หากคุณคิดว่าการเขียน Resume นั้นเป็นเพียงการบอกประวัติการเรียนหรือการทำงานของคุณเท่านั้น บอกได้เลยว่าโอกาสที่ Resume คุณจะถูกอ่านอย่างครบถ้วนคงน้อยนิด การเขียน Resume ที่ดีต้องใช้เวลาและความคิดสร้างสรรค์ เพราะจริงๆแล้วการเขียน Resume คือการ Advertise (โฆษณา) ตัวเราอย่างหนึ่ง หรือจะพูดอีกอย่างได้ว่า Resume มีไว้เพื่อขายตัวเรากับ Recruiter หรือ Employer
จากงานวิจัยพบว่า Recruiter มืออาชีพต้องอ่าน Resume หลายร้อยฉบับต่อตำแหน่งงาน 1 ตำแหน่ง ดังนั้นโดยเฉลี่ย เค้าอ่านแค่ 6 วินาทีเท่านั้นก่อนจะตัดสินใจ โยนทิ้ง หรือ อ่านต่อ ดังนั้น Resume ที่ดีจะต้องทำให้ตัวเราดูน่าสนใจพอที่เค้าจะอยากเจอเราตัวเป็นๆซึ่งก็คือการเรียกสัมภาษณ์ วันนี้ดู๊ดดอทร่วมกับ CareerVisa เลยมีเทคนิคการสร้าง Resume ที่ดีมาฝากกัน
• Simple and Clean (เรียบง่ายและสะอาด)
อันดับแรกเมื่อมองไปที่ Resume ของคุณมันจะต้องแลดูอ่านง่ายและสะอาดตา ดังนั้นต้องแน่ใจว่า Resume ของคุณมีพื้นที่ว่างสีขาวมากพอ ไม่ใช่อัดแน่นไปด้วยตัวหนังสือ นอกจากนั้น Resume ของคุณควรจะมีรูปแบบ (Format) ที่สม่ำเสมอ เช่น หากชื่อองค์กรหรือสถาบันการศึกษาเป็นตัวอักษรหนา ไม่เอียง ก็ต้องเป็นรูปแบบนั้นทุกอัน ในขณะที่ชื่อตำแหน่งเป็นตัวอักษรเอียง ไม่หนา ก็ต้องเป็นรูปแบบนั้นทุกตำแหน่ง
• Concise and Precise (กระชับและแม่นยำ)
Resume ของคุณจะต้องเขียนให้ได้ใจความภายในประโยคสั้นๆ ในแต่ละหัวข้อสามารถเขียนคำอธิบายเป็น 2-3 Bullet Points โดยแต่ละ Bullet Point ประกอบไปด้วย Action และ Result หลายคนอาจเคยได้ยินหลักการ STAR ซึ่งย่อมากจาก Situation, Task, Action และ Result ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการเขียน Resume ได้เป็นอย่างดี โดยแต่ในแต่ละ Bullet ให้ขึ้นต้นด้วย Action Verbs ในรูปแบบ Past Tense เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดมาแล้วในอดีต เช่น Led, Managed, Coordinated เป็นต้น แล้วตามด้วย Situation เช่น คำอธิบายโครงการหรืองานที่เราทำ เป็นการเขียนขยาย Action และจบด้วย Result ซึ่งหากสามารถเขียน Result เป็นตัวเลขได้จะดีมาก เช่น ยอดขายเป็นจำนวนเงิน ยอดเงินสนับสนุนเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ หรือ จำนวนคนที่สามารถช่วยเหลือได้ เป็นต้น ยกตัวอย่างประโยค เช่น Managed a team of 10 students to organize a college performance with objective to raise awareness to conserve environment; attracted over 200 participants (Managed = action verb; with objective to raise awareness to conserve environment = situation and task; attracted over 200 participants = result)
• Chronological Order and by Level of Importance (เรียงลำดับตามกาลเวลาและความสำคัญ)
