‘Heart and soul into every stitch’
‘ใส่จิตวิญญาณเข้าไปในทุกตะเข็บ’
เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของแบรนด์กระเป๋าในตำนานของญี่ปุ่น อย่าง ‘PORTER’ กันมาบ้าง ชื่อเสียงของ PORTER นั้นคือกระเป๋าที่ใช้งานได้ดี คงทน ตอบโจทย์กับหลากหลายฟังก์ชั่น รวมถึงงานตัดเย็บที่ประณีต สมกับแนวคิดหลักของแบรนด์ข้างต้น นั่นคือการใส่จิตวิญญาณเข้าไปในทุกตะเข็บ ซึ่งเป็นมากกว่าแค่จิตวิญญาณของช่างทำกระเป๋า แต่ยังเป็นจิตวิญญาณของความเป็นญี่ปุ่นอีกด้วย
—————
THE HISTORY
ต้นทางของของ PORTER เริ่มต้นจาก Kichizo Yoshida (คิจิโสะ โยชิดะ) ชาวจังหวัดคานางาวะ เริ่มต้นเข้าไปฝึกงานกับช่างทำกระเป๋ามาตั้งแต่อายุ 12 ปี และเป็นช่วงที่เขาเริ่มต้นหลงใหลในกระเป๋าอย่างจริงจัง ลงลึกอย่างหนักในการทำงานกับหนังที่ต้องพิถีพิถีนในทุกขั้นตอน คิจิโสะต้องเรียนรู้และฝึกฝนการใช้มีดตัดหนังเป็นเวลากว่า 3 ปี กว่าจะได้มีโอกาสเริ่มลงมือทำกระเป๋าจริงๆ
เมื่อคิจิโสะอายุได้ 17 ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้คิจิโสะต้องอพยพออกจากพื้นที่ และนั่นก็ทำให้คิจิโสะพบกับความหมายของกระเป๋า ว่ามันต้องเป็นสิ่งที่สามารถพกพาและใส่สิ่งของจำเป็นต่างๆ ได้ และเขาก็นำความคิดนี้ติดตัวมาจวบจนกระทั่งปี 1935 คิจิโสะได้ก่อตั้งโรงงานทำกระเป๋าขนาดเล็ก Yoshida Kaban Seisakujo ในโตเกียว คิจิโสะมองว่า กระเป๋าควรจะเป็นของใช้ที่อยู่คู่กายกับเจ้าของ จนในที่สุดมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
แต่คิจิโสะก็ต้องพบกับช่วงเวลาสงครามโลกซึ่งทำให้กิจการต้องหยุดพักไป เพราะเหล่าช่างต้องไปเป็นทหารช่วยรบ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ต้องซ่อนไว้ในโกดังใต้สะพานรถไฟ อย่างมีความหวังว่าเมื่อจบสงครามแล้วกิจการจะกลับมาเหมือนเดิม ในปี 1951 เมื่อสงครามจบลง คิจิโสะได้กลับมาก่อตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ Yoshida & Co. และย้ายโรงงานกับบริษัทมายังที่ใหม่ ซึ่งกลายเป็นสำนักงานใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อญี่ปุ่นฟื้นตัวจากสงคราม ปี 1953 Tokyo Tower ก็สร้างเสร็จ เป็นเหมือนการดึงขวัญกำลังใจของคนโตเกียวกลับมาอีกครั้ง เป็นเวลาเดียวกันกับที่บริษัท Yoshida ได้ผลิต Elegant Bag ซึ่งสามารถปรับขนาดตามรูปแบบการใช้งานได้เพียงแค่รูดซิป ซึ่งกลายเป็นกระเป๋ารุ่นยอดนิยมที่สุด และไปเตะตาเจ้าหญิงมิจิโกะ ถึงขั้นมีรับสั่งให้ผลิตกระเป๋าพิเศษสำหรับพระองค์เอง และกลายเป็นบริษัททำกระเป๋าเจ้าประจำราชวงศ์ในยุคสมัยเมจิตอนต้นเลยทีเดียว
—————
THE PORTER
หลังจากนั้นบริษัท Yoshida ก็ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ในการผลิตกระเป๋าจากต่างประเทศ ซึ่งอิตาลีเป็นประเทศแรกที่ได้ทำความรู้จักกับกระเป๋าหนังที่ผลิตโดยบริษัท Yoshida และได้รับคำชมจากช่างทำกระเป๋าของอิตาลี ว่าสวยงามในทุกดีเทล แต่อย่างไรก็ดี ภาพจำของแบรนด์ Yoshida & Co. ในประเทศญี่ปุ่นก็ยังทำได้ไม่ดีนัก ในปี 1962 จึงถือเป็นต้นกำเนิดสำคัญของแบรนด์ PORTER ที่ก่อตั้งขึ้นมาสำหรับการวางขายในห้างสรรพสินค้า โดยชื่อ PORTER นั้น มาจากตำแหน่งเด็กถือกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งทางบริษัท Yoshida มองว่า เขาคือคนที่รู้ลึกรู้ดีเรื่องกระเป๋าที่สุดคนหนึ่ง
