เมื่อคุณนึกถึง “นิวยอร์ก” คุณจะนึกถึงอะไรเป็นอันดับแรก? ฉากหลังอันสวยงามอย่างสะพานบรูคลิน เทพีเสรีภาพ ไทม์แสควร์ หรือสกายไลน์ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าอันสวยงาม? สำหรับใครที่เคยได้ไปสัมผัสกับนิวยอร์กมาแล้วจากการเดินทางท่องเที่ยว ทำงาน หรือเรียนหนังสือ คุณคงรู้ซึ้งดีถึงเสน่ห์ของมหานครแห่งนี้ ส่วนใครที่ยังไม่เคยไปก็ต้องต่างไฝ่ฝั่นว่าสักวันต้องไปเห็นเมืองนี้กับตาให้ได้ เพราะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่านิวยอร์กนั้นเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความหลากหลายที่สวยงาม อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เปิดโอกาสให้คนได้แสดงความเป็นตัวตนของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะทั้งในเรื่องของดนตรี การแสดง ศิลปะ การออกแบบ และแฟชั่น ที่เรียกได้ว่าชาวนิวยอร์กเกอร์สามารถจัดเต็มแบบไม่ต้องเกรงใจใคร ส่งผลให้เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยบุคลากรที่โดดเด่น เป็นที่น่าจดจำ และมีสไตล์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน การแต่งตัวของชาวนิวยอร์กเกอร์ไม่ได้บ่งบอกถึงฐานะ หากแต่บ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต อาชีพ ความคิด และตัวตนของคนๆนั้นจริงๆ ดั่งเช่นทั้ง 6 บุรุษดังต่อไปนี้ ผู้ได้กำหนดความเป็น “นิวยอร์ก สไตล์” อย่างชัดเจน ด้วยสไตล์การแต่งตัวที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่น่าจดจำที่สุดตลอดกาล
Bob Dylan
แน่นอนล่ะว่าเราคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากให้เสียเวลา เกี่ยวกับความอัจฉริยะของเขาคนนี้ ผู้เป็นตำนานของวงการเพลงอเมริกัน ที่ถูกยกย่องให้เป็นศิลปิน นักร้อง นักแต่งเพลง ที่สุดยอดมากคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันในตัวของผู้ชายคนนี้ก็คือเรื่องของสไตล์การแต่งตัว ที่มีวิวัฒนาการที่น่าสนใจ ตั้งแต่ยุคแรกๆของเขามาจนถึงปัจจุบัน ได้มีหลากหลายลุคที่กลายเป็นลุคไอคอนิค เป็นที่น่าจดจำของแฟนๆทั่วโลก ตั้งแต่ลุคแรกเริ่มสมัยที่เขายังถือตัวเองเป็นศิลปินโฟล์กเต็มตัว ที่มีอาวุธคู่ใจคือกีต้าโปร่ง กับเสื้อ chambray สีฟ้า และกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม สไตล์ workwear คลาสสิคอเมริกัน หรือจะอีกหนึ่งยุคสมัยที่เขาหันมาจับกีต้าไฟฟ้า “Bob Dylan goes electric” กับสไตล์ที่จัดจ้านขึ้นมาอีกหลายระดับ ดูมีมาดของร็อคสตาร์เต็มขั้น กับเสื้อเชิ้ตลายจุดโพลกาดอทติดกระดุมถึงคอ เสื้อกั๊ก กางเกงยีนส์สกินนี่ (หรือที่เขาเรียกกันว่า stovepipe jeans ในสมัยก่อน) แจ็คเก็ตหนังกลับ ผ้าพันคอ รองเท้าบู๊ทส้นคิวบา (Cuban-heeled boots) แว่นกันแดดทรง Wayfarer และแน่นอนทั้งหมดที่กล่าวมาจะไม่สมบูรณ์เลย หากขาดทรงผมฟูหยิกหยองอันเป็นลายเซ็นของเขาคนนี้ อันที่จริงยังมีลุคต่างๆอีกมากมายของ Dylan ที่ร็อคสตาร์สมัยนี้เห็นแล้วต้องมีหนาว