เราเชื่อว่าคอสตรีทแฟชั่นทั้งหลายจะต้องสังเกตเห็นถึงเสื้อผ้าไอเทมหนึ่งที่กำลังฮิตสุดๆในตอนนี้ เพราะไม่ว่าจะเดินช็อปปิ้งที่ไหน ตั้งแต่ตลาดนัดจตุจักร สยามสแควร์ ยันแบรนด์แฟชั่น high street อย่าง Topshop หรือ H&M ก็ต้องเห็น “เอี๊ยม” วางจำหน่ายอยู่เต็มไปหมด ใช่แล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงเทรนด์แฟชั่นล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มสาวแฟชั่นนิสต้าบ้านเรา กับ “เอี๊ยม” ที่จริงๆแล้วเราเริ่มสังเกตเห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้วล่ะว่าเป็นเทรนด์ที่เริ่มครองตลาดสตรีทแฟชั่นในเมืองไทย จนมาถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเทรนด์การใส่เอี๊ยมนั้นยังคงไม่ไปไหน เพราะความถี่ในการเห็นหนุ่มสาวใส่เอี๊ยมตามท้องถนนมีให้เห็นกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนเราคิดว่าถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เราต้องพูดถึงเทรนด์การใส่เอี๊ยมกับเขาเสียหน่อย
คนส่วนใหญ่เวลานึกถึงเอี๊ยมแล้วอาจจะยังติดภาพของชาวไร่ชาวนาอยู่ ซึ่งนั่นก็ไม่ผิดเสียทีเดียว เพราะประวัติความเป็นมาของเอี๊ยมนั้นเริ่มต้นมาจากชนชั้นแรงงานในสมัยก่อนจริงๆนั่นแหละ ไล่กลับไปตั้งแต่ปี ค.ส. 1700 ที่มีการบันทึกของการใส่เอี๊ยมครั้งแรกของผู้ชายชนชั้นแรงงานในประวัติศาสตร์ ในสมัยนั้นเนื้อผ้าของเอี๊ยมไม่ได้ทำจากยีนส์เหมือนปัจจุบัน แต่ทำจากผ้าหนาหยาบๆทั่วไป เน้นไปที่ความทนทานมากกว่าการใส่ให้สบาย โดยส่วนใหญ่ขนาดของเอี๊ยมในยุคนั้นจะหลวมโคร่งและมักให้สวมทับกางเกงด้านนอก ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 รูปทรงของเอี๊ยมก็ได้มีการพัฒนามากขึ้นเพื่อความเหมาะสมในการทำงานของเหล่าแรงงาน อาทิ การให้เอี๊ยมมีกระเป๋าสำหรับใส่อุปกรณ์ ปากกา และไม้บรรทัด ส่วนสีของเอี๊ยมก็มีให้เห็นกันมากขึ้นในช่วงปี 1880 โดยมีสียืนพื้นหลักๆอยู่สามสีคือ สีขาวสำหรับช่างทาสี สีน้ำเงินสำหรับชาวนา และผ้าลายทางสำหรับช่างรถไฟ ส่วนช่างตามโรงงานทั่วไปนั้นก็เริ่มใส่เอี๊ยมที่ทำจากยีนส์อย่างแพร่หลายจนตอนหลังกลายเป็นชุดเครื่องแบบของพวกเขาไปในที่สุด นอกจากนี้สายเอี๊ยมในยุคแรกๆส่วนใหญ่จะเป็นสายขนาดเล็กที่มีการเย็บติดหรือติดกระดุมกับทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเอี๊ยม จนกระทั่งปี ค.ส. 1900 ที่สไตล์ของเอี๊ยมมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กับการใช้ตะขอแทนกระดุมในการติดสายเอี๊ยมและการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์หน้าตาของเอี๊ยมให้เป็นแบบ one-piece ทั้งหมด ส่วนเนื้อผ้าที่นิยมมาทำเป็นเอี๊ยมนั้นก็เป็นผ้าเดนิมที่มีความทนทานและใส่สบายมากขึ้น และในช่วงปี 1900s นี้เอง ที่ผู้หญิงเริ่มหันมาใส่เอี๊ยมเช่นเดียวกับผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่ผู้หญิงหันมาใส่เอี๊ยมเวลาทำงานในโรงงาน เรื่อยมาจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เห็นได้ชัดจากภาพโปสเตอร์ “We Can Do It!” ของ Rosie the Riveter ผู้หญิงที่ยกแขนโชว์กล้าม ที่ในยุคนั้นเธอกลายเป็นตัวแทนของผู้หญิงนับล้านที่ใส่เอี๊ยมทำงานในโรงงานในช่วงสงคราม