สิ่งที่สำคัญสุดต้องอยู่บนกว่า โดยเรียงสิ่งที่อยู่ใกล้ปัจจุบันและสำคัญที่สุดก่อน แล้วค่อยตามด้วยสิ่งที่อยู่ในอดีตหรือ สำคัญน้อยกว่า แต่หากมีสิ่งที่อยากนำเสนอมากกว่า อาจจะต้องสร้าง Section พิเศษขึ้นมาเลย เช่น อยากเขียนเรื่องการฝึกงานที่ต่างประเทศ แต่ทำไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในขณะที่ได้ฝึกงานในประเทศไปเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ถ้าเอา 2 อย่างไปรวมกันใน Experience อันที่อยู่ไทยก็จะขึ้นก่อน จึงอาจจะต้องสร้าง Section International Experience ขึ้นมาใหม่ และวางไว้ก่อน Experience เพื่อให้เด่นกว่าการฝึกงานในประเทศ
• Customised (ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของงาน)
งานแต่ละงานที่คุณสมัครอาจต้องการคุณสมบัติของผู้สมัครที่แตกต่างกันไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องปรับเปลี่ยน Resume ให้สอดคล้องกับความต้องการของงานนั้นๆ โดยจะต้องให้เนื้อที่กับประสบการณ์ (Experience) ความสำเร็จ (Achievements) หรือกิจกรรม (Extracurricular Activities) ที่เกี่ยวเนื่องหรือเป็นประโยชน์ต่องานที่สมัครมากกว่า Resume สำหรับบางงานอาจต้องเน้นประสบการณ์ด้านหนึ่ง ในขณะที่ Resume สำหรับอีกงานต้องเน้นประสบการณ์อีกด้านหนึ่ง ในที่สุดแล้วคุณควรเลือกสิ่งที่จะนำเสนอให้คนอ่านแต่ละคนแตกต่างกันไปตามความต้องการของงาน
• Don’t make it too long (อย่าเขียนยาวเกิน)
โดยส่วนใหญ่แล้ว Resume ควรมีความยาวไม่เกิน 1 หน้า โดยเฉพาะสำหรับนักศึกษาจบใหม่ เพราะหากรวมเอาประสบการณ์ทุกอย่างมาใส่โดยไม่มีการคัดสรรประสบการณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อตำแหน่งงานที่สมัคร Resume ที่ออกมานั้นจะมีความยาวเกินความจำเป็นและทำให้ผู้อ่านรู้สึกเบื่อ นอกจากนั้นคุณไม่จำเป็นต้องอธิบายทุกอย่างโดยละเอียด ควรเหลือเป็นคำถามไว้ให้ผู้อ่าน ซึ่งจะยิ่งทำให้ผู้อ่านอยากเรียกคุณมาสัมภาษณ์เพื่อสอบถามเพิ่มเติม การเขียน Resume ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของความยาว หากคุณมั่นใจว่า Resume ของคุณจะไม่ทำให้ผู้อ่านเบื่อซะก่อนคุณจะเขียนยาวเท่าไหร่ก็ได้ และเมื่อมีประสบการณ์เยอะแล้ว Resume จะยาวมากกว่า 1-2 หน้าก็เป็นได้ แต่คุณต้องมั่นใจว่าเนื้อหาบน Resume ของคุณน่าสนใจพอที่จะทำให้ผู้อ่านสนใจอ่านจนจบและรู้สึกต้องเรียกคุณมาสัมภาษณ์
สุดท้ายนี้อยากฝากไว้ว่า Resume ที่ดีควรสะท้อนตัวตนของเราในด้านที่อยากให้คนอ่านรู้จักซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ Recruiter หรือ Employer การสร้าง Resume ที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่ต้องผ่านกระบวนการคิด การไตร่ตรอง รวมไปถึงการหมั่นแก้ไข พัฒนา และปรับปรุง Resume ของคุณอยู่เรื่อยๆ โดยคุณเองก็สามารถสร้าง Resume ให้น่าสนใจและโดดเด่นจากคนอื่นๆจนนำไปสู่การเรียกสัมภาษณ์ได้เช่นกัน ขอให้ทุกคนโชคดีกับการสร้าง Resume ที่จะนำคุณไปสู่อาชีพที่คุณใฝ่ฝันค่ะ
หากใครสนใจอยากได้คำปรึกษาเกี่ยวการเขียน Resume เพิ่มเติมสามารถส่งอีเมล์มาทาง Career Visa ได้ที่ info@careervisathailand.com
Images by: designbolts, Today
RECOMMENDED CONTENT
การ์มิน เปิดตัวแคมเปญ “FROM ZERO TO HERO” ปลุกสปิริตให้คนไทยในช่วงเวลาที่หมดไฟ ให้สามารถเดินหน้าพิชิตเป้าหมายก่อนปิดปี 64