ไม่ว่าจะเป็นลุคหนุ่มอินดี้ ฮิปเสตอร์ กับเสื้อลายทาง breton stripes ลุคหนุ่มแกลม-ร็อค ลุคหนุ่มคาวบอยตะวันตก ไปจนถึงลุคหนุ่มร็อคสตาร์โบโฮ ด้วยสไตล์ที่แตกต่างกันขนาดนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วแบบไหนล่ะที่เป็นตัวตนของ Bob Dylan จริงๆ? แต่อย่างที่เขาเองเคยกล่าวไว้ “All I can do is be me, whoever that is” หรือ “ที่ฉันทำได้ก็คือเป็นตัวเอง ไม่ว่าตัวฉันจะเป็นใครก็ตาม”
Lou Reed
เขาคนนี้คืออีกหนึ่งตำนานของวงการดนตรีร็อคอเมริกัน Reed เป็นนักร้อง และนักแต่งเพลง ผู้บุกเบิกแนวทางดนตรีแนว experimental rock กับงานศิลปะเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะในสมัยที่เขายังเป็นนักร้องนำของวง Velvet Underground ที่ผู้คนในวงการต่างนับถือเขาในฐานะเป็นผู้ปฏิวัติดนตรีร็อคในยุค 60s และ 70s ด้วยการใช้โซโล่กีตาร์ Lick กับเมโลดี้เรียบๆ แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อหาในแต่ละเพลงของ Reed ส่วนใหญ่กลับแฝงไว้ด้วยความดาร์กและความกบฏ ซึ่งนั่นก็ได้ถูกสะท้อนออกมาในสไตล์การแต่งตัวของเขาที่ทั้งดูแมน และ badass ซึ่งถึงแม้โดยรวมลุคของเขาคนนี้จะดูนิ่งๆ แต่เห็นทีไรก็สัมผัสได้ทันทีว่าเขามีความเก๋าแบบร็อคสตาร์ตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นลุคกลิ่นอายแกลม-พั้งค์หน่อยๆบนหน้าปกอัลบัม Transformer ในปี 1972 กับเสื้อแจ็คเก็ตปักเลื่อม และการเขียนอายไลเนอร์ ซึ่งภาพๆนี้ได้กลายเป็นภาพถ่ายที่ไอคอนิคที่สุดของเขา ต่อด้วยการใส่เสื้อแจ็คเก็ต PVC พลาสติกใส คู่กับสายเอี๊ยมลายทาง เสื้อกล้ามสีดำ กางเกงหนัง และการทาเล็บสีดำ ซึ่งลุคนี้เห็นทีจะมีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถ pull off ได้ หรือจะเป็นลุคคลาสสิคขึ้นมาหน่อยอันเป็นลายเซ็นของเขา กับแว่นกันแดดทรง aviator และแจ็คเก็ตหนัง ซึ่งลุคสุดท้ายได้กลายเป็นลุคที่มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นใหม่อีกหลายต่อหลายคน แม้กระทั่ง Hedi Slimane ดีไซเนอร์ชื่อดัง หัวเรือใหญ่ประจำห้องเสื้อสุดหรู Saint Laurent ที่ยังเคยถ่ายภาพ Reed เป็น muse ของตัวเองลงนิตยสาร V Magazine กับมือมาแล้ว
John Hay “Jock” Whitney
หากจะลิสต์รายชื่อเศรษฐีอเมริกันที่แต่งตัวดีที่สุด แน่นอนว่าชื่อของเขาคนนี้ต้องมีติดอยู่ด้วยแน่ๆ ด้วยประวัติที่เพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลดังในอเมริกา อย่างครอบครัว Whitney เป็นผู้จัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ New York Herald Tribune เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจําประเทศอังกฤษ อีกทั้งยังเป็นประธานกรรมการ Museum of Modern Art แน่นอนว่าการแต่งตัวของเขาก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงฐานะ และรสนิยมอันดีเลิศของตัวเอง แถมเขายังชื่นชอบสิ่งรื่นรมย์ต่างๆในชีวิต อาทิ สมัยที่เขายังเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัย Yale ในช่วงปี 1920s เขาได้ขอให้ช่างตัดผมประจำตัวตัดทรง “Hindenburg” ที่เป็นทรงสั้นแบบนายทหาร เพื่อช่วยให้เขาเล่นกีฬาพายเรือได้คล่องขึ้น แต่ด้วยความที่อะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับประเทศเยอรมันยังคงถูกแอนตี้หลังจากเพิ่งผ่านพ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ตอนหลังพวกเขาจึงเปลี่ยนชื่อเรียกทรงผมทรงนี้ว่าเป็น “crew cut” แทน หรือจะเป็นสมัยที่เขาได้ไปเป็นทูตสหรัฐฯประจำกรุงลอนดอน เขาก็ไม่รอช้าที่จะไปใช้บริการร้านตัดสูทชื่อดังระดับท็อปอย่าง Davies & Son บนถนน Savile Row ย่านตัดสูทอันมีชื่อเสียงของลอนดอน นอกจากนี้ เขายังเป็นคนมีอารมณ์สุนทรีย์ชอบสะสมงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นงานของ Rembrandt, Michelangelo, Picasso และ Matisse ซึ่งทั้งหมดถูกแขวนโชว์ในทาวน์เฮาส์ของเขาในแมนฮัตตัน
Andy Warhol
“ในสมัยนั้นเรายังไม่มีลุคแฟชั่นที่จริงจังอะไรขนาดนั้นหรอก” Warhol ได้เขียนถึงสมัยต้นยุค 1960s ในหนังสือ POPism ของเขา “เราแค่ใส่กางเกงยีนส์ผ้ายืดสีดำ รองเท้าบู๊ทสีดำหัวแหลมที่ส่วนใหญ่จะเปื้อนสีตลอด แล้วก็เสื้อเชิ้ตออกซ์ฟอร์ดข้างใต้สเว็ตเชิ้ตของมหาวิทยาลัย Wagner” อันนี้ไม่รู้ว่าเขาพูดแบบถ่อมตัว หรือพูดแบบล้อเล่น ยียวน กวนๆตามประสาเขาหรือเปล่า เพราะไอ้ “ลุค” ที่เขาว่า อันที่จริงก็เป็นเวอร์ชั่นที่ดูเนี้ยบขึ้นมาหน่อยจากลุคของเพื่อนศิลปินอีกสองคนของเขาอย่าง Jasper Johns และ Robert Rauschenberg แต่แน่นอนล่ะว่าตั้งแต่ช่วงกลางยุค ‘60s ขึ้นไป นอกจากพรสวรรค์ทางด้านศิลปะของเขาที่แข็งแกร่งเด่นชัดแล้ว Warhol ก็ได้โชว์พรสวรรค์ในเรื่องของการแต่งกายเช่นกัน ถ้าเราจะบอกว่าเขาคือเจ้าพ่อแห่งสไตล์ mod และ all-American ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะเขาช่างเก่งในเรื่องของการสลับสับเปลี่ยนระหว่างสองสไตล์ได้อย่าง effortless แบบธรรมชาติมากๆ วันนึงเราอาจจะเห็นเขามาใน “surfer look” รับซัมเมอร์ในเสื้อยืดลายทางสไตล์ Breton stripes ในขณะที่อีกวันเขาอาจจะมาในมาดหนุ่มม็อดสุดขรึมในเสื้อคอเต่าสีดำแขนยาว ทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำ ส่วนท่อนล่างก็ต้องเป็นไอเท็มที่มีความเป็นอเมริกันแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์สกินนี่สีเข็ม กางเกงชิโน่ ไปจนถึงกางเกงยีนส์รุ่น Levi’s 501 ที่เขาชอบใส่อยู่เป็นประจำ และแน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยคือแว่นกันแดดทรง Wayfarer ที่สามารถคอมพลีทลุคไอคอนิคของเขาได้อย่างสวยงาม
Roy Halston Frowick
