อีกไม่กี่วันเราก็จะได้รู้ผลรางวัลภาพยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง Oscars หรือ Academy Award กันแล้ว ซึ่งปีนี่ออสการ์ก็ได้สร้างหนึ่ง “ที่สุด” ที่หลายๆคนคงรู้แล้วคือภาพยนต์ La La Land กับการมีชื่อเข้าชิงรางวัลมากถึง 14 รางวัลซึ่งเป็นภาพยนต์ที่มีรายชื่อเข้าชิงออสการ์มากที่สุดเท่ากับภาพยนต์ระดับตำนานทั้ง All About Eve (1959) และ Titanic (1997) แต่ในเวทีออสการ์ยังมีอีกหลาย “ที่สุด” ที่น่าสนใจซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้ ครั้งนี้เราจึงโหมโรงต้อนรับงานออสการ์
บุคคลที่ชนะเยอะ “ที่สุด” ตลอดการ
สำหรับเจ้าของความที่สุดจากออสการ์นั้นของหนีไม่พ้น Walt Disney ที่ได้รางวัลจากเวทีอะเคดามี่ไปมากถึง 22 รางวัลและเป็นคนที่เข้าชิงรางรางเยอะที่สุดตลอดการถึง 59 ครั้ง ซึ่งผลงานการสร้างสรรค์ของ Walt Disney ยังคงมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมบันเทิงในปัจจุบัน จึงไม่แปลกใจเลยที่ Oscars ยังได้มอบรางวัลเกีรติยศให้เขาถึง 3 รางวัล
ภาพยนต์ที่ชนะเยอะ “ที่สุด”
Ben-Hur (1959), Titanic (1997) และ The Lord of the Rings: The Return of the King (2003) คือภาพยนต์ที่ชนะออสการ์ไปมากที่สุด โดยชนะไปได้มากถึง 11 รางวัล ระดับความเลี่ยงลือของไททานิคนั้นหลายๆคนคงรู้อยู่แล้วเพราะไม่เพียงชนะเยอะที่สุดแต่ยังเข้าชิงเยอะที่สุดด้วย แต่เราอาจไม่รู้กันว่า The Lord of the Rings นั้นสามารถกวาดรางวัลครบในทุกสาขาที่เข้าชิง ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ของเวทีอะเคดามี่เลยทีเดียว ส่วน Ben-Hur ภาพยนต์ขนาดยาว 3 ชั่วโมงครึ่งก็ได้ 11 รางวัลจากการเข้าชิง 12 รายชื่อเรียกว่าโหดไม่ต่างกันเลยเพราะแม้ภาพยนต์หลายเรื่องจะได้เข้าชิงออสการ์ในหลายๆสาขาแต่ก็เป็นไปได้ยากที่จะชนะทั้งหมด
ภาพยนต์ที่ชนะครบ 5 รางวัลใหญ่
แม้ออสการ์จะมีรางวัลมากถึง 21 รางวัล แต่รางวัลที่ใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้น 5 รางวัลนี่คือ Best Picture, Best Director, Best Actor, Best Actress และ Best Adapted/Original Screenplay ถึงเราจะรู้กันว่าผู้กำกับที่ได้ Best Director ภาพยนต์เรื่องนั้นมักจะได้ Best Picture ด้วยแต่มีภาพยนต์เพียงแค่ 3 เรื่องเท่านั้นที่คว้ารางวัลไปครบทั้ง 5 รางวัลใหญ่คือเรื่อง It Happened One Night (1934), One Flew Over the Cuckoo’s Nest (1975) และ The Silence of the Lambs (1991)
ผู้กำกับที่ชนะเยอะ “ที่สุด”
ถ้าพูดถึงผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกาชื่อของ John Ford ก็ยังคงเป็นรายชื่อที่หลายๆคนนึกถึง เขาได้รับรางวัลออสการ์สาขา Best Director ถึง 4 ครั้งซึ่งยังคงเป็นสถิติที่สูงที่สุด จาก The Informer (1935), How Green Was My Valley (1941), The Quiet Man (1952) และ The Grapes of Wrath (1940) ภาพยนต์ที่ได้รับการขนานนามว่า “Greatest American Movie Ever” เอกลักษณ์สำคัญของ John Ford คือเรื่องราวของคาวบอยและความเป็นชาวตะวันตกที่กลายเป็นภาพจำของคนทั่วโลก
นักแสดงที่ชนะเยอะ “ที่สุด”
สำหรับผู้ชมในยุคปัจจุบันอาจไม่คุ้นชื่อของ Katherine Hepburn เจ้าของสถิติชนะสาขาแสดงนำมากที่สุด 4 ครั้งจากภาพยนต์เรื่อง Morning Glory (1933), Guess Who’s Coming to Dinner (1967), The Lion in Winter (1968) และ On Golden Pond (1982) มากเท่าไหร่นัก แต่ถ้าคุณเป็นคอหนังคลาสสิค หรือชื่นชอบเรื่องราวของวงการฮอลลีวู้ดอาจคุ้นเคยชื่อของเธอ เพราะ Hepburn คือนักแสดงที่ได้รับการประกาศชื่อจากสถาบันภาพยนตร์อเมริกันในฐานะนักแสดงหญิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของภาพยนตร์ฮอลลีวูดยุคคลาสสิก ซึ่งบทบาทเด่นของ Hepburn คือบทของสตรีวัยกลางคน
กว่าจะได้รางวัลแรกบ่อย “ที่สุด”
หลายๆคนคงจำความรู้สึกลุ้นรางวัลไปกับ Leonardo DiCaprio เมื่องานออสการ์ปีที่แล้วว่าเมื่อไหร่จะได้รางวัลซักทีซึ่ง Leonardo ก้ได้รางวัลแรกไปเรียบร้อยหลังจากที่เข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ถ้าพูดถึงคนที่ต้องลุ้นรางวัลแรกจากออสการ์บ่อยที่สุดต้องยกให้ Victor Young นักประพันธ์เพลงที่เข้าชิงออกสาร์มากถึง 21ครั้งกว่าจะได้ออสการ์ถ้วยแรก (และถ้วยสุดท้าย)
ภาพยนต์ที่เข้าชิงแต่ไม่ชนะเลยเยอะ “ที่สุด”
มีคนสมหวังก็ต้องมีคนผิดหวัง 11 รางวัลคือสถิติการได้เข้าชิงสูงสุดโดยไม่ได้รางวัลอะไรเลยของภาพยนต์เรื่อง The Turning Point (1977) ที่ปีนั้นเข้าชิงพร้อมกับ Annie Hall ของ Woody Allen ส่วนอีกเรื่องที่ได้สถิติเท่ากันคือ The Color Purple (1985) ของ Steven Spielberg ที่พลาดสองรางวัลใหญ่ให้กับภาพยนต์เรื่อง Out of Africa
นักแสดงที่เข้าชิงแต่ก็ผิดหวังมาก “ที่สุด”
สำหรับนักแสดงที่นกที่สุดในฮอลลีวู้ดต้องยกให้ Peter O’Toole ผู้โด่งดังจากหนังชั้นครูอย่าง Lawrence of Arabia ที่ได้เข้าชิงออสการ์ถึง 8 ครั้งในบทแสดงนำแต่ไม่เคยได้รางวัลซักครั้ง แม้จะชวดรางวัลจากทุกภาพยนต์ แต่ Peter O’Toole ก็ได้รับรางวัลเกีรติยศจากออสการ์เมื่อปี 2003 ในฐานะ “ผู้ที่แสดงทักษะการแสดงโดดเด่นในประวัติศาสตร์ภาพยนต์ผ่านตัวละครที่ถูกจดจำที่สุด” เป็นตัวอย่างที่ดีของคำว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นนะ
ข้อมูลจาก http://www.imdb.com
RECOMMENDED CONTENT
เรื่องราวต่อจาก ภาค3 Parabellum ด้วยราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตำนานอย่าง John Wick จึงต้องต่อสู้กับ High Table กับเรื่องราวการต่อสู้ของวงการใต้ดิน ตั้งแต่นิวยอร์ก ปารีส ญี่ปุ่น ไปจนถึงเบอร์ลิน