ในปี 2017 นี้ OMEGA เฉลิมฉลองเรื่องราวสุดพิเศษของเหล่าสุภาพสตรีและเรือนเวลาอันน่ามหัศจรรย์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติ สไตล์ และบุคลิกอันหลากหลายของผู้หญิงทั่วโลก ในแต่ละยุคสมัยจวบจนปัจจุบัน และวิธีที่โอเมก้าสามารถเชื่อมโยงกับผู้หญิงเหล่านั้น
ศตวรรษที่ 20 เป็นยุคแห่งสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของสตรี จึงเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงค้นพบจุดยืนและบทบาท อีกทั้งการมีสิทธิมีเสียงของตัวเองในสังคม ขณะเดียวกันก็เกิดการปฏิวัติครั้งใหม่ในโลกของนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี ด้วยการปรากฏโฉมของนาฬิกาข้อมือสำหรับผู้หญิงเรือนแรกของโอเมก้า ในตัวเรือนสีเงินตกแต่งด้วยงานออกแบบลายดอกไม้อย่างประณีต ถึงแม้แบรนด์จะเคยนำเสนอนาฬิกาพกที่แกะสลักอย่างงดงามมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ปี 1902 คือช่วงเวลาที่นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีของโอเมก้าได้รับการยอมรับและเป็นตัวแทนของการมีสไตล์ที่โดดเด่นชัดเจน
อย่างไรก็ดีแนวคิดเรื่องเครื่องบอกเวลายังคงต้องการเวลาเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ เพราะในบางสังคมยังเชื่อว่าการที่ผู้หญิงมองนาฬิกาถือเป็นเรื่องไม่สุภาพ เพราะเหมือนเธอกำลังส่งสัญญาณให้เห็น ถึงความเบื่อหน่ายหรือความไม่สนใจ ดังนั้นโอเมก้าจึงเริ่มผลิต secret jewelry watch (นาฬิกาที่ซ่อนอยู่ภายใต้เครื่องประดับ) ซึ่งก็คือเรือนเวลาที่เปรียบเสมือนเครื่องประดับเมื่อมองจากภายนอกแต่ซ่อนนาฬิกาขนาดเล็กไว้ด้านใน ความนิยมของเครื่องบอกเวลาเหล่านี้ได้เติบโตขึ้นพร้อมๆ กับงานออกแบบที่คลาสสิคอื่นๆของแบรนด์เช่นกัน
หลายปีผ่านพ้นไปทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโอเมก้ากับสไตล์ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงทศวรรษ 1920 ยุคแห่งอิสระทางวัฒนธรรม วัยรุ่นหญิงในยุคนั้นคลั่งไคล้กระโปรงสั้นและผมบ็อบ ในขณะเดียวกันศิลปะแบบ Art Deco ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นและแนะนำให้โลกรู้จักกับการใช้สีสันจัดจ้านและรูปทรงที่ชัดเจน และเพื่อตอบสนองความหลงใหลนั้น โอเมก้าจึงผลิตคอลเลคชั่นนาฬิกาเครื่องประดับสไตล์อาร์ต เดโคขึ้น และเพราะโอเมก้าเข้าใจว่าผู้หญิงที่มีวิสัยทัศน์ใส่ใจต่อสิ่งที่อยู่ด้านในนาฬิกาของพวกเธอมากพอๆ กับรูปลักษณ์ภายนอก เครื่องบอกเวลาแต่ละเรือนจึงถูกเติมเต็มให้สมบูรณ์ด้วยความแม่นยำเที่ยงตรงอันมีชื่อเสียงของโอเมก้า
อีกหนึ่งเรื่องจริงที่น่าแปลกใจคือ นับตั้งแต่ปี 1894 จนถึงปี 1935 มากกว่า 35% ของกลไกนาฬิกาชั้นสูงที่โอเมก้าได้ผลิตขึ้น ถูกผลิตขึ้นพิเศษสำหรับเรือนเวลาของสุภาพสตรีโดยเฉพาะ นั่นจึงเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าแบรนด์เห็นความเป็นไปได้และความสำคัญของตลาดกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก
หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของความเชื่อมั่นนี้คือ Omega Medicus ที่ผลิตขึ้นในปี 1937 นาฬิกาซึ่งอ่านค่าและใช้งานง่ายเรือนนี้ถูกออกแบบขึ้นสำหรับนางพยาบาลที่ต้องทำงาน หนักโดยเฉพาะ และยังเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโอเมก้าที่มาพร้อมเข็มวินาที โอเมก้าไม่ได้ผลิต Medicus ขึ้นเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของสตรีที่อยู่ในวิชาชีพทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์ในเรื่องของความงามและความละเอียดประณีตอีกด้วย
โฆษณาของโอเมก้าในยุคสมัยนั้นมีความทันสมัยและไม่เฉพาะเจาะจงไปที่เพศใดเพศหนึ่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่หลากหลายของผู้หญิงในทุกๆที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ที่บ้าน หรือเมื่อพวกเธอออกไปสังสรรค์ จนถึงยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงในช่วงปี 1950 ในขณะที่หลายๆแบรนด์ยังคงเล่นอยู่กับแบบแผนเดิมๆ แต่โอเมก้ากลับเลือกแสดงให้เห็นถึงปัจเจกภาพและรสนิยมทางสไตล์ที่ทำให้ผู้หญิงแต่ละคนมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อย่างการใช้คนดังอย่าง Marilyn Monroe และ Audrey Hepburn เพื่อสื่อความหมายถึงความสง่างามและตัวตนอันชัดเจน
