ปวดแข้ง ปวดขากันไป จะอะไรซะอีกล่ะ ก็เพิ่งจะแดนซ์ไม่หยุด (เพื่อน)ฉุดไม่อยู่ จากงานเฟสติวัลมาตั้ง 2 วัน 2 คืน น่ะสิ จะให้พวกเราชาวดู๊ดดอทอดใจยังไงไหว ก็ Chang Carnival Present The Green World เค้าเล่นใหญ่จัดเต็ม ไม่ใช่แค่ Music Festival ธรรมดานะ แต่เป็น ‘LifeStyle Festival Music Art Dance’ เห้ย! แค่ดูชื่อก็รู้แล้วว่ามันครบที่สุดเท่าที่งานเฟสติวัลจะมีได้เลยล่ะ แน่นอนว่าเรื่องของ Music มันถูกใจคอเพลงแนว EDM อยู่แล้ว เพราะนานทีปีหนที่ดีเจระดับโลกกว่า 40 ชีวิตจะมารวมตัวกันอยู่ในงานเดียว ไหนจะศิลปินไทยและดีเจรุ่นใหม่อีกเพียบ ที่มาร่วมสร้างความมันส์กันบน 4 เวทีใหญ่ ที่ออกแบบเฉพาะมาเพื่อ 4 แนวดนตรีแตกต่าง แต่โดดเด่นลงตัวภายใต้ธีม ‘Safari Campfire’ เหมือนกับทุกคนพร้อมใจกัน เดินทางมาจัดปาร์ตี้แคมป์ไฟกลางป่าโดยเฉพาะ
จะไม่ให้เรารู้สึกอินขนาดนั้นได้ไง เพราะตั้งแต่ก้าวแรกที่เราเดินทางไปถึง ดิ โอเชี่ยน เขาใหญ่ เราก็แทบอยากจะลืมกรุงเทพฯไปเลย นอกจากอากาศจะดีสุดๆแล้ว มองไปทางไหนก็ร่มรื่น สดชื่น เพราะที่แห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาและทิวสน เราไม่ลืมสูดอากาศเข้าเต็มปอดแบบเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินตามเสียงดนตรีตื๊ดๆไปแบบไม่รู้ตัว
เราเดินเข้ามาถึงหน้างานตั้งแต่ยังไม่มืดมากนัก ภาพตรงหน้าที่เราเห็น สิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นสุดๆ คือผู้คนที่พร้อมใจกันแต่งตัวมาท้าลมหนาวในงานนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มๆ สายลุยเหมือนแบกเป้มาตั้งแคมป์เอง สาวๆสายฮิปปี้สุดชิค สายแดนซ์สุดเซ็กซี่ หรือแก๊งค์เพื่อนสายคอสเพลย์ที่แต่งเต็มเป็นฝูงสัตว์ป่ามาออกล่าเหยื่อ นี่แค่เดินดูผู้คนยังสนุกขนาดนี้ แล้วถ้าพูดถึงแสง สี เสียง สุดครีเอทีฟ ที่ Chang Carnival เค้าขนมาไว้กลางป่าอีกล่ะ บอกเลยว่ายิ่งดึกยิ่งสวย ยิ่งมืดยิ่งมันส์ แถมกิจกรรมโคตรเยอะ จะจัดใหญ่จัดเต็มแค่ไหน ตามมาดูกันเลย
ขึ้นชื่อว่า LifeStyle Festival นอกจากเรื่องของดนตรีแล้ว Activity สุดอาร์ตก็ต้องมาเต็มไม่แพ้กันด้วย งั้นเรามาเริ่มด้วยการบิ้วท์อารมณ์ ปลดปล่อยจินตนาการท่ามกลางเสียงดนตรีกับกิจกรรมแรกกันก่อนเลย
Make Up & Tattoo ถ้าแต่งตัวจัดเต็มมาแล้ว ถ้าจะให้อินสุดๆก็ต้องมาเพ้นท์หน้า เพ้นท์ตัวให้เข้ากับบรรยากาศและธีมงานด้วย คราวนี้แหละถึงเวลาต้องออกไปแดนซ์กระจายรอบกองไฟเมื่อไหร่ ก็สวมวิญญาณนักล่าออกสนุกสุดเหวี่ยงได้เลย
Paint Bar ถ้ามีเวลาอีกหน่อย นี่เป็นอีกกิจกรรม Workshop ของสายอาร์ตโดยแท้ ด้วยการเพ้นท์กระเป๋าผ้า ตามจินตนาการ บอกเลยว่ามันเพลินจนรู้ตัวอีกทีก็ได้กระเป๋าผ้าสุดชิคใบเดียวในโลก ติดไม้ติดมือกลับบ้านซะแล้ว
