นอกเหนือไปจากชื่อใหม่แล้ว ไนกี้ยังปรับปรุงทุกองค์ประกอบจากรองเท้าสำหรับการวิ่งมาราธอน Nike Zoom Vaporfly 4% ตามข้อคิดเห็นและข้อแนะนำที่ไนกี้ได้รับจากนักวิ่งระดับแชมป์โลก รองเท้าวิ่งรุ่นที่ 2 ในตระกูลนี้มีหน้ารองเท้าแบบใหม่ (พัฒนาขึ้นจากความเห็นของนักกรีฑาหลายๆคน เช่น Shalane Flanagan ที่ให้ข้อคิดเห็นกับไนกี้หลังจากสวมรองเท้าในตระกูลนี้ลงแข่งรายการบอสตันมาราธอน) ส่วนกลางของพื้นรองเท้าที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ (ตามวิธีที่ห้องวิจัยด้านการกีฬาของไนกี้พัฒนาขึ้นเองและผสานกับข้อคิดเห็นของนักกรีฑาที่ไนกี้ให้การสนับสนุน) และลายของพื้นรองเท้าเพื่อการยึดเกาะ (ไนกี้พัฒนาขึ้นจากข้อคิดเห็นของ Eliud Kipchoge นักกรีฑาอาชีพหลังจากผ่านการวิ่งรายการเบอร์ลินมาราธอนบนพื้นที่เปียกฝน)
Brett Holts รองประธานด้านรองเท้าวิ่งของไนกี้กล่าวว่า “รองเท้ารุ่นนี้พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดของนักกีฬา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา วิศวกร และนักออกแบบตลอดกระบวนออกแบบ ทดสอบ และผลิต “เราตื่นเต้นอย่างยิ่งที่รองเท้าตระกูล NEXT% จะมีส่วนช่วยให้ผู้สวมใส่ทุกคนก้าวข้ามขีดจำกัดของการวิ่งมาราธอนในทุกสนามได้”
4 เหตุผลที่นักกรีฑาอาชีพรู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับรองเท้าตระกูล NEXT%
- “พื้นรองเท้าเหมาะสมกับนิ้วเท้าของผู้สวมใส่ ช่วยให้คุณวิ่งไปข้างหน้าได้เร็วอย่างใจ”–โม ฟาราห์ (Mo Farah)
- “รองเท้ารุ่นใหม่กระชับกับเท้ามากขึ้นโดยเฉพาะบริเวณที่ร้อยเชือกผูก” —ซุกุรุ โอซาโคะ(Suguru Osako)
- “โฟมที่หน้าเท้าช่วยคืนพลังงานกลับสู่เท้ามากขึ้น ช่วยให้วิ่งได้นานกว่าที่เคยโดยเฉพาะในช่วงสุดท้ายของการวิ่ง ดิฉันทดสอบรองเท้ารุ่นนี้เองและมันทำให้ฉันวิ่งออกกำลังกายได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยวิ่งมา”-โรซ่า เดเรเจ (Roza Dereje)
- “การยึดเกาะคือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณวิ่งได้อย่างอิสระ มั่นใจ และไร้ขีดจำกัด”–เจฟฟรี่ย์ คิรุอิ (Geoffrey Kirui)
ทำไมไนกี้ต้องใช้ชื่อเน็กซ์ เปอร์เซ็นต์ แต่เดิม ไนกี้ตั้งชื่อรองเท้ารุ่นแรกในตระกูลนี้ว่า Zoom Vaporfly 4% เพื่อสื่อว่ารองเท้ารุ่นนี้ช่วยให้ผู้สวมใส่วิ่งมาราธอนได้ดีกว่ารองเท้าวิ่งมาราธอนรุ่น Nike Zoom Streak 6 ซึ่งเคยเป็นรองเท้าวิ่งมาราธอนรุ่นที่ดีที่สุดของไนกี้ถึงร้อยละ 4 ส่วนรองเท้าวิ่งไนกี้ ซูมเอ็กซ์ เวเปอร์ฟลาย เน็กซ์ เปอร์เซ็นต์ เป็นรองเท้าวิ่งที่ไนกี้สะท้อนถึงการมองไปข้างหน้าถึงการแข่งครั้งต่อไป อันจะเป็นโอกาสสำหรับการสร้างสถิติใหม่ที่ดียิ่งขึ้น ชื่อของรองเท้าวิ่งรุ่นนี้มาจากคำพูดของโม ฟาราห์ ที่กล่าวว่า “ในฐานะนักกีฬา เราจะมองหาโอกาสที่จะทำให้เราดีขึ้นเสมอ – As an athlete, you’re always looking for that next percent” เมื่อไนกี้ผสานแนวคิดดังกล่าวเข้ากับการยกระดับคุณสมบัติทางเทคนิค รองเท้าวิ่งไนกี้ ซูมเอ็กซ์ เวเปอร์ฟลาย เน็กซ์ เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นรองเท้าวิ่งที่ช่วยให้ผู้สวมใส่วิ่งได้เร็วขึ้นและดีมากขึ้นที่สุดเท่าที่ไนกี้เคยพัฒนามา เราได้สรุปจุดเด่นของรองเท้ารุ่นนี้ไว้แล้วดังต่อไปนี้
