุณเลือกได้ตามใจชอบ วันไหนเกิดอยากเปลี่ยนสถานที่นั่งทำงาน ก็สามารถทำได้ เพราะ workspace พวกนี้อยู่ใกล้ๆกันหมด เดินทางไม่กี่นาทีก็ถึงกัน
เป็นอย่างไรบ้างกับการพาไปสำรวจของเราในครั้งนี้? เชื่อว่าทุกคนคงจะเห็นด้วยกับเราว่า “THE LINE ราชเทวี” นั้นตั้งอยู่ในทำเลที่เพอร์เฟคต์สำหรับการใช้ชีวิตของคนเมืองรุ่นใหม่จริงๆ ทั้งในแง่ work and play ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมืองติดกับรถไฟฟ้า ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังทุกสถานที่ในเมืองกรุงเทพฯ ได้ง่ายๆอย่างสะดวกสบาย จะไปช้อปปิ้ง แฮงเอาท์กับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวก็ทำได้ง่ายๆ เพราะอยู่ใกล้แค่เอื้อมกับแหล่งช้อปปิ้ง และศูนย์รวมความบันเทิงอย่างสยาม มาบุญครอง และเซ็นทรัลเวิลด์ หรือถ้าอยากนั่งจิบกาแฟชิลล์ๆ หรือนัดเพื่อนๆมาสังสรรค์นั่งดริ๊งค์หลังเลิกงาน ก็ทำได้ใกล้ๆแบบไม่ต้องไปไหนไกลให้เหนื่อย ที่ Coco Walk ติดกับสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี และถ้าอยากเติมความครีเอทีฟให้กับการเรียน การทำงาน ก็สามารถไปยังแกลเลอรี่ และ working space ต่างๆอย่างง่ายดาย ไม่มีปัญหา นับว่าเป็นสุดยอดโลเคชั่นทำเลทอง ที่ไม่น่าจะเหลือโอกาสให้ใครได้ครอบครองได้ง่ายๆแบบนี้อีกแล้วในอนาคต
Sansiri THE LINE Ratchathewi
Website :www.sansiri.com/theline_ratchathewi
Tel. : 1685
Writer: Thip S. Selley
Photographer: Kongkarn Sujirasinghakul
RECOMMENDED CONTENT
เป็นนักแสดงหนุ่มหล่อเซอร์ทั้งคู่สำหรับ ณัฏฐ์ กิจจริต และ “ทู” สิราษฎร์ 2 หนุ่มนักแสดงคาแรคเตอร์เท่ห์ ในภาพยนตร์เรื่อง “4KINGS” ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของทั้งคู่ หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาก่อนในภาพยนตร์เรื่อง “APP WAR แอปชนแอป” ในฐานะเพื่อนสนิท