พักจากกิจกรรม Workshop สักแปป ลองเปลี่ยนบรรยากาศแวะมาดูเวทีใกล้ๆกันบ้าง E-San Smile Stage เป็นหนึ่งใน 4 เวทีใหญ่ที่พลาดไม่ได้เลย เพราะเวทีนี้นอกจากดนตรีแล้ว เค้ายังมีคอนเซปต์การตกแต่งสีสันที่เป็น Black Light ให้เราได้สนุกไปกับการถ่ายรูป ม่วนหลายไปกับการผสมผสานดนตรี ที่คงเอกลักษณ์ความเป็นไทย จากทีมงานสุดฮิปปี้ ‘อีสานเขียว’ และยังมีร้านค้าให้ช้อปเพลินไปกับเสื้อผ้า เครื่องประดับสไตล์ฮิปปี้ ชนเผ่า ที่ดูไม่ใช่ความอีสานจ๋า แต่มีความเป็นไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจน
บนพื้นที่กว้างขวางที่เรากวาดสายตามองรอบๆ มันไม่ได้ไกลกว่าคิดนะ อาจเป็นเพราะความหลากหลายของกิจกรรมที่แทรกอยู่ระหว่างแต่ละเวที มันทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับความแปลกใหม่อยู่ตลอด เผลอแปปเดียวเราก็เดินวนออกมาเจอกิจกรรมสนุกๆอีกแล้ว
Dream Catcher กิจกรรม workshop ฝึกทำห่วงดักฝัน(ร้าย) แน่นอนว่าของแบบนี้ต้องมาคู่กับสายฮิปปี้ตัวจริงอยู่แล้ว ตรงนี้ต้องใช้เวลามากสักหน่อยในการประดิษฐ์ห่วงให้ออกมาสวยเก๋ในสไตล์เรา แต่มันดีตรงที่ เค้ามีสตาฟคอยไกด์เราตลอด ติดตรงไหน อยากเพิ่มอะไร ก็ทำได้ไม่ยากกว่าที่คิด
S’mores Bar อากาศหนาวๆกลางป่าเขาแบบนี้ ยืนปิ้งมาร์ชเมลโลรอบกองไฟ เป็นอะไรที่ฟินสุด ชิลสุด ถือว่าเป็นอีกกิจกรรมที่แปลกใหม่ กลางงานเฟสติวัลเลยนะ ใครเห็นเป็นต้องแวะเข้ามา จะถ่ายรูปก็เก๋ ยืนปิ้งก็สนุก เพลินๆ แถมอร่อยหนึบหนับด้วยนะ
นอกจากโซนกิจกรรมที่เปิดให้เราได้วนเวียนไปทำได้ตลอดทั้งคืนแล้ว อีกโซนที่มีไม่อั้น ขาดไม่ได้ เรียกว่าทุกงานจะต้องมี คือโซนอาหารและเครื่องดื่ม แต่ความพิเศษของที่นี่ คือนอกจากเค้าจะขนเอาร้านอาหารอร่อยที่คัดมาแล้วว่าเด็ดแน่นอนกว่า 20 ร้านค้า หลากหลายเมนูให้เลือกแบบไม่ต้องกลัวอดตลอด 2 วัน จะกินกี่มื้อก็ไม่มีซ้ำ ยังมีเครื่องดื่ม Chang ที่คอยเติมเต็มประสบการณ์แปลกใหม่ พร้อมให้คุณสนุกและอร่อยไปกับเมนูอาหารจานโปรด แถม Chang ยังมอบประสบการณ์ดีๆ ให้คุณได้พักเหนื่อยจากทุกกิจกรรม แล้วเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งดื่มชิลๆ บนพื้นที่บาร์แบบวีไอพีสุดๆที่ House Of Chang อีกด้วย
ต่อจากเบียร์สดพร้อมเสิร์ฟกลางลานคอนเสิร์ตแล้ว ยึ่งดึกมากเท่าไหร่ ความคึกเราก็ยิ่งมากเท่านั้น จะรออะไรล่ะ ถึงเวลาที่เราต้องไปแดนซ์กระจายกับอีก 3 เวทีที่เหลือให้คุณเลือกเอ็นจอยได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณเลย
Forest Live Stage เวทีนี้ต้องขอวอร์มกันเบาๆในจังหวะดนตรีสุดชิค ของเหล่าศิลปินไทย กับเพลงช้าสลับเร็ว จะเต้นจะโยกจะชิล ก็อยู่ยาวๆกันได้ทั้งคืน แต่ในระหว่างที่เรากำลังเต้นเบาๆกันอยู่นั้น ก็มีเหล่าบรรดาสัตว์ป่าที่ยกกันมาเป็นขบวนพาเหรด มาร่วมเต้นสร้างสีสันกับพวกเราด้วย
