‘บู้’ ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์ มือเบสวง Slur บอกว่า คนซื้อรองเท้าและเสื้อผ้าของ ‘Rompboy’ ส่วนใหญ่เป็นแฟนประจำ ซื้อแล้วซื้ออีก เข้าใจในปรัชญาการทำผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนกันในแต่ละชิ้น แถมยังทำจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย และไม่ Reproduction (ทำซ้ำ) แบบเดิมอีก
“กลุ่มลูกค้าหลักยังอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งคนกลุ่มนี้ Support เราอยู่ เราเอากลุ่มนี้ให้แน่น และยังคงสไตล์นี้ มันคือเอกลักษณ์ของงานโฮมเมด นั่นเพราะถ้าคิดแต่จะขายให้มากเข้าไว้ ป่านนี้ผมคงทำรุ่นเดิมขายไปเรื่อยๆ รุ่นแรกนี้ลูกค้า Inbox มาถามตลอด
…แม้บางทีผมจะเสียดายเหมือนกันนะที่เราจุดมันติดแล้ว แต่ก็ต้องเคลื่อนไปข้างหน้า อย่างเช่น ตอนเราทำรองเท้าสีมัสตาร์ด แรกๆ คนไม่เข้าใจ แต่พอเรา Educate คนไปเรื่อยๆ พรีเซ้นต์ไปเรื่อยๆ คนก็เริ่มเห็นว่า “เออมันสวยดีวะ” แล้วก็หาใส่กัน จนมีคู่แข่งทำเลียนแบบ แต่เมื่อถึงเวลานั้นเราเสียเองที่ต้องเคลื่อนไปทำโปรเจ็กต์ใหม่ เพราะนี่คือแนวทางของเรา เคลื่อนไปข้างหน้า และทำในสิ่งที่คนเดาไม่ได้”
ดีที่สุดของ Rompboy
คุณอาจรู้จักกับ ‘บู้ Slur’ ในอีกมุมหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว แต่ถ้าวันนี้ลอง Google ค้นหาคำว่า ‘บู้ Rompboy’ เชื่อเถอะว่าคุณจะพบผลการค้นหาจำนวนมากซึ่งเกี่ยวกับธุรกิจแบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้าที่เขาปลุกปล้ำมันขึ้นมา
ในภาพที่สนุกสนาน เจ้าตัวบอกกับเราว่ามีทั้งช่วงที่ล้มลุก และช่วงที่เก็บเกี่ยวความสวยงามจากมัน อย่างไรก็ตามเขาก็เหมือนกับไอค่อนศิลปินหนุ่มที่ผันตัวมาทำแบรนด์แฟชั่นของตัวเองจนได้ดีไปคนหนึ่ง ซึ่งบู้ก็บอกว่า ความรู้สึกปัจจุบันนี้ คือความรู้สึกเหมือนเมื่อตอนเสื้อตัวแรก และรองเท้าคู่แรกขายได้ ทั้งหมดยังเป็นเช่นเดิม เพราะเขายังรู้สึกตื่นเต้นที่เห็นคนใส่ Rompboy เสมอ และทุกๆ ครั้งที่ออกโปรเจ็กต์ใหม่ เชื่อเถอะว่ามันผ่านการคิดแล้วคิดอีก พยายามเลือกสรรรายละเอียดให้ต่างจากคนอื่นมากที่สุด
“ถ้าผมคิดว่าพื้นรองเท้าอันนี้ยังไม่ดี ผมสั่งรื้อใหม่หมด สำหรับคนอื่นอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับผมเป็นเรื่องใหญ่มาก สั่งเปลี่ยนที คุยกับโรงงานที โดนไปแล้ว 5 แสน แต่ผมก็ต้องทำ เพราะเราอยากทำรองเท้าในแบบของเรา”
“ผมคิดว่า ถ้ามีสินค้ากำลังจะขายชิ้นหนึ่ง แล้วเราไม่กรี๊ด แสดงว่ามันยังไม่ดีพอนะ ถ้าดีพอเราจะอยากใส่มัน รักมัน ตื่นเต้นที่อยากจะให้ชาวบ้านเขาเห็นด้วย และความชอบนั้นมันจะช่วยสร้างพลังในการขาย เพราะเราอยากให้คนอื่นชอบเหมือนเราบ้าง”