คุณสมบัติใหม่ที่น่าสนใจ:
- หน้ารองเท้าแบบเวเปอร์วีฟ (Vaporweave) เป็นกระบวนการผสานชั้นวัสดุต่างๆ ที่ไนกี้ใช้เป็นครั้งแรกกับหน้ารองเท้ารุ่นนี้ หน้ารองเท้ารุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่าหน้ารองเท้าแบบฟลายนิต อีกทั้งยังมีคุณสมบัติการระบายอากาศได้ดีกว่า และมีอัตราการดูดความชื้นที่ต่ำกว่ามาก จึงช่วยให้หน้ารองเท้าแห้งและระบายอากาศได้ดีอย่างยาวนานแม้จะสวมใส่วิ่งมาราธอนเป็นเวลานาน ปรับเปลี่ยนเชือกผูกรองเท้าให้มีความสมดุลย์มากกว่าเดิมเล็กน้อย เพื่อลดแรงกดที่บริเวณเท้าส่วนที่มีความละเอียดอ่อน (ส่งผลให้รองเท้ารุ่นนี้มีรูปลักษณ์แบบที่โม ฟาราห์ชื่นชอบ) มีชั้นโฟมรองรับส้นเท้าด้านใน ช่วยให้บริเวณตาตุ่มไม่เสียดสีแม้จะวิ่งมาอย่างยาวนาน เพิ่มชั้นวัสดุโฟมไนกี้ซูมเอกซ์ (Nike ZoomX) ในส่วนกลางพื้นรองเท้า เนื่องจากผลการทดสอบจากห้องวิจัยด้านการกีฬาของไนกี้บ่งชี้ว่าจะช่วยให้อัตราการถ่ายทอดพลังงานกลับคืนสู่เท้าดีขึ้นอย่างมาก มีการปรับเปลี่ยนลักษณะของวัสดุโฟมใหม่เพื่อลดระยะห่างระหว่างพื้นกับฝ่าเท้าจาก 11 มม. เป็น 8 มม. เพื่อความสมดุลย์และการถ่ายทอดพลังงานกลับคืนสู่เท้าได้ดีขึ้นโดยเฉพาะในจังหวะสำคัญ นักออกแบบของไนกี้ผสานรูปแบบของพื้นรองเท้าที่นักกรีฑาอย่าง เจฟฟรี่ย์ คิรุอิ, โม ฟาราห์ และอีเลียด คิปโชเก เพื่อสร้างรูปแบบของพื้นรองเท้าแบบเฉพาะ เพื่อให้ส่วนหน้าเท้ามีการยึดเกาะที่ดีขึ้น เหมาะสมกับการสวมใส่วิ่งขณะฝนตกหรือพื้นเปียกมากขึ้น ปุ่มสำหรับการยึดเกาะแบบทรงโค้งและรอยบากที่ลึกช่วยให้การเลี้ยวโค้งเป็นไปอย่างนิ่มนวลขึ้น
คุณสมบัติเดิมที่ไนกี้รักษาไว้:
- ชั้นโฟมที่มีแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ผสานอยู่เป็นแกนกลางตลอดทั้งชิ้น (full-length curved carbon fiber plate) ช่วยให้รู้สึกมีพลังขณะวิ่งและช่วยเสริมจังหวะการยกเท้าขึ้นจากพื้น รองเท้ายังมีน้ำหนักเท่าเดิมแม้ไนกี้จะเพิ่มปริมาณวัสดุโฟมขึ้นอีกร้อยละ 15
RECOMMENDED CONTENT
เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนชาวไทย ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค จึงนำ “เสียง” หรือความคิดเห็นจากประชาชนภาคธุรกิจ มีส่วนร่วมในการส่งเสียงผ่านการสำรวจของ ‘Business of the People Poll’ ร่วมออกแบบและขับเคลื่อนโดย สถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในจัดทำการสำรวจผ่านตัวแทนผู้ประกอบการไทยจำนวน 451 ตัวอย่าง โดยมุ่งเน้นหัวข้อไปที่ ‘ปัจจัย, ความท้าทาย, โอกาส และคำแนะนำ ในการเสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต’ เพื่อที่จะทราบถึงความเข้าใจ ข้อเท็จจริง และแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากผู้ที่มีบทบาทจริงในภาคธุรกิจของประเทศไทย