แบรนด์กระเป๋า PORTER กลายเป็นไอเท็มสำคัญที่คนญี่ปุ่นต้องมี ด้วยฟังก์ชั่นแสนตอบโจทย์ ความทนทาน และความประณีต จึงทำให้กระเป๋าแบรนด์นี้ติดตลาดอย่างรวดเร็ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงความ PORTER เอาไว้อยู่เหมือนเดิม รวมถึงการใส่ใจในทุกตะเข็บด้วย
คิจิโสะในวัย 70 ปีที่ยังคงรักและหลงใหลในการทำกระเป๋าอยู่ ได้พบกับเรื่องน่ายินดี และน่าจะเป็นเกียรติสูงสุดแห่งชีวิต กับการได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ‘The Order of the Rising Sun’ ในฐานะของผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศญี่ปุ่น ไปพร้อมๆ กับการทยอยผลิตคอลเล็กชั่นกระเป๋าที่หลากหลายและกลายเป็นที่พูดถึงหลายรุ่น รวมถึงรุ่นคลาสสิกตลอดกาลอีกมากมายที่ไม่ว่าจะทำออกมาเมื่อไหร่ ยุคไหน ก็จะขายดิบขายดีเทน้ำเทท่าตลอด
คิจิโสะ โยชิดะ จากโลกนี้ไปในปี 1994 โดยที่พนักงานและช่างเย็บของบริษัท Yoshida & Co. ทุกคนจะยังคงยึดถือหลักการของแบรนด์ไว้อย่างเหนียวนั้น ว่าจะยังคงใส่จิตวิญญาณเข้าไปในทุกตะเข็บ ตราบจนถึงปัจจุบัน
—————
THE FUTURE
Yoshida & Co. เพิ่งครบรอบ 80 ปีไปหมาดๆ เช่นกับการเติบโตของแบรนด์ PORTER กับปัจจุบันที่มี flagship store 3 สาขา ที่ Omotesando, Marunouchi และ Osaka รวมถึงยังมีวางจำหน่ายในหลายๆ ช้อปทั่วโลกแล้ว PORTER ก็ได้มีการ collaboration สนุกๆ ร่วมกับอีกมากมายหลายแบรนด์ อาทิ A.P.C., rag & bone, Junya Watanabe, J.W. Anderson, Converse, Adidas Originals เรื่อยไปถึงสื่ออื่นๆ อย่างนิตยสาร Monocle และศิลปินชื่อดังอย่าง KAWS
ล่าสุด PORTER ก็ได้มาเปิด pop-up store แห่งแรกในไทย ที่ชั้น G ของ Siam Discovery พร้อมกันนี้ Teruyuki Yoshida ประธานกรรมการใหญ่ของ Yoshida & Co. ก็ได้เดินทางมายังประเทศไทยพร้อมกับทีมงาน และร่วมพูดคุยสุด exclusive กับพวกเราด้วย
คุณเทรุยุกิเริ่มต้นจากการเล่าประวัติศาสตร์และความเป็นมากว่าจะมาเป็น Yoshida & Co. พร้อมกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยระหว่างทาง
“ในช่วงหลังสงคราม คิจิโสะ คุณพ่อของผม ต้องเข็นรถเข็นสองล้อเพื่อนำกระเป๋าไปเร่ขายในย่าน Ginza รถเข็นคันนั้นยังถูกเก็บไว้ที่บริษัทอยู่ ส่วนกระเป๋านั้น เมื่อผลิตเสร็จแล้วและพบว่ามีตำหนิ หรือไม่เรียบร้อย ไม่ได้คุณภาพ คุณพ่อจะมอบกระเป๋านั้นให้กับเพื่อนบ้านใช้โดยไม่คิดเงินเลย”
Yoshida & Co. เพิ่งทำการรีโนเวทโรงงานผลิตกระเป๋าและสำนักงานใหญ่ใหม่ แต่ยังคงสืบสานความ craftmanship แบบญี่ปุ่นที่เป็นเหมือนสิ่งที่ผู้คนทั้งโลกพึงพอใจ
“บริษัทตั้งใจให้คำว่า ‘Made in Japan’ เป็นมากกว่าแค่คำบอกว่าผลิตในประเทศญี่ปุ่น แต่อยากให้ทุกคนรับรู้ร่วมกันว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผลิตในญี่ปุ่น นั่นหมายถึงชิ้นงานที่ใส่ใจและจิตวิญญาณลงไป มีความประณีต ความละเอียดอ่อน และความสมบูรณ์แบบ”
