‘หลอดไฟ’ น่าจะเป็นหนึ่งสิ่งที่เราเห็นกันมาตั้งแต่เกิด เราอาจจะคุ้นเคยกับมันในแง่ของการให้แสงสว่าง นอกจากนั้นเราก็ไม่เคยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับมันเลย รู้เพียงแต่ว่ามันมีหลอดกลมๆให้แสงสว่างสีส้ม หลอดยาวๆติดเพดาน แต่พอเริ่มเข้าสู่ช่วงปี 2000 ที่มีหลอดตะเกียบเข้ามาพร้อมกับบอกว่าประหยัดไฟเบอร์ 5 ทุกคนก็เริ่มตื่นตัวและหันมาเปลี่ยนหลอดไฟกันมากขึ้น
จนมาถึงยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้พัฒนามาถึงจุดที่หลอดไฟเป็นได้มากกว่าการให้แสงสว่าง อย่างหลอดไฟ LED ที่ในเวลานี้ถูกคิดค้นมาให้สอดคล้องกับโลกของเรามากขึ้น ทั้งเรื่องประหยัดพลังงานและการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น แต่ทั้งหมดนี้จะให้พูดลอยๆก็กระไรอยู่ งั้นวันนี้เราจะพาไปพูดคุยกับ 2 ท่าน ที่จะมาช่วยตอบคำถามว่าหลอดไฟ LED นั้นดีอย่างไร? ส่งผลดี – ผลเสียอะไรต่อร่างกายมากแค่ไหน? และสามารถนำไปตกแต่งบ้านอย่างไรได้บ้าง? พบกับ ‘รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์’ หัวหน้าศูนย์ตาธรรมศาสตร์ และ คุณนุ๊ก ‘รัชพล ชัยวัฒน์’ เจ้าของบริษัท Nuk Architect Co., Ltd. ที่จะมาไขคำตอบนี้กัน
เริ่มกันที่ท่านแรกกับ ‘รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์’ หัวหน้าศูนย์ตาธรรมศาสตร์ จะมาให้คำตอบว่าหลอดไฟ LED นั้นมีประโยชน์อย่างไร? และส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตแค่ไหน?
แสงแบบไหนที่เหมาะสมกับการทำงาน?
แสงที่เหมาะกับการทำงาน ก็ควรจะอยู่ในที่ที่มีแสงกำลังพอดี เพราะไม่ว่าจะแสงมากไปหรือน้อยไปก็เกิดอันตรายกับดวงตาทั้งนั้น อย่างเช่น ถ้าแสงน้อยไปธรรมชาติของดวงตาคนเราจะทำให้ม่านตาต้องขยายเพื่อเปิดรับแสงเยอะขึ้น ซึ่งคนที่อ่านหนังสือหรือใช้สายตาในที่แสงน้อยก็จะมีอาการปวดตาเพราะว่ากล้ามเนื้อม่านตาต้องทำงานหนัก ส่วนกรณีที่แสงสว่างเกินความจำเป็นก็มีข้อเสียเช่นกัน อย่างในกรณีแสงสีฟ้าคือ แสงที่สามารถทะลุทะลวงได้ถึงจอประสาทตา เรียกว่ามีพลังทำลายกระจกตาหรือจอประสาทตาได้มากกว่าแสงสีอื่นๆ ซึ่งแสงสีฟ้าจะพบได้ในชีวิตประจำวัน เช่น แสงแดดจ้าๆในตอนกลางวัน, หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือที่เราเจอบ่อยๆ อย่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ และหน้าจอสมาร์ทโฟน ครับ
แสงสีฟ้ามีผลกระสบต่อดวงตาทั้งโดยตรงและอ้อม มากแค่ไหน?
ปัญหาในทุกวันคือถ้าเราโดนแสงเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก, นักศึกษา หรือวัยทำงาน เลนส์ของดวงตายังมีความใสอยู่ก็จะไม่ค่อยกรองแสงสีฟ้า ถ้าเราทำงานอยู่ในที่แสงสว่างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างจากคอมพิวเตอร์ หรือแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ล้วนทำให้เกิดอันตรายได้ทั้งสิ้น แสงพวกนี้อาจจะไม่ได้ทำให้ตาบอดเดี๋ยวนั้น แต่แทนที่ตาของคุณจะเสื่อมตอนอายุ 70, 80 ปี ก็อาจจะเริ่มเสื่อมตอนอายุสัก 50, 60 ปีแทน
ควรดูและรักษาตายังไง?
