เดินทางมาถึง 8 ปีแล้ว สำหรับเอเจนซี่ดิจิทัลรุ่นใหม่อย่าง “Rabbit’s Tale” ในเครือ Rabbit Digital Group และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการฉลองด้วยการปล่อยคลิป “เท็จ Periment Team VS Boss” จับพนักงานและผู้บริหารมาเปิดอกบอกความในใจแบบสนุกๆ จนเป็นกระแสในโลกโซเชียล ด้วยความน่ารักปนฮาของพนักงานและผู้บริหารในบริษัทที่ดูแล้วต้องยิ้มตาม วันนี้ขอนำไอเดียสนุก ๆ จากทีมครีเอทีฟคนทำคลิปมาฝากกัน
จุดเริ่มต้นมายังไง?
ทางทีมทราบมาจากผู้บริหารว่า ในปีนี้บริษัทจะครบรอบ 8 ปี ด้วยความที่เราก็เป็นพนักงานที่นี่เลยอยากลองทำอะไรสนุกๆ จึงไปเสนอผู้บริหารว่าขอทำคลิปวันเกิดบริษัท แต่พวกพี่ต้องมาเล่นด้วยนะ ด้วยความที่ผู้บริหารบริษัทเราเป็นคนมันส์ๆ กันอยู่แล้วก็อนุญาตให้ทำ
แรกสุดเราไม่ได้มองว่าคลิปนี้จะเป็นการสื่อสารเพื่อสร้าง Branding หรือเชิง Corporate อะไรแบบนั้นอยู่แล้ว แต่คิดจะทำเป็นคลิป Content สนุกๆ ที่แสดงให้เห็น Culture ของบริษัทมากกว่า ว่าบริษัทเราเป็นแบบไหน ก็นึกไปถึงเรื่องว่า เวลาครบรอบอะไรสักอย่าง มันมักจะต้องมีการออกมานั่งบอกความในใจของคนนู้นคนนี้ สวยๆ หล่อๆ ซาบซึ้ง ในใจก็คิดต่อไปว่ามันคงจะสนุกดีนะ ถ้าเกิดมีเครื่องจับเท็จไปด้วย ว่าความในใจที่พูดมาเนี่ย มันจริงแท้หรือเปล่า?
จับเท็จ พนักงาน กับ เจ้านาย?
เราเคยเห็นผ่านตามาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการจับเท็จระหว่างคู่รัก จับเท็จระหว่างคนในครอบครัว หรือจับเท็จกับเด็กๆ แต่แทบจะไม่เห็น Content สนุกๆ จากการจับเท็จเจ้านายกับลูกน้องเลย เพราะอะไร? เรามองว่าจุดประสงค์จริงๆ ของเครื่องจับเท็จ มักจะเอามาใช้ในการสอบสวนหาคนร้าย หรือบางครั้งบริษัทนำมาใช้เพื่อตรวจหาพนักงานทุจริตอยู่แล้ว เขาเลยอาจไม่ได้คิดจะเอามาใช้กันเท่าไหร่ อีกทั้งวัฒนธรรมองค์กรของบางที่อาจจะไม่เอื้อให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในออฟฟิศก็ได้
แต่ในฐานะที่เราเองก็เป็นพนักงานคนหนึ่งของ Rabbit’s Tale เหมือนกัน เรากลับมองว่าสำหรับที่นี่ ไอเดียนี้เป็นไปได้ และมันจะต้องสนุกมากแน่ๆ
ได้เวลาจับโกหก!