“Halston” หรือชื่อเต็มว่า “Roy Halston Frowick” เป็น “celebrity” ดีไซน์เนอร์อเมริกันคนแรกๆที่คนสมัยนี้ไม่ค่อยพูดถึงหรือรู้จักกันเท่าไหร่นัก ทั้งๆที่ตอนที่เขามีชีวิตอยู่ นอกจากชื่อเสียงอันโด่งดังแล้ว เขายังเป็นดีไซน์เนอร์ที่มีสไตล์การออกแบบเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์ มินิมอลเฉพาะตัว อันเป็นที่โปรดปรานของสาวๆยุค ‘70s ยิ่งนัก ถึงขนาดที่บนดาวของเขาที่ Fashion Walk of Fame ในแมนฮัตตัน ได้มีการจารึกเอาไว้เลยว่า “ยุค ‘70s เป็นของ Halston” เพราะในยุคนั้นคือยุคที่เขารุ่งเรืองและดังถึงขีดสุด เหล่าคนดังระดับ A-list มากมายไม่ว่าจะเป็น Lauren Bacall, Elizabeth Taylor, Liza Minnelli, Martha Graham และ Bianca Jagger ต่างก็พากันตบเท้าใส่เสื้อผ้าของเขากันเป็นแถว และแน่นอนว่าเป็นทั้งดีไซเนอร์หนุ่มรูปงามขนาดนี้ สไตล์การแต่งตัวของเขาเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน Halston หลงไหลการแต่งตัวสไตล์สุภาพบุรุษคลาสสิคเป็นที่สุด เขามักปรากฎตัวให้เห็นในชุดทักซิโด้คัตติ้งสุดเนี้ยบไร้ที่ติ แจ็คเก็ตหนังกลับเนื้อนิ่ม และแว่นกันแดด แต่ไอเท็มที่เขาจะขาดไม่ได้เลยก็คือเสื้อคอเต่า ซึ่งเขาเคยให้เหตุผลว่าเพราะ “มันเคลื่อนไหวไปพร้อมกับร่างกายได้อย่างสวยงาม แถมยังช่วยขับให้ใบหน้าดูโดดเด่น และช่วยทำให้ช่วงตัวดูยาวขึ้น”
Bill Cunningham
“พวกเราลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อ Bill กันทั้งนั้น” กล่าวโดย Anna Wintour บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Vogue Bill ที่ว่านี้ก็คือ “Bill Cunningham” ช่างภาพสตรีทแฟชั่นมือฉมังวัย 86 ปี แห่งหนังสือพิมพ์ The New York Times ผู้คอยถ่ายภาพการแต่งกายของผู้คนในนิวยอร์คมาลงในคอลัมน์ “On the Street” และ “Evening Hours” ของแกตั้งแต่ปี 1970 นู่น เรียกได้ว่าเขาคือเจ้าพ่อแห่ง street-style photography ตัวจริง Cunningham ถือเป็น legend ที่คนในวงการแฟชั่นต่างเคารพรัก ในทุกๆวันเขาจะปั่นจักรยานยี่ห้อ Schwinn คู่ใจคันเก่า พร้อมกับกล้อง Nikon ไปปักหลักแถวๆย่าน Fifth Avenue หน้าห้าง Bergdorf Goodman เพื่อรอถ่ายรูปคนที่แต่งตัวเข้าตาที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาบนถนน เพื่อเอามาลงคอลัมน์ที่เขาเขียนทุกๆวันอาทิตย์ให้กับหนังสือพิมพ์ The New York Times “เราแค่ต้องการหาใครสักคนที่ไม่ได้ดูเหมือนถูกผลิตออกมาให้เหมือนกับคนอื่นๆอีกสิบคน” เขากล่าว แต่อีกอย่างนึงที่น่าสนใจเกี่ยวกับชายคนนี้ก็คือชุดที่เขาใส่ไปทำงานในทุกๆวัน ที่แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลยมาหลายทศวรรษ กับการใส่เสื้อคลุมสไตล์กึ่งๆแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน ที่เขาซื้อตุนไว้จากปารีส (“แบบที่คนกวาดถนนเขาใส่กันน่ะ” เขาบอกอย่างภาคภูมิใจ) หมวกทรง Newsboy Cap ใส่แบบกลับหลัง กระเป๋าทรง messenger bag สำหรับใส่ม้วนฟิล์ม และเสื้อคลุมกันฝนพลาสติก (ที่เขาชอบปิดรูด้วยเทปกาวอยู่เป็นประจำ)
Writer: Thip S. Selley
RECOMMENDED CONTENT
หลังจากคว้ารางวัลกรังปรีซ์ สาขาเพลงประกอบโฆษณายอดเยี่ยมจากเวทีคานส์ ไลอ้อน 2017 อาดิดาส ออริจินอลส์ยังคงพัฒนาผลงานสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง