ใครที่เป็นสาวก Samsung คงคุ้นเคยดีกับฟังก์ชั่นและแอพพลิเคชั่นการใช้งานจากสมาร์ทโฟนในระบบ Android โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Smartwatch ที่แม้จะผลัดเปลี่ยนมาให้ได้ใช้กัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าเป็นตระกูล Gear นั้น การกลับมาครั้งนี้ต้องทำให้เราประทับใจกับดีไซน์ที่ไม่เป็นสองรองใครแน่ๆ เพราะใส่ใจการใช้ชีวิตแบบคนเมือง จึงทำให้เราสนุกและไร้ขีดจำกัดได้มากขึ้น

แม้ตอนนี้สมาร์ทวอชท์แบรนด์อื่นจะเพิ่มลูกเล่นของตัวเองมากแค่ไหน แต่สมาร์ทวอชท์ล่าสุดอย่าง Samsung Gear S3 ทั้งแบบ Frontier และ Classic ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นขาลุยรักความท้าทาย ที่ต้องการความทนทานแต่ก็พร้อมไปชิลได้ทุกเมื่อ หรือจะชอบแบบเรียบหรูก็ได้เช่นกัน

ซึ่งทั้ง 2 รุ่น ทาง Samsung ได้รับคำแนะนำดีๆ จากผู้มีประสบการณ์ด้านนาฬิกาอย่าง “Yvan Arpa” เพราะเป็นดีไซเนอร์ชั้นแนวหน้าในการสร้างสรรค์นาฬิกาสวิตเซอร์แลนด์ในขณะนี้ จากคำพูดของ Arpa ที่ว่า “การออกแบบนาฬิกาทุกเรือนให้โดดเด่นมาก ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับปัจจัย  3 อย่าง คือ สัดส่วน การสัมผัสประสบการณ์ และเป็นทางเลือก ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรามุ่งเน้นในการสร้าง smartwatch เมื่อมองแล้วคุณจะรู้สึกชอบนาฬิกาจริงนี้ตั้งแต่วัสดุในการทำตัวเครื่องจนถึงส่วนประกอบต่างๆ” จึงไม่ต้องสงสัยเลยจากเราจะเห็นซัมซุงภาคภูมิใจในการเลือกวัสดุ เพราะสเตนเลสสตีล 316L เป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ทำนาฬิกาสุดหรูที่ดีที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์นั่นเอง

ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ผสมผสานความลงตัวของนาฬิกาอะนาล็อกกับเทคโนโลยี่แบบดิจิตอล ทำให้ Gear S3 สวยงามและประณีต จึงนับเป็นกุญแจหลักในการดีไซน์ โดย Samsung พยายามให้ Gear S3 เป็นได้มากกว่าอุปกรณ์สมาร์ทวอชท์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือขนาดต้องทำออกมาตามความต้องการของผู้ใช้ ส่วนความแข็งแรงทนทานวัสดุก็มั่นใจในแตนเลส 316L ที่นิยมนำมาทำนาฬิกามากที่สุด จากความพิถีพิถันทุกขั้นตอนยิ่งทำให้การกำหนดเวลาทั้งชั่วโมงและนาทีแม่นยำ แม้กระทั่งรายละเอียดที่ใกล้กับส่วนที่เล็กมากๆ (microscopic) ก็ยิ่งใส่ใจและระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกดี เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากที่สุด

ดีไซน์ดังกล่าวยังคงรูปลักษณ์นาฬิแบบดั้งเดิมเกรดพรีเมี่ยมไว้ เพื่อให้เทรนด์ของนาฬิการุ่นล่าสุดอย่าง Samsung Gear S3 มีมิติในแบบของตัวเอง ทั้งฝา ปุ่ม รวมถึงฮาร์ดแวร์โดยรวม และต้องมั่นใจว่าฟังก์ชั่นกับคุณสมบัติที่ง่ายต่อการเข้าถึงและการควบคุมจะมีประสิทธิภาพ เช่น ตรงมุมกับองศาความลาดชันบริเวณขอบหน้าปัดก็เน้นใส่ใจรายละเอียดมาก โดยขอบนาฬิกาจะถูกยกระดับสูงขึ้นมาเล็กน้อย ฝาได้รับการปรับแต่งในกระบวนการ knurling (คือฝาครอบและปุ่มจะมีความขรุขระ)

Gear S3 Frontier

เริ่มที่ความพีคสุดๆ ของแนวสปอร์ตต้องจัด  Frontier เพราะไม่ว่าจะตะลุยหนักแค่ไหน เราว่า Gear S3 Frontier เอาอยู่ สำหรับใครที่เน้นกิจกรรมกลางแจ้ง  สายซิลิโคนน้ำหนักเบานั้นเหมาะกับ active lifestyle สุดแล้ว ด้วยตัวเรือนที่พัฒนามาให้ทนกับสภาพอากาศ จึงสร้างสัมผัสให้จับต้องได้เพิ่มขึ้น ทั้งรูปลักษณ์ของขอบหน้าปัดแบบเฟือง ด้านข้างมีปุ่มกดสี่เหลี่ยมขรุขระออกแบบมาเป็นพิเศษ ทำให้ใช้งานง่ายแม้จะสวมถุงมือ นอกจากนี้เรื่องกันฝุ่นกันน้ำก็ได้มาตราฐาน IP68 กันน้ำลึกถึง 1.5 เมตร นาน 30 นาที รวมถึงกระจกก็แข็งแรง เพราะสามารถกันกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดี จะใส่ในวันทำงานอยู่ในเมืองก็เท่ได้ไม่ซ้ำใคร รู้แบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว

Gear S3 Classic

ส่วน Classic เหมาะกับคนที่ชอบงานดีไซน์เรียบหรูดูดี เวลาจะออกงานหรือต้องไป hang out กับคนที่อายุมากกว่าใส่รุ่นนี้ไปมั่นใจแน่นอน จุดเด่นอยู่ที่สายหนังนุ่มสบาย จึงสัมผัสได้ถึงความสุขุมใส่ได้ตลอดทั้งวัน ที่สำคัญตัวเรือนมีความโค้งมนได้รูปบวกกับสีเงินเงาทำให้ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งปุ่มกดทรงกลมทั้งสองก็ช่วยเพิ่มมิติให้น่ามอง แม้จะมีรายละเอียดตัวเลขน้อยกว่า Gear S3 Frontier ก็ตาม

สีสันและฟังก์ชั่นการใช้งาน

หน้าปัดนาฬิกามีให้เลือกถึง 15 แบบ (Pre-loaded) กันเลยทีเดียว เอาให้เลือกแบบและสีไม่ถูกกันไปเลยด้วยฟีเจอร์ Full Color Always On Display หรือ AOD เราจะเห็นหน้าจอติดตลอดเวลาเหมือนใส่นาฬิกาจริง แต่ไม่เปลืองแบตเตอรี่ คือดีตรงนี้แหละ อีกอย่างสายก็มีสายให้เลือกหลายแบบหลายสี ถอดเปลี่ยนได้กับสายมาตรฐานขนาด 22 มม. เรียกได้ว่าวันไหนนึกสนุกอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนโทนสีเสื้อผ้า ก็สามารถเปลี่ยนสายนาฬิกาให้ตรงคอนเซปต์ได้สบายๆ

ฟังก์ชั่นการใช้งานของ Gear S3 ถูกคิดมาอย่างรอบครอบ เพราะให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมด้วยระบบดิจิตอล ทั้งการอัพเดตสภาพอากาศ การแจ้งเตือนตารางเวลาและตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงส่งข้อความ SOS ในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยการแชร์ Location มาพร้อม fitness tracker อย่างการ Track ออกกำลังกายมี GPS ในตัว เพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ มากมาย และยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย

ส่วนแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น 52% จึงอยู่ได้นาน 3-4 วัน (350 mAh) ยิ่งถ้าปิดโหมด AOD แล้วการใช้งานก็จะยิ่งนานขึ้น Gear S3 สนับสนุน LTE พร้อมกับ built-in จึงมีลำโพงฟังเพลงและรับสายได้เมื่อคุยโทรศัพท์ผ่าน Gear จึงทำให้ไม่พลาดการติดต่อ เพราะเลือกแสดงสายเข้า ข้อความ line facebook จากสมาร์ทโฟนได้ด้วย

มีฟังก์ชั่นที่รองรับการใช้งานร่วมกับ Galaxy S7 และ Galaxy Note7 และมี memory 4GB ดาวน์โหลดเพลงและ Apps มาไว้บน Gear ได้มากกว่า 10,000 แอพ ผ่าน Wi-Fi หรือการเชื่อมต่อ LTE ก็ได้โดยไม่ต้องง้อมือถือให้ยุ่งยาก

เรียกว่ามาครบ อัดแน่นทุกฟังก์ชั่นการใช้ง่ายเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากดีไซน์ที่คิดค้นมาเป็นอย่างดี ให้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์แนวสปอร์ตแล้ว วันสบายๆ ก็สวมใส่ได้อย่างคุ้มค่า จึงถือเป็น Smartwatch ที่นาฬิกาปกติทำไม่ได้ ยิ่งใครที่เคยใช้ Gear S2 มาแล้วคงต้องรีบอัพเกรดรุ่นใหม่กันหน่อย ส่วนใครที่ยังไม่เคยใช้แต่อยากลอง Gadget ใหม่ๆ ก็ให้ Samsung Gear S3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้ชีวิตเดิมๆ มีสีสันมากขึ้นดูสิ

Samsung Gear S3
http://www.samsung.com/th/gears3/