เมนูที่คัดสรรมาแล้ว
“ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์คู่แข่งทำรองเท้าค่อนข้างเยอะ ผมดูเฟสบุ๊กที่ขึ้นสปอนเซอร์ ดูวิธีการบูสโพสต์ ดูวิธีการขาย นี่มันทิ่มกลุ่มเป้าหมายเราชัดๆ ลูกค้าแบรนด์รองเท้านี่มันเป็นลูกค้าเราเลยนี่หว่า มันเหมือนเราไปจั่วอะไรติดไว้สักอย่าง เลยมีคนอยากเอาบ้าง
เรื่องนี้ผมไม่กังวลนะ ใครอยากจะทำก็ทำไป แต่เรามั่นใจเลยว่าเราไม่แพ้ใคร เราพิถีพิถัน เลือกแล้วเลือกอีก นั่นเพราะส่วนตัวผมเป็นคนชอบรองเท้ามากๆ ซื้อสะสม ซื้อเยอะมาก (ลากเสียง) เมื่อถึงเวลาที่ผมต้องทำ ผมก็จะทำในสิ่งที่ผมคิดว่ามันเจ๋งพอที่คนจะอยากใส่ และชัดเจนว่านี่คือรองเท้าที่คนสะสมรองเท้าทำ ไม่ใช่คนที่อยากทำรองเท้าขาย”
“ถ้าผมคิดแต่จะขายของ ปีนี้ (2017) ก็คงไม่มีโปรเจ็กต์ใหม่ๆ อย่าง Rompboy Skin หรือตัว Rompboy Deck Shoes รวมถึงที่ไปร่วมงานกับแบรนด์อื่น ผมก็แค่ผลิตซ้ำแบบเดิมไปเรื่อยๆ แต่เราอยากก้าวไปเรื่อยๆ ไง เราคิดว่าความสนุกคือการที่ลูกค้าเดินไปพร้อมๆ เรา และคิดมาตลอดว่า Rompboy มันต้อง educated คนไปเรื่อยๆ ถ้าวันหนึ่งเราจมแบบเก่าๆ เราคงหมดไฟแล้ว”
สำหรับทิศทางของ Rompboy ต่อจากนี้เป็นอย่างไร บู้บอกว่า จะให้ความสำคัญกับความ Limited มากขึ้น และรองเท้าในแต่ละรุ่นถัดไปจากนี้จะแตกต่างกันออกไปตามการร่วมงานกับแบรนด์อื่น
“อย่างตอนที่ร่วมงานกับแบรนด์อื่น มันเริ่มจากฐานคิดว่าเรามีลูกค้ากลุ่มไหนที่เราสามารถซึมไปหาเขาได้บ้าง เช่นที่เราทำร่วมกับ Daddy and the Muscle Academy เพราะมองว่าเขาเป็นแบรนด์ผู้หญิงที่มีความแข็งแรงมาก และเมื่อดูข้อมูลของเราเอง ก็พบว่าทิศทางของ Rompboy เริ่มมีกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากขึ้น วัดจากไซส์รองเท้าที่ขายดี
อีกอย่างคือเรามองว่ากลุ่มผู้หญิงค่อนข้างโตเร็ว และมีพฤติกรรมการซื้อที่ง่ายกว่าผู้ชาย คือซื้อเพราะสวย อยากใส่ แต่ผู้ชายคือคิดเยอะ คิดถึงการปล่อยต่อ ดังนั้นถ้าจะ collaboration ก็น่าจะเป็นการทำเพื่อต้องการสร้างกลุ่มใหม่ๆ ”
แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของบู้
จากมือเบสวงอินดี้ ใครจะรู้ว่าเราจะเห็นสายตาจริงจังทุกครั้งที่พูดถึงความเป็นไปของธุรกิจ บทสนทนาทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้า (2018) และปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้สภาพคล่องการซื้อไม่ดีเหมือนเก่า ถูกออกจากปากเขาไม่ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นที่เราเคยคุยก่อนหน้า
บู้บอกกับเราว่า เขาอ่านบทความเรื่องธุรกิจทุกครั้งเมื่อมีโอกาส เช่นเดียวกับการนั่งดูคลิปวีดีโอของเหล่าสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ
“ผมว่าผมเข้าใจธุรกิจมากขึ้นนะ จริงอยู่ว่าผมสร้าง Rompboy มาด้วยสัญชาตญาณ เพราะในตอนแรกผมไม่รู้อะไรเลย แต่วันนี้ผมมองมันละเอียดมากขึ้น รู้ว่าธุรกิจมันเป็นเรื่องของจังหวะด้วย ส่วนตัวผมว่าคุยเรื่องธุรกิจมันสนุกและมันช่วยให้อินสไปร์อะไรบางอย่าง
หรือทุกครั้งที่ผมจะต้องถูกสื่อสัมภาษณ์ ผมแทบไม่เตรียมอะไรมาก่อนเลย เพราะตั้งแต่ก่อนเริ่มโปรเจ็กต์อะไรก็ตาม ผมจะวางคอนเซ็ปต์ไว้หมด ว่าจะสื่อสารอะไร จะพรีเซ้นต์อย่างไร ทุกวันนี้ผมมันมาก และปีนี้ยิ่งมัน (2017) เพราะหลังจากปีที่แล้วผมสานต่อโปรเจ็กต์แรก ปีนี้คือปีของการทดลองใหม่ๆ เรื่อยๆ ”
ผู้นำความเป็น Rompboy
หลายๆ คนคิดว่า Rompboy คือบู้เสลอ จริงๆ แล้วเขามีทีมงาน เป็นทีมในนาม บริษัท รอมพ์บอย (ประเทศไทย) จำกัด มีคนเบื้องหลังที่ Corporate Identity เพื่อดูว่าโปรเจ็กต์ต่างๆ จะหลุดโทนไหม มีคนทำกราฟิก มีดีไซเนอร์ ทำเสื้อผ้า หมวก กางเกง มีคนประสานงานคุยกับช่าง ซึ่งมีรายละเอียดจุกจิกค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ยังมีแอดมินเพจที่ช่วยตอบคำถามลูกค้า หลักๆ มีประมาณนี้ เว้นแต่จะมีโปรเจ็กต์พิเศษเราก็ต้องจ่างฟรีแลนซ์เพิ่ม ขึ้นอยู่กับว่าใคร เหมาะกับโปรเจ็กต์ไหน
“ในวงประชุมที่บริษัท ผมโคตรเป็นผู้นำเลยนะ บางทียังคิดว่าผมแสดงความเห็นมากไปด้วยซ้ำป่าววะ บางทีผมก็ดื้อ อย่างโปรเจ็กต์การร่วมมือกับแบรนด์อื่น ผมตั้งใจว่าจะให้เขาดู แล้วเขาก็มีขอบเขตของเขา มีกติกายุ่งยาก แต่กลายเป็นว่าเราออกความเห็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ไม่ฟังนะ แต่สุดท้ายมันก็ต้องจะผ่านเราอยู่ดี”
“เวลาเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ ผมคิดกับมันตลอดเวลา หายใจเข้าหายใจออกแต่เรื่องเดียว และจนถึงวันนี้ผมมองว่ากลุ่มคนที่ใส่ Rompboy มันค่อนข้างกว้างกว่าตอนที่เราวางตอนแรก
แต่เดิม Rompboy คือเด็กผู้ชายตัวไม่ใหญ่ เดินสวนจตุจักร เดินสยาม ฟังเพลงอินดี้และไม่ซื้อของที่แพงมาก แต่ตอนนี้หลากหลายขึ้น กว้างไปหลายๆ กลุ่ม ถึงเช่นนั้นก็ยัง play safe ที่จะจ่าย หรือถ้าเป็นผู้หญิงก็จะแต่งตัวบอยๆ เรียบง่าย ไม่หวือหวาแต่มีดีเทล”
“วันนี้ผมเชื่อว่าเราดีในระดับหนึ่ง คือวางคู่กับแบรนด์ต่างชาติได้ไม่อายใคร กล้าดวลกัน อย่าไปมองว่าทำไมรองเท้าแบรนด์ไทยราคาสูง คุณไม่รู้หรอกว่าผมขายไป 50% แล้วยังไม่ได้กำไรด้วยซ้ำ ผมพิถีพิถันกับมันจริงๆ และไม่มีทางเลยที่พวกเราจะฉาบฉวย อย่างเวลาคุณใส่เดินกับเพื่อน รองเท้าทรงใกล้เคียง ผมมั่นใจเลยว่ารองเท้า Rompboy ดีไม่แพ้ใครแน่ๆ ”
—————
Rompboy
facebook.com/rompboybkk
RECOMMENDED CONTENT
เล่นกันแบบนี้เลย! Coming Soon: The Starcourt Mall! | Ha […]