“ไม่ว่าผมจะรักการได้เล่นหนังพวกนั้นมากแค่ไหน… ไม่มีใครดูมันหรอก”
– โรเบิร์ต แพตทินสัน (Robert Pattinson)
คนทั่วโลกอาจจดจำ โรเบิร์ต แพตทินสัน (Robert Pattinson) ได้จาก ‘Twilight’ หนังแวมไพร์ไตรภาคสุดฮิตช่วงปี 2008 – 2012 Harry Potter กับถ้วยอัคนี หรือไม่ก็หนังรัก Remember Me แต่ที่เปลี่ยนชีวิตจริงๆ ก็น่าจะนับจากวันที่ไปแคสเรื่อง Twilight ครั้งแรกตอนอายุ 21 ที่ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงวัยรุ่นชายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าโรเบิร์ต แพตทินสัน คนนี้ เล่นหนังเรื่องอื่นๆ อีกมั้ย เอ่อ… แล้วเรื่องอะไรบ้างล่ะ? ก็อาจจะต้องนึกนานมากก หรือไม่ก็ต้องกลับไปเสิร์ชกูเกิลสักหน่อย
ใครบางคนเคยตั้งข้อสังเกตว่านักแสดงที่โด่งดังมาจากซีรีส์ หรือหนังแฟรนไชส์ภาคต่อ (โดยเฉพาะที่ Coming-of-age มาพร้อมกับหนัง) มักจะไปไม่ค่อยรอดกับการแสดงในบทอื่นๆ ที่ฉีกจากบทที่ตัวเองเล่นมาตลอดหลายต่อหลายปี
“เพราะคุณแม่งถูกทำให้เป็นภาพจำไปแล้วอย่างรวดเร็วว่าต้องเป็นแบบนั้นไง” แพตทินสันเคยกล่าวไว้
การแสดงยุค Post-twilight ของนักแสดงหนุ่มจึงเริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น เขาเลือกที่จะหลบหนีชื่อเสียงที่กำลังโถมเข้ามา กับชีวิตส่วนตัวที่ค่อยๆ เหลือน้อยลงเรื่อยๆ สู่การท้าทายศักยภาพทางการแสดงของตัวเอง เพื่อจะหลุดออกจากคำปรามาสทั้งหลาย
เขาเป็นทั้งพ่ออายุน้อยผู้มีปัญหาชีวิตใน Life (2015) เป็นเด็กหนุ่มผอมกะหร่อง พูดน้อย แต่ยิงไม่เลี้ยงใน The Rover (2014) เป็นคนทะเยอทะยานที่ยอมทำอะไรก็ได้ใน Maps to the Stars (2014) เป็นหนุ่มคลั่งจิตหลุดใน The Light House (2019) แต่จะมีสักกี่คนที่จำได้ว่าเขาเคยแสดงหนังพวกนี้ ขนาดเราดูยังเองต้องถามตัวเองว่า ‘เห้ยย นี่มันใช่โรเบิร์ต แพตทินสันจริงเหรอ (วะ)?’ เพราะหลายบทบาทท่ีเขาแสดง มันแทบไม่เหลือร่องรอยความเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนเดิมคนนั้นด้วยซ้ำ เขากลายเป็นตัวละครที่เดือดดาล พร้อมจะระเบิดความบ้าคลั่งได้ทุกเมื่อ
หนังพวกนั้นล้วนแต่เป็นหนังอาร์ตเฮาส์ที่โชว์ขีดความสามารถทางการแสดงของเขาว่า ‘มีของ’ มากกว่าการเป็นพระเอกหนังรักวัยรุ่นอย่างที่คนมักจะจดจำ “ผมโตมากับหนังคลาสสิก ดูเยอะมากตอนเป็นวัยรุ่น อยากทำงานกับคนเหล่านั้นมาก เอาจริงๆ ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทำได้”
หลังจากหายไปจากกระแสหลักเกือบ 10 ปี เคี่ยวตัวเองในบทบาทหลากหลายในหนังอาร์ตอยู่นาน วันนี้เขากลับมากับหนังของคริสโตเฟอร์ โนเเลน (Christopher Nolan) เรื่อง Tenet และหนังรีเมคฟอร์มใหญ่ (จริงๆ ต้องพูดว่ารีเมคแล้วรีเมคอีก) อย่าง The Batman ซึ่งถือว่าเป็นการกลับมาสู่วงโคจรหนังเมนสตรีมอีกครั้งของนักแสดงหนุ่ม เหตุผลของการกลับมา ไม่ใช่เพราะว่าคิดถึงหนังใหญ่ ไม่ใช่ว่าอยากกลับมาเป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของฮอลลีวู้ดอีกรอบ แต่เพื่อความอยู่รอด!
“ปีที่แล้วของผมเริ่มต้นโดยที่ไม่มีงานเลย ทั้งที่หนังของผมมันก็ได้รีวิวดีเยี่ยมเลยนะ ตอนแรกผมคิดว่ามันน่าจะเป็นปีที่ดีสิ แต่นี่แบบ…เชี่ยไรวะ?! แม่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขยะ” นักแสดงหนุ่มให้สัมภาษณ์อย่างดุเดือดกับ GQ เมื่อไม่นานมานี้
ที่ตลกก็คือเอเจนซี่ของเขาบอกว่า สตูดิโอใหญ่ๆ ไม่กล้าชวนเขามาร่วมงานด้วย เพราะคิดว่าเขาไม่รับเล่นหนังตลาดอะไรพรรค์นี้แล้ว
“มันเเค่เพราะว่าบางทีคนเราก็ต้องมีอะไรมั่นคงบ้าง สิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบตลอดการทำงานหลายปีที่ผ่านมาคือ ไม่ว่าผมจะรักการได้เล่นหนังพวกนั้นมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครดูมันหรอก ซึ่งมันน่ากลัวนะ เพราะผมไม่รู้ว่าอะไรคือความงอกเงยของอาชีพนี้กันแน่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีสักกี่คนในอุตสาหกรรมนี้ที่อยากจะซับพอร์ตใคร โดยไม่มีเรื่องผลกำไรเข้ามาเกี่ยว” แพตทินสันในวัยที่เข้าสู่ 34 กล่าว
การกลับมาแบกรับบทตัวละครไอคอนิกอย่าง บรูซ เวย์น (Bruce Wayne) หรือ Batman ที่แค่ตัวหนังในแต่ละเวอร์ชันก็มีคาดหวังสูงแล้ว ไหนจะความคาดหวังจาการแสดงของคนที่เคยรับบทนี้ที่ผ่านมา เช่น จอร์จ คลูนีย์, คริสเตียน เบล จนถึงล่าสุด เบน อาฟเฟล็ก ยังไม่นับการมีนักโภชนาการกับเทรนเนอร์ส่วนตัวคอยประกบ แพตทินสันต้องทำงานหนักไม่น้อยเลย เพื่อให้ได้มาตรฐาน Batman
เมื่อสื่อถามว่าเอาจริงๆ ทำไมเขาถึงรับเล่นบทนี้ ทั้งที่ทุกคนเข้าใจเขากลายเป็นนักแสดงสายลึกที่เล่นหนังเฉพาะทางไปแล้ว แพตทินสันบอกว่า เพราะเขาคิดว่าในคาร์แร็กเตอร์หนึ่ง ที่คิดว่าถูกแสดงมาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว มันก็น่าจะยังมีช่องว่างบางอย่างที่สามารถไปได้อีกตั้งหลายแบบ “ผมถามตัวเองว่า มีอะไรในตัวผมบ้างมั้ยที่พอจะเป็นไปได้ ถ้าผมจะลองดูสักตั้ง แล้วไอ้ความรู้สึกนี้แหละ มันทำให้ผมมีพลัง”
ตัวอย่างหนัง Batman ปล่อยออกมาแล้วบางส่วน และมีแผนว่าจะเข้าฉายฤดูร้อนปีหน้า แต่ดูเหมือนว่าอาจจะต้องเลื่อนออกไปอีกจนถึงเดือนตุลาคม เนื่องจากสถาการณ์โควิด พนันได้เลยว่าต่อให้เขาเล่นเป็น Batman มันก็จะเป็น Batman ที่ไม่เหมือนมนุษย์ค้างคาวตัวไหนที่เคยมีมาก่อน
เพราะเขาคือโรเบิร์ต แพตทินสัน ผู้เป็นอะไรได้มากมายเหลือเกิน
RECOMMENDED CONTENT
Netflix ประกาศสร้าง Kingdom: Ashin of the North ภาคแยกของซีรีส์ซอมบี้ที่ทั้งโลกรอคอย พร้อมตัวละครใหม่สุดลึกลับ นำแสดงโดยจอนจีฮยอน และพัคบยองอึน