ต่อมาเมื่อ Cindy Crawford ซุปเปอร์โมเดลระดับโลกและนักมนุษยธรรม ได้เข้ามาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์คนแรกของแบรนด์ในปี 1995 จึงเป็นการเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ที่โอเมก้าสานความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าสุภาพสตรีผู้มีตัวตนอันชัดเจนโดดเด่นและประสบความสำเร็จที่สุดในยุคนั้น ซินดี้ ครอว์ฟอร์ดถือเป็นผู้ที่อยู่ในครอบครัวโอเมก้ายาวนานที่สุดจวบจนปัจจุบัน แรกเริ่มเธอถูกเลือกให้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ด้วยความโดดเด่นมีสไตล์ทางด้านแฟชั่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันกลับชัดเจนว่าเธอได้ยึดถือในปรัชญาเดียวกันกับโอเมก้าคือ การยึดมั่นในความงาม คุณภาพอันเป็นเลิศ ความเชื่อถือได้ และงานฝีมือชั้นสูงที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซินดี้ผู้ซึ่งทำทุกอย่างด้วยความหลงใหลและมุ่งมั่นทุ่มเทเสมอมา ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญโฆษณาของแบรนด์ แต่ยังมีส่วนร่วมในการออกแบบผลิตภัณฑ์ของโอเมก้าอีกด้วย
ตั้งแต่วัยเยาว์ ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด ได้ทุ่มเทเวลาและพละกำลังของเธอในการพยายามทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความมุ่งมั่นตั้งใจในโลกแห่งมนุษยธรรมของเธอเห็นได้ชัดเจนจากการร่วมงานและเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรการกุศลต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของเด็กและเยาวชน เช่น Leukemia and Lymphoma Society, St.Jude’s Children’s Research Hospital, the University of Wisconsin Foundation, และ the Little Star Foundation นอกจากนั้นเธอได้ร่วมงานกับองค์กรอย่าง Orbis International ในฐานะตัวแทนของโอเมก้ามาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งนับได้ว่าเป็นการสานต่อปณิธานส่วนตัวอันเป็นที่รักของเธอได้เป็นอย่างดี
ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด กล่าวว่า “มันเป็นการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์และประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นตลอดเวลาที่ผ่านมาในครอบครัวโอเมก้า ตอนที่ฉันเริ่มต้นร่วมงานกับแบรนด์ในปี 1995 โอเมก้ามีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะผู้ผลิตเรือนเวลามายาวนาน โดยเฉพาะเรือนเวลาสปอร์ต เรือนเวลาดำน้ำ และที่สำคัญที่สุดคือการเป็นจักรกลเวลาที่ถูกสวมใส่บนห้วงอวกาศและการเดินทางไปเหยียบดวงจันทร์ทุกครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นโลกของสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง ต่อมาฉันได้มีส่วนร่วมตั้งแต่แรกเริ่มในการออกความเห็นเกี่ยวกับดีไซน์ของเรือนเวลาสำหรับสุภาพสตรีอย่างรุ่น Constellation และฉันก็ภูมิใจมากที่ปัจจุบันนี้โอเมก้านับได้ว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นเลิศที่มีความทันสมัย และโดดเด่นในโลกแห่งวงการแฟชั่นเช่นกัน”
นับจากนั้นเป็นต้นมา เหล่าคนดังจากหลากหลายวงการทั้งภาพยนตร์ กีฬา และนางแบบได้มาร่วมเป็นส่วนสำคัญของครอบครัวของโอเมก้าจนถึงปัจจุบัน อาทิเช่น นักแสดงสาว Nicole Kidman นักกอล์ฟหญิง Stacy Lewis และนักกรีฑาสาว Jessica Ennis-Hill เป็นต้น และในปีนี้ โอเมก้าถือเป็นโอกาสอันดีในการเปิดตัวและต้อนรับ Kaia and Presley Gerber ลูกสาวและลูกชายของซินดี้ ครอว์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในแบรนด์ แอมบาสเดอร์และครอบครัวของโอเมก้า เพราะหลังจากลูกๆของเธอได้เข้ามาสัมผัสกับโลกแห่งโอเมก้าและร่วมแชร์ประสบการณ์ต่างๆไปด้วยกัน มันจึงชัดเจนว่าความมุ่งมั่นทุ่มเทที่ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด มีต่อแบรนด์ได้ถ่ายทอดไปสู่ลูกๆของเธอโดยปริยายเช่นกัน
ไคอา และ เพรสลีย์ เกอร์เบอร์ นับได้ว่าเป็นเลือดใหม่ในวงการที่มีความสามารถและตัวตนที่ชัดเจน ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความมีชีวิตชีวา ถือเป็นตัวแทนของเหล่าคนรักนาฬิกาเจเนอเรชั่นใหม่ ทั้งสองคนพิสูจน์ตัวเองได้เป็นอย่างดีในการเป็น rising stars ของวงการ โดยเฉพาะในโลกแห่งแฟชั่น
และไม่ว่าจะอยู่ในช่วงทศวรรษใด โอเมก้ายังคงก้าวเดินไปพร้อมๆกับทัศนคติและความชอบที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้หญิงแต่ละยุคสมัย เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่าโอเมก้าจะยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีทุกเรือนให้มีความแม่นยำ มีสไตล์ที่โดดเด่น และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทุกคนที่สวมใส่นาฬิกาเหล่านั้น
_
RECOMMENDED CONTENT
เป็นครั้งแรกที่บริษัทผู้สร้างตัวอักษรที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง Monotype ได้ทำการออกแบบตกแต่งตัวชุดอักษรที่ใช้กันแพร่หลายทั่วโลกอย่าง Helvetica หลังจากที่พยายามปลุกปล้ำกันอยู่นานกว่าสองปีเพื่อที่จะปรับปรุงชุดตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบ swizz font