จริงๆ มีปัญหาที่เรียกกันว่า Computer Vision Syndrome ก็คือปัญหาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ แต่เดี๋ยวนี้การใช้ Smartphone ยิ่งเป็นปัญหาเยอะกว่าคอมพิวเตอร์ซะด้วยซ้ำ ปัญหาที่เจอบ่อยๆ ก็คือการรู้สึกว่าตาแห้งไม่สบายตาเพราะพวกนี้จะกระพริบตาน้อย และยิ่งแสงจ้าก็จะทำให้แสบตายิ่งขึ้น ปัญหานี้ปกติจะแนะนำให้กระพริบตาบ่อยๆ สำหรับคนที่ปวดตา อาการนี้ขึ้นอยู่กับว่าเวลาเรามองใกล้จะทำให้เราเกิดการเพ่งของดวงตา เพราะฉะนั้นเมื่อเราทำงานในระยะที่ใกล้ติดต่อกันเป็นเวลานานก็จะปวดตา แย่กว่านั้นคือเมื่อเราทำงานในที่ที่มีแสงสว่างน้อย ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักมากขึ้นก็จะทำให้รู้สึกปวดตาได้ง่าย ส่วนในที่ที่แสงสว่างเยอะเกินไปนอกจากจะทำให้รู้สึกแสบตา แสงที่เข้าไปสู่ดวงตานั้นทำให้เกิดอันตรายตั้งแต่ เยื่อบุตา กระจกตา เลนส์ตา ไปจนถึงจอประสาทตา เพราะฉะนั้นข้อแนะนำก็คือ ไม่ควรทำงานในที่มืด หรือที่แสงสว่างเยอะเกินไปเป็นเวลานานๆ เพราะไม่ว่าแสงอะไรมันก็อาจส่งผลกระทบต่อดวงตาทั้งนั้น โดยเฉพาะ “แสงสีฟ้าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุได้มากขึ้น” สุดท้ายสำหรับลดอาการปวดตาจากการเพ่งเป็นเวลานาน แนะนำว่าทุกๆ 45 นาที ควรจะมีการหยุดพักอย่างน้อย 5-10 นาที เพื่อคลายดวงตา ก็จะสามารถทำงานต่อได้โดยที่ไม่เกิดปัญหากับดวงตาครับ
เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกใช้หลอดไฟ สำคัญแค่ไหน?
ผมมองว่าการเลือกซื้อหลอดไฟในปัจจุบันนี้ค่อนข้างสำคัญ หากย้อนกลับไปเมื่อก่อนหลอดไฟสร้างขึ้นมาเพื่อส่องสว่างเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีได้พัฒนามาไกลมาก ทำให้หลอดไฟ LED นอกจากจะให้แสงสว่างแล้ว ยังมองข้ามไปถึงเรื่องประหยัดพลังงาน และถนอมสายตาอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกหลอดไฟไม่ใช่เรื่องแสงสว่างอีกต่อไป แต่มันยังหมายถึงคุณภาพชีวิตของคนในบ้านอีกด้วย
__________________________________________________
มาดูในส่วนงานออกแบบกันบ้างกับคุณนุก รัชพล ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ Nuk Architect Co., Ltd. บริษัททางด้านออกแบบสถาปัตยกรรม ออกแบบตกแต่งภายใน และออกแบบวางผัง (การวางผังเมืองหรือผังโครงการ) โดยคุณนุกจะมาให้คำตอบกันว่าหลอดไฟ LED มีประโยชน์ต่องานสถาปัตยกรรมอย่างไรและเทคนิคที่จะเปลี่ยนบ้านของคุณให้ดูดีขึ้นงั้นเราไปคุยกับเขากันเลย
งานที่ะเป็นไฮไลท์ของบริษัท Nuk Architect Co., Ltd. ต้องเป็นแบบไหน?
งานที่เป็นไฮไลท์สำหรับผมไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นงานขนาดใหญ่ หรือแพงที่สุด แต่ต้องเป็นงานที่เราสามารถออกแบบมาได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ทั้งประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่า (Highest & Best used) และภาวะความน่าสบายที่เหมาะสมอย่างลงตัวของพื้นที่ใช้สอยต่างๆ (Space Planning) ซึ่งจะสามารถทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจในหลักวิชาสถาปัตยกรรม ที่จะร่วมกันทำงานออกมาได้เป็นอย่างดี จนเกิดงานที่มีคุณค่าในเชิงสถาปัตยกรรม และความภาคภูมิใจไปด้วยกัน
ทำงานสไตล์ไหน?
โดยส่วนตัวเป็นคนชอบ Modern Style แต่ก็ทำงานได้หลายสไตล์ครับ จากประสบการณ์ที่เคยได้ทำงานกับท่านอาจารย์ รศ.ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี (ศิลปินแห่งชาติ) ที่ถือเป็นบรมครูทางด้านสถาปัตยกรรมไทยของเมืองไทย และจากประสบการณ์ที่เคยได้ทำงานในภูเก็ตอยู่หลายปี ที่หลักๆจะเป็นงาน โรงแรม รีสอร์ท
ปกติเลือกใช้หลอดไฟแบบไหน?
ปกติผมเลือกใช้หลอดไฟ LED อยู่แล้วทั้งที่บ้านผมเองและงานออกแบบที่เราจะแนะนำลูกค้าครับ อย่างที่บ้านผมตอนนี้ ไฟส่องสว่างทั่วไป ผมใช้เกือบทั้งหลังแล้วครับ โดยเริ่มทยอยเปลี่ยนมาเรื่อยๆจากหลอดเดิมที่เสีย กับจุดพิเศษๆที่ต้องการแสงแบบ Spotlight เช่นรูปภาพหรือสิ่งที่เราต้องการที่จะโชว์เป็นพิเศษ ผมก็เปลี่ยนมาใช้หลอด LED แทนแล้วครับ ส่วนถ้าเป็นงานออกแบบ เราจะแนะนำลูกค้าไว้เป็นมาตรฐานของงานตั้งแต่เริ่มต้น หรือลูกค้าบางท่านก็จะบอกว่าอยากใช้หลอด LED เองเลย หลังจากใส่ให้ลูกค้าก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมาตลอด อีกทั้งลูกค้าเริ่มคุ้นเคยกับเทคโนโลยี LED กันมากขึ้นด้วยครับ
สำหรับงานออกแบบหลอดไฟมีความสำคัญแค่ไหน?
สำคัญมากครับ “แสง” ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้สถาปัตยกรรมดูมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแสงธรรมชาติ หรือแสงประดิษฐ์ก็ตาม โดยเฉพาะแสงประดิษฐ์ที่เราเรียกว่าหลอดไฟ ซึ่งสามารถใช้กับสถาปัตยกรรมได้ทุกตำแหน่งตามแนวความคิดทางการออกแบบที่กำหนดไว้ในแต่ละส่วนอาคาร และตอนนี้ LED ได้พัฒนาค่าความสว่างขึ้นมาเรื่อยๆ โดยที่งานภายนอก ผมสามารถนำไปใช้กับงาน Landscape ได้เกือบทั้งหมด เช่น ไฟสนามต่างๆ สตรีทเฟอร์นิเจอร์ และไฟ Spotlight สำหรับส่องตัวอาคาร ยิ่งบางจุดที่ต้องใช้กำลังไฟเยอะ ยิ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะนอกจากที่ให้แสงเท่ากันแล้ว ยังช่วยลดค่าไฟให้น้อยลง ซึ่งผมว่าอันนี้โอเคเลยครับ
เมื่อเทียบหลอด LED กับหลอดไฟแบบเก่าแล้วความรู้สึกที่ได้แตกต่างจากเดิมมากแค่ไหน?
แตกต่างมากครับโดยปกติแล้วเป็นคนที่ชอบแสง Warm White (แสงสีส้มอุ่นๆ) และ Cool White (แสงขาว) ซึ่งหลอด LED สามารถตอบโจทย์ผมได้ทั้งในเรื่องแสงที่นุ่มกว่าและยังไม่ร้อนอีกด้วย
นอกจากนี้หลอดไฟ LED สามารถเอาไปใช้ตกแต่งอะไรในบ้านได้บ้าง?
นอกจากไฟส่องผนัง หรือรูปภาพ สามารถนำไปใช้ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ เคาน์เตอร์ หรือบางมุมที่มีความเฉพาะที่เราอยากให้ดูโดดเด่น หรือดูนุ่มนวลกว่าจุด ก็สามารถใช้ LED เข้ามาช่วยได้ หรือการเล่นมิติของแสง โดยการซ่อน LED Spotlight ที่จะช่วยให้งานสถาปัตยกรรมดูมีมิติมากขึ้น โดยเฉพาะงานตกแต่งภายใน จำเป็นที่จะต้องกำหนดแสงในการทำงานร่วมกับเฟอร์นิเจอร์และผนัง ถ้าเราเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม จะทำให้ห้องนั้นตอบสนองต่อบรรยากาศในการใช้งานอย่างสูงสุด และดูดียิ่งขึ้น หรือถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศของห้องสามารถเลือกใช้หลอด LED สีอื่นๆได้ ซึ่งก็จะทำให้ห้องดูสนุกสนานต่อการใช้งานมากขึ้นด้วย
คิดว่าในอนาคตบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตยกรรมหรือ Interior มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ให้ลูกค้าเยอะขนาดไหน?
ผมมั่นใจว่าทิศทางมันจะเป็นอย่างนั้น เพราะในขณะนี้มีการรณรงค์ในเรื่องของการประหยัดพลังงานกันเป็นอย่างมาก จากปัญหาพลังงานขาดแคลนที่เกิดขึ้นทั้งโลกที่เราควรจะต้องช่วยกันโดยจะโยงไปถึงเรื่อง Green Building ที่ตอนนี้ในระดับโลกกำลังให้ความสำคัญ ซึ่งเป็นแนวคิดการสร้างอาคารโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างจิตสำนึกร่วมกันให้เกิดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ผมว่านี่แหละเป็นเหตุผลที่ทำให้คนหันมาใช้หลอดไฟ LED กันมากขึ้น
สำหรับคนที่กำลังสร้างบ้านใหม่เหตุผลอะไรที่พวกเขาควรเลือกใช้หลอดไฟ LED ?
จริงๆเริ่มต้นเลย เรายังไม่ต้องดูทั้งหมดของ LED ก็ได้ อะไรที่เป็นหลักสำคัญที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นไฟส่องสว่างทั่วไปของบ้าน ก็ควรที่จะเริ่มลองหันมาพิจารณากันดูบ้าง เพราะราคาตอนนี้ก็ไม่สูงมากแล้วถ้าเทียบกับหลอดตะเกียบ และด้วยราคาที่ต่างกันไม่มาก แต่ด้วยคุณภาพที่เท่าเทียมกัน กับอายุการใช้งาน และการประหยัดไฟที่สูงกว่า น่าจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจไม่อยากครับ
มาทำความรู้จักกับหลอดไฟ Philips LED Bulbs กันดีกว่า
คำว่า LED มาจากอะไร?
LED ย่อมาจากคำว่า Light Emitting Diode หรือเป็นภาษาไทย ก็คือสิ่งประดิษฐ์ชนิดหนึ่ง ที่สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสงสว่างได้
ข้อดีของหลอดไฟ Philips LED Bulbs
สิ่งแรกเลยคือแสงที่ได้จะเป็นแสงที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าหลอดทั่วไป เรื่องต่อไปคือหลอดไฟ LED กินไฟน้อยกว่าถึง 85% (เมื่อเทียบกับหลอดไส้ 40 วัตต์) และไม่มีแสง UV มาทำร้ายผิวหนังและดวงตาของเราอีกด้วย ที่สำคัญคุณเปลี่ยนหลอดครั้งเดียวสามารถใช้ได้นานถึง 15,000 ชม.
เห็นไหมว่าหลอดไฟ Philips LED Bulbs ดีขนาดไหน อย่างที่บอกไปว่าประหยัดไฟกว่าหลอดชนิดอื่นๆ ลองคิดดูว่าถ้าคุณเปลี่ยนทั้งบ้านจะช่วยประหยัดไฟต่อเดือน ต่อปี มากมายขนาดไหน แถมเปลี่ยนครั้งเดียวใช้งานได้ยาวอีกด้วย เห็นอย่างนี้แล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกไหมที่ทำให้คุณไม่เลือกใช้
ซื้อหลอดไฟ ฟิลิปส์ LED วันนี้ลดทันที 20 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2558
*โปรโมชั่นนี้ไม่รวมหลอด Philips LED 18W และ หลอด Philips LED Scene Switch
สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ Homework, HomePro, GlobalHouse, ไทวัสดุ และร้านค้าที่ร่วมรายการ
Philips
Website: http://www.philips.co.th/
Facebook: https://www.facebook.com/PhilipsLightingThailand
RECOMMENDED CONTENT
การ์มิน เปิดตัวแคมเปญ “FROM ZERO TO HERO” ปลุกสปิริตให้คนไทยในช่วงเวลาที่หมดไฟ ให้สามารถเดินหน้าพิชิตเป้าหมายก่อนปิดปี 64