คุณเทรุยุกิเสริมว่า โรงงานของ Yoshida & Co. ยังคงใช้แรงงานจากมนุษย์ ช่างเย็บทุกคนคือช่างฝีมือที่ใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุ เรื่อยไปจนถึงการตัดเย็บ ช่างหลายคนเป็นผู้สูงอายุที่เขามองว่า ยังคงมีประสิทธิภาพในการทำงาน เช่นกันกับที่พ่อของเขาหลงใหลในหนังและกระเป๋าจนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
เมื่อเราถามว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ PORTER เป็นใคร คุณเทรุยุกิตอบอย่างภาคภูมิใจว่า
“ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้สูงอายุ เพราะพวกเขามักจะกลับมาซื้อกระเป๋ารุ่นที่ใช้เป็นประจำ ที่เป็นผู้สูงอายุก็เพราะว่า พวกเขาซื้อกระเป๋าของเรากันตั้งแต่สมัยวัยรุ่น และมันก็ทนทานและอยู่ได้นานจนแก่ไปพร้อมๆ กันนั่นแหละ” คุณเทรุยุกิกล่าวติดตลก
“ส่วนลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นเพิ่งจะมีเริ่มมีมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง อาจเป็นเพราะทีมดีไซเนอร์ของ Yoshida & Co. เริ่มทำไลน์กระเป๋าที่เหมาะกับวัยรุ่นมากขึ้น มีช่องใส่ของมากขึ้น รวมถึงทำกระเป๋าที่เหมาะกับยุคสมัยใหม่ เช่น เป้สะพายหลัง หรือกระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก นั่นเลยทำให้วัยรุ่นเริ่มสนใจแบรนด์ของเรา”
เช่นกันกับการ collaboration กับแบรนด์ที่หลากหลาย ทำให้วัยรุ่นสนใจและเริ่มมองว่าการมีไอเท็มเป็นกระเป๋า PORTER คือการมีสไตล์ คุณเทรุยุกิเสริมว่า
“ไม่ใช่ว่าเราจะเลือกทำงานร่วมกันกับแบรนด์อื่นๆ ง่ายๆ แต่เราจะต้องไปพูดคุยกับเขาก่อน ดูก่อนว่าความคิดของเขาและของเราตรงกันหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกัน เราก็ต้องปฏิเสธไป เพราะนั่นอาจไม่ใช่ความเป็นแบรนด์ของเรา”
เราถามคุณเทรุยุกิปิดท้ายว่าในแง่ของการทำธุรกิจ ถือว่า Yoshida & Co. ประสบความสำเร็จแล้วหรือไม่ กับการที่กระเป๋าเป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วโลกขนาดนี้
“ผมไม่รู้หรอกว่าประสบความสำเร็จไหม แต่ผมมักจะได้รับคำถามจากทุกคนตลอดว่า ทำไมไม่เปิดโรงงานใหญ่ ผมตอบไปว่า ถ้าผมเปิดโรงงาน จิตวิญญาณของเราจะหายไป เราจะไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด ความประณีต ความใส่ใจที่มีในทุกตะเข็บของเราจะกลายเป็นเพียงตำนาน
ผมและทีมงานยังรักที่จะให้ช่างทำกระเป๋าทุกคนได้ทำงานในพื้นที่ที่เขารัก ยังสนุกกับการเดินทางไปพูดคุย แลกเปลี่ยนเรียนรู้และวัสดุใหม่ๆ อยู่เสมอ นั่นแหละที่ทำให้กระเป๋าของเรามีความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร”
—————
PORTER pop-up store
ชั้น G ศูนย์การค้า Siam Discovery : The Exploratorium
วันนี้ ถึง 15 มกราคม 2561
RECOMMENDED CONTENT
การร่วมมือกันระหว่างศิลปิน 2 Generation ที่มามอบความสุขท้ายปีให้แฟนเพลงแบบสวยงาม เมื่อ “LYRA” เกิร์ลกรุ๊ป T-POP กระแสร้อน