ต้องยกให้เป็นหนึ่งในไลฟ์ที่ดีที่สุดของปีนี้เลยทีเดียว กับ Johnnie Walker presents Anderson .Paak & The Free Nationals กับส่วนผสมสุดลงตัวของศิลปินฮิปฮอปตัวเป้งและตัวเจ๋งของวงการ กับกลุ่มนักดนตรีฝีมือแซ่บแสบทรวง ที่เดินทางมาแสดงสดให้ชนชาวไทยได้ดูเป็นขวัญหูขวัญตา จนถึงขั้นที่ว่า ทั่วทั้งไทม์ไลน์เฟสบุ๊ก ทุกคนต่างสรรเสริญเยินยอ พร้อมคำชมจำนวนมหาศาล จนเราอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าทั้ง Anderson .Paak และ The Free Nationals อ่านภาษาไทยออก คงยิ้มแก้มปริกลับบ้านแน่นอน
ซึ่งแม้ว่าคืนวันไลฟ์นั้น จะเป็นคืนวันเดียวกันของรอบชิงชนะเลิศ Final Rhyme ของรายการ The Rapper แต่แฟนๆ สายแร็ปทั้งหลาย ก็พร้อมใจกันมาร่วมชมโชว์โดยนัดหมายอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และโชว์นี้ยังถือเป็นโชว์เปิดการทัวร์เอเชียของทั้งเขาและวง ก่อนเดินทางไปแสดงกันต่อที่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และที่ฟูจิร็อคเฟสติวัล ประเทศญี่ปุ่น
สถานที่ไลฟ์ในครั้งนี้ยังคงเป็นสถานที่ที่ทุกคนคุ้นเคยกัน อย่าง Voice Space เริ่มต้นกันด้วยไลน์อัพอุ่นเครื่อง อย่าง DJYP ดีเจหน้าคุ้นเจ้าประจำจาก Trasher ที่มักมาพร้อมเพลย์ลิสต์แสนเก๋เสมอในทุกวาระและโอกาส ตามมาด้วย SOYBAD วงฮิปฮปโอลสคูลที่วงการฮิปฮอปรู้จักในความตำนานของพวกเขาเป็นอย่างดี และปิดท้ายด้วย JUU อีกหนึ่งวงแร็ปเปอร์ที่เราคาดไม่ถึงว่า Have You Heard? จะเลือกมาเล่น ซึ่งลีลาท่าทีการแสดงบนเวทีของพวกเขานั้น ถือว่าจัดจ้าน กวนทีน และเรียลสุดๆ จนน้ำย่อยปั่นป่วน พร้อมแล้วสำหรับโชว์ที่ทุกคนรอคอย…
สี่ทุ่มครึ่ง Anderson .Paak & The Free Nationals ก็พร้อมแล้วสำหรับสุดยอดโชว์ที่ถูกบิ้วแบบปากต่อปาก จนทุกคนต้องมาพิสูจน์กันให้ได้ในคืนนี้
แบรนดอนและวงประเดิมความมันด้วยเพลง Come Down จากนั้นมวลคนทั้งฮอลล์ก็เข้าสู่ความคึกคักในบัดดล ตามมาติดๆ ด้วยโมเม้นต์น่ารักที่เขาชวนคนดูเปิดแฟลชมือถือชูมือให้สุด จากนั้นก็ปล่อยใจโยกย้ายส่ายเองไปกับเพลงกรูฟดีงาม ทั้ง The Waters / Glowed Up รวมไปถึงเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง Bubblin ก่อนจัดความเดือนด้วยการสาดกลองชุดแบบที่เล่นเอาพวกเราตาโต ร้องอู้หู อ้าหา ไปกับความสามารถเกินคนของพี่แบรนดอนเขาจริงๆ
ตัดพีคไปที่เพลงน่ารักใสๆ อย่าง The Season / Carry Me และ Put Me Thru ให้เหล่าเราได้โยกย้ายส่ายเอวกันต่ออย่างถ้วนทั่วถ้วนหน้ากันทั้งฮอลล์
ตามมาด้วยอีกหลายเพลงที่เราเองก็จำไม่ค่อยได้ เพราะเริ่มกรึ่มๆ และฟินติดลมบนไปพอสมควร (ฮา) แต่ที่จำได้ดีก็คือ ทันทีที่ ‘Til It’s Over เพลงคุ้นหูประกอบโฆษณา Apple Homepod ขึ้นท่อนแรก เราก็ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ ขอสวมวิญญาณ FKA twigs เต้นแบบในโฆษณาเสียหน่อย (ฮา)
อีกหนึ่งอย่างที่ติดตาเรามาก คือพลังของแบรนดอน ที่ในหลายๆ เพลง เขาเลือกที่จะใส่ไม่ยั้ง มอบความสุขไม่อั้น แถมยังแจกจ่ายความสุขถ้วนทั่ว ทั้งร้อง ทั้งเต้น รวมไปถึงตีกลอง ที่สุดจนไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว สุดยอด!!!
ความสนุกก็ต้องมีวันเลิกราเป็นปกติ แต่แน่นอนว่า เมื่อไลฟ์จบ ก็ต้องมีการอังกอร์ และแบรนดอนกับวงก็กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง พร้อมหยอดคำหวานเอาใจแม่ยก ให้คำมั่นสายัณห์สัญญา ว่าจะกลับมาโชว์ที่เมืองไทยอีกครั้งแน่นอน! พร้อมด้วยตบจบที่สองเพลงสุดท้าย The Bird และ The Dreamer ที่ทำเอาฟินขาระบบกันถ้วนทั่วทั้งฮอลล์
สิ่งที่น่าสนใจและทำให้เราคิดได้จากสุดยอดไลฟ์แห่งปีนี้ก็คือ ในยุคที่วงการเพลงของโลกนี้ดูเหมือนว่าจะแผ่วเบาลงไป เราก็ยังพบว่า ในปีนี้วงการไลฟ์คอนเสิร์ตจากวงเมืองนอกดีๆ ที่หลากหลายผู้จัดนำเข้ามาให้เราได้ชมกันชนิดอาทิตย์ต่ออาทิตย์นั้น ก็ทำให้เราเห็นที่ทางในการสนับสนุนศิลปินที่ชื่นชอบได้อย่างค่อนข้างรูปธรรม
ซึ่งนั่นก็คือการสนับสนุนบัตรคอนเสิร์ต ยิ่งโดยเฉพาะกับศิลปินคุณภาพดีงามอย่าง Anderson .Paak และ The Free National พวกเขาได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า คำชมที่ผู้คนทั่วโลกบอกกล่าวว่าควรดูโชว์ของพวกเขาสักครั้งในชีวิตก่อนตายนั้นเป็นความจริง ที่แม้ว่าบัตรคอนเสิร์ตในครั้งนี้จะไม่ Sold Out (ซึ่งเราเข้าใจได้เลย ว่าพวกเขาใหม่มากกับผู้ฟังบ้านเรา) แต่ความเต็มที่ของศิลปินนี่แหละ ที่ทำให้พวกเราไม่ได้คำนึงถึงราคาค่าบัตรเลยสักนิด
เพราะมันช่างคุ้มค่ากับประสบการณ์ไลฟ์ที่ดีที่สุดแห่งปีนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง!
—————
ขอบคุณภาพถ่ายสุดทรงพลังจาก
HAVE YOU HEARD? x Krirakrit
RECOMMENDED CONTENT
เมื่อสองศิลปินคุณภาพชื่อดังของสิงคโปร์ Gentle Bones และ Charlie Lim ได้มีโอกาสมาร่วมงานเพลงด้วยกันครั้งแรก