ความยากคือ เราอยากได้ Reaction สนุกๆ และคำตอบจริงๆ ของพนักงานและผู้บริหาร เราจึงต้องหาเครื่องจับเท็จที่ใช้ได้จริงมาให้ได้ แต่เชื่อไหมว่าเมื่อเราลองค้นหาดู กลับพบว่าเครื่องจับเท็จที่มีอยู่ในตลาดมักจะเป็นของเล่น ดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ส่วนถ้าเช่าของจริงไปเลย ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
จึงต้องขอความร่วมมือกันจาก Programmer และทีมเทคนิคในบริษัทให้ต่อวงจรเครื่องจับเท็จขึ้นมาจริงๆ ! โดยต้องศึกษาเซ็นเซอร์ที่จำเป็นในการใช้วัดความผิดปกติของร่างกายเวลาโกหก และเขียนโปรแกรมแสดงผลกราฟออกมา ซึ่งมันวัดออกมาได้ผลเหลือเชื่อ
พอเราแจ้งพนักงานและผู้บริหาร แต่ละคู่ที่ต้องมาเข้าเครื่องจับเท็จดูตื่นเต้นมาก และเนื่องจากคำถามจับเท็จมักจะต้องเป็นคำถามปลายปิดถึงจะได้ประสิทธิภาพ เราจึงลิสต์แนวทางคำถามมาสนุกๆ ให้ทั้งทีมพนักงานและทีมผู้บริหารเพื่อเป็นไกด์ไลน์ แต่บางคนถึงกับลิสต์คำถามแกล้งเจ้านายหรือลูกน้องมาเอง ด้วยความที่ทุกคนรู้จักและสนิทกันอยู่แล้ว มันเลยออกมาธรรมชาติมากๆ จะเรียกว่าด้นก็ว่าได้ แต่ทุก Reaction ทุกคำตอบ ทุกความในใจที่ได้มาจากคลิป เกิดจาก Reaction จริงล้วนๆ
สิ่งที่คิด VS สิ่งที่เกิด
ตอนแรกเกร็งมาก ด้วยความที่มัน real เราไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ปรากฏว่าตอนถ่ายทำมันออกมาน่ารักมาก เรารู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ของลูกน้องกับเจ้านายที่เหมือนเป็นเพื่อน เป็นครอบครัวกันจริงๆ บางคู่นี่ถามกันไปถึงคำถามสายลึก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันสนุกมาก เราได้ฟังความคิดหลายๆ อย่างของเพื่อนร่วมงาน ตั้งแต่ฝ่าย IT, บัญชี, Client service, Planner, Creative, Programmer ทั้งผู้บริหารและพนักงาน
หลังจากตัดต่อเสร็จเราได้มีการเปิดคลิปนี้ในโถงออฟฟิศให้คนในบริษัทดู พร้อมกับปล่อยลงเฟสบุ๊ก ตอนเราเปิดในออฟฟิศก็ตื่นเต้นมากนะ แต่พอทุกคนดูแล้วขำแล้วชอบเราก็ดีใจ ยิ่งพอเห็นคนที่ไม่อยู่ที่นี่ดูแล้วขำ ยิ้มตาม แล้วแชร์กันออกไป ยิ่งรู้สึกโล่งใจเลย ท้ายสุดแล้วเราก็รู้สึกยินดีที่ของขวัญวันเกิดออฟฟิศปีนี้ มันทำให้ทุกคนรู้สึกแฮปปี้และอมยิ้มเวลาได้ดูคลิปนี้ โดยมียอด Organic View มากกว่า 100,000 วิวภายใน 48 ชั่วโมง
และนี่ก็คือที่มาของคลิปนี้ ที่ทางพนักงานตั้งใจทำเพื่อเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์คนใน Rabbit Digital Group ทั้ง Rabbit’s Tale, Moonshot, Code & Craft และ The Zero ที่ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น และ Culture สนุกๆ ขององค์กรนี้จริงๆ
—
RECOMMENDED CONTENT
กุชชี่นี่มันกุชชี่จริงๆ! ล่าสุด Gucci ได้กลับมาพร้อมกับแคมเปญ Gucci Gift Giving Collection ต้อนรับบรรยากาศ Festive ช่วงปลายปีแบบนี้ โดยปีนี้ มาในธีม 'Gucci Holiday Office Party' ที่จำลองออฟฟิศยุค 80s ในช่วงก่อนเวันหยุดยาวที่เหล่าพนักงานพร้อมสำหรับปาร์ตี้แสนคึกคัก ซึ่งไอเดียเก๋ๆ ของ Gucci ยุค 4.0 อย่างนี้ ไม่บอกก็คงพอเดากันได้ว่ามาจากใคร ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ อเล็ซซานโดร มิเคเล่ (Alessandro Michele) คนดีคนเดิมนั่นเอง