อ่านมาถึงตอนนี้ ชาว Dooddot คงเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมว่า แล้วเอี๊ยมนี่กลายเป็นแฟชั่นไอเทมกับเขาได้ยังไง ถ้าอย่างนั้นเราขอ fast forward มาที่ยุค 1960s เลยก็แล้วกัน เพราะในช่วงปีนี้เองที่การใส่เอี๊ยมไม่ได้ถูกจำกัดแต่กับชนชั้นแรงงานอีกต่อไป แบรนด์ high street ในสมัยนั้นต่างเริ่มหันมาสนใจผลิตเอี๊ยมสำหรับแบรนด์ของตัวเอง โดยการนำเนื้อผ้าหลากหลายรูปแบบและสีสันมาตัดเย็บ ส่วนลายตารางหรือ plaid นั้นก็มักเป็นที่นิยมตามร้านบูติกและร้าน high-end เสียส่วนใหญ่ คราวนี้พอมาในช่วงยุค 90’s ศิลปิน R&B และ Hip hop ชื่อดังหลายต่อหลายคน อาทิวง TLC, Destiny’s Child และ Will Smith (ในยุคที่เขาแสดงในซิทคอม Fresh Prince of Bel-Air) ก็ต่างนิยมใส่เอี๊ยมตัวโคร่งพร้อมกับติดตะขอสายเอี๊ยมแค่สายเดียว จนกลายเป็นเทรนด์ที่เด็ก high school อเมริกันในสมัยนั้นต่างเอาอย่างกันไปตามๆกัน
พอมายุคปัจจุบัน ทุกคนคงจะพอทราบกันดีแล้วล่ะว่า การใส่เอี๊ยมนั้นไม่ใช่ชุดของชนชั้นแรงงานอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะสไตล์ของการใส่เอี๊ยมนั้นถูกพัฒนามาไกลและมีให้เลือกกันหลากหลายรูปแบบมากๆแล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มัน ไหนจะเอี๊ยมแบบกางเกงขาสั้น เอี๊ยมแบบกระโปรง เอี๊ยมยีนส์ตัวโคร่ง เอี๊ยมแบบรัดรูป เอี๊ยมผ้ากำมะหยี่แบบวินเทจ เอี๊ยมลายคาโม่ เอี๊ยมหนัง และอีกสารพัดสไตล์ของเอี๊ยม ที่ทำจากเนื้อผ้าหลากหลายแบบ ไหนจะดีไซน์ของตัวเอี๊ยมอีกล่ะที่ก็มีให้เลือกมากมายจนไม่หวาดไม่ไหว ถ้าคุณคิดอยากจะลองหันมาใส่เอี๊ยมกับเขาดูบ้าง เราขอแนะนำให้คุณลองใส่เอี๊ยมแบบสไตล์เบสิคก่อน ลองใส่เอี๊ยมยีนส์พอดีกับรูปร่างสักตัว จับคู่กับเสื้อยืด และรองเท้าผ้าใบ ลองจับคู่เอี๊ยมของคุณกับเสื้อและรองเท้าที่คุณใส่แล้วมั่นใจดู แค่นี้ก็ถือว่าคุณผ่านเลเวลแรกของการใส่เอี๊ยมแล้ว แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว ลองหาเอี๊ยมที่เหมาะกับสไตล์ที่คุณอยากแต่ง ถ้าคุณอยากลองแต่งสไตล์ Hip hop ยุค 90 ลองหยิบเอี๊ยมยีนส์ตัวโคร่งหน่อยๆจับคู่กับเสื้อ crop top และรองเท้าผ้าใบสักคู่ หรือสำหรับคุณผู้ชายที่อยากลองใส่เอี๊ยม ลองหาเอี๊ยมสไตล์วินเทจสักตัวที่ทำจากผ้ากำมะหยี่ ผ้าลายทาง หรือผ้าสีเบจ จับคู่กับเสื้อเชิ้ตคัตติ้งดีๆสักตัว และ complete look ด้วยรองเท้าหนังทรง Oxford shoes และแว่นตากันแดดแบบวินเทจสักอัน แค่นี้คุณก็จะดูน่ามองขึ้นมาทันตา เอาเป็นว่าการใส่เอี๊ยมให้เข้ากับบุคลิกและสไตล์การแต่งตัวของคุณนั้น ไม่ว่าจะทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ควรทำการศึกษาวิธีแต่งและใช้เวลานิดหนึ่ง เมื่อไหร่ที่คุณหาสไตล์ของตัวเองเจอ ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนลุคการใส่เอี๊ยมเป็นแบบไหนก็ตาม เราเชื่อว่าถ้าคุณมีความมั่นใจ แต่งออกมาลุคไหน คุณก็ดูดีมีสไตล์ได้ไม่ยากเลย
ก่อนจากกัน พวกเราไปดูตามรูปด้านบนเลยดีกว่าว่า การใส่เอี๊ยมนั้นมีกี่ลุคกี่สไตล์กันบ้าง เผื่อคุณจะได้มีไอเดียและแรงบันดาลใจในการใส่เอี๊ยมให้อินเทรนด์กับเขาดูบ้าง รับรองว่า mix and match กันเพลินแน่
Writer: Thip S. Selley
Image by: Thip S. Selley
RECOMMENDED CONTENT
เพลงนี้พูดถึงเรื่องราวเวลาที่เราแอบชอบใครสักคนอยู่ แล้วความสัมพันธ์นั้นมันไม่ค่อยชัดเจน เราก็บอกกับเขาว่าเราเดาไม่เก่งนะ