เคลื่อนตัวกันมาต่ออีกหนึ่งเวทีที่จะทำให้เราลืมภาพเต้นรอบกองไฟ สมัยที่เราเข้าค่ายตอนเด็กๆไปได้เลย เพราะกองไฟจากเวที Bonfire Stage นี้ มัน Hot สุด อะไรสุด จะไม่ให้ว้าวได้ยังไง เพราะเวทีนี้เค้าได้รับการออกแบบจากทีมงานที่ผ่านการออกแบบเวทีใหญ่ๆระดับประเทศมามากมาย และเรามาดูกันว่าคอนเซ็ปต์ของเวทีนี้คืออะไร ผ่านการพูดคุยกับคุณกบ พงษ์ภาสกร ผู้นำทีม กบว. Kor.Bor.Vor:The Labour Party Of Visual Creation
“ตามคอนเซ็ปต์ของ Safari Campfire มันทำให้เรานึกถึงการมาตั้งแคมป์ไฟกับเพื่อนๆ เราเลยคิดว่าจะทำยังไงให้ไอเดียนี้มันมาผสมกับความร่วมสมัยของเด็กยุคใหม่ การดีไซน์ในส่วนของเวที Bonfire Stage จึงออกมาเป็นลักษณะเหมือนกองไฟ มีควันที่ลอยพุ่งออกมาจากยอดเปลวไฟ มีโชว์พ่นไฟ ไปพร้อมๆกับการเปิดเพลงของศิลปินไทยรุ่นใหม่ ที่แนวเพลงจะมีความ Trap ความ EDM ผสมกัน ใกล้ๆกันเราได้ออกแบบ Safari Tower ที่เป็นหอคอยมาด้วย ซึ่งตรงนี้ได้แนวคิดมาจากการสร้างหอคอยไว้ส่องสัตว์ในป่า แต่พอมาอยู่ในปาร์ตี้แบบนี้แล้ว ก็ต้องเปลี่ยนมาส่องสาวๆแทนครับ”
แรงยังดีไม่มีตก เราต้องมาปิดท้ายกันด้วย The Green World Stage เวทีหลักของงานนี้ ไฮไลท์สำคัญที่เหล่าแฟนเพลง EDM รอคอย เพราะตลอด 2 วัน กับความมันส์ที่ดีเจระดับโลกกว่า 40 ชีวิตขนมาเสิร์ฟกันในงานนี้ ทำเราหยุดเต้นไม่ได้เลย เรียกว่าแดนซ์กันไม่ลืมหูลืมตา โดดกันยับไม่มีช่วงให้พักกันเลยทีเดียว บอกเลยว่าตลอด 2 วัน 2 คืน ที่กิจกรรมแน่นขนาดนี้ ใครที่มาช้า มาดึก คงเก็บกิจกรรมเจ๋งๆนี้ไปไม่หมดแน่ๆ แต่ยังไงเราก็เชื่อว่าแค่ได้มาเห็นบรรยากาศ ได้มาสนุกกับกลุ่มเพื่อนแล้วเต้นไปกับ Electronic Music จากดีเจระดับโลก ก็คุ้มแล้ว
เอาล่ะ! ถ้าคุณเสียดาย งานนี้คุณอาจพลาด แต่งานหน้ายังมี เพราะแค้มปิ้งครั้งต่อไป จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้จัดไปแล้วที่ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ (ปลายปี 2018) จนมาถึงเขาใหญ่ และปิดท้ายด้วยพัทยา ในวันที่ 1-2 มีนาคมนี้ ที่โอเชี่ยนมาริน่า ยอร์ช คลับ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดำดิ่งลงใต้สมุทร สนุก ผจญภัยไปด้วยกันในดินแดนสุดท้ายกับ Chang Carnival Presents The Green World “Fantasy Ocean” รับรองได้เลยว่า ปิดท้ายครั้งนี้ที่พัทยา คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน
#CHANGCARNIVAL #THEGREENWORLD
RECOMMENDED CONTENT
เป็นนักแสดงหนุ่มหล่อเซอร์ทั้งคู่สำหรับ ณัฏฐ์ กิจจริต และ “ทู” สิราษฎร์ 2 หนุ่มนักแสดงคาแรคเตอร์เท่ห์ ในภาพยนตร์เรื่อง “4KINGS” ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของทั้งคู่ หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาก่อนในภาพยนตร์เรื่อง “APP WAR แอปชนแอป” ในฐานะเพื่อนสนิท