Dooddot UpClose ในวันนี้เราจะมาเจาะลึกโครงการบ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ อ่อนนุช-ศรีนครินทร์” สไตล์โมเดิร์นดีไซน์สวยสง่าย่านเมืองกรุงเทพฝั่งตะวันออกจากแสนสิริกัน “เศรษฐสิริ อ่อนนุช-ศรีนครินทร์” เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่เข้ากับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนที่มีครอบครัวอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งที่เป็นมิตรกับการเดินทางไปทำงาน สถานศึกษา และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆมากมาย ที่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกผ่านถนนเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 และถนนกาญจนาภิเษกที่ตัดผ่านหน้าหมู่บ้าน แถมยังมีมอเตอร์เวย์ และทางด่วนพระราม 9 ซึ่งจากตัวโครงการมีทางเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทั้งจากทางแยกประเวศ และจากทางด่วนศรีรัช นอกจากนี้ห่างออกไปเพียง 1.5 กม. คือ Airport Link สถานีทับช้าง ที่พร้อมให้คุณมุ่งสู่ใจกลางเมืองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าหมดกังวลเรื่องการจราจรติดขัดไปได้เลย ภายในโครงการบ้านเดี่ยวยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือเรียกอีกอย่างคือ facilities ที่ตอบโจทย์คุณและครอบครัวทั้งในตัวบ้าน และรอบๆหมู่บ้าน ซึ่งวันนี้ถือว่าพิเศษสุดๆ เพราะเราจะพาทุกคนไปชมตัวโครงการและ facilities ต่างๆแบบไกล้ชิดสุด exclusive เพราะฉะนั้นใครที่กำลังมีแผนจะซื้อบ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวในเร็วๆนี้ รีบเลื่อนลงไปอ่านรายละเอียดกันทางด้านล่างกันเลย!
เริ่มกันที่ทางเข้าของตัวโครงการ เราจะเห็นการดีไซน์ของซุ้มประตูทางเข้าที่มีการนำเส้นสายแนวตั้งและแนวนอนที่ดูเรียบง่ายแต่ทันสมัยมาผสมผสานกัน ซึ่งสื่อถึงธีมหลักในการสร้างโครงการบ้านเดี่ยวนี้แบบ See Through Nature ใกล้ชิดธรรมชาติ ภายใต้คอนเซ็ปต์ของโครงการ “Modern Continuity” ตรงซุ้มประตูจะมีป้อมยามอยู่ตรงกลาง และไม้กระดกพร้อมกล้อง CCTV และ Access Card เยื้องไปอีกนิดก็จะเป็นป้ายตั้งตระหง่านที่เขียนว่า Setthasiri กับตัวอักษรสีขาวบนแบ็คกราวด์ปูนเปลือยสีเทาที่มีดีไซน์เส้นแนวตั้งดูมินิมอลแบบโมเดิร์น ส่วนตัว driveway หรือถนนทางเข้าก็มีขนาดกว้างขวาง ซึ่งการ display ทั้งหมดดูเรียบหรู ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจะขับรถเข้าไปในบริเวณรีสอร์ทอย่างไรอย่างนั้น
พอเข้ามาภายในโครงการก็จะพบกับบ้านเดี่ยว 2 ชั้นสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัย มีเอกลักษณ์การออกแบบรูปทรงเรขาคณิตอันเด่นชัดถึง 5 แบบด้วยกัน ในราคาเริ่มต้นที่ 7.29 ล้านบาท กับแบบบ้านแรก “Innika” (อินนิก้า) ที่มีพื้นที่ทั้งหมด 165 ตารางเมตร มี 3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 1 ห้องรับแขก, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องครัวไทย และที่จอดรถ 2 คัน ต่อด้วยแบบบ้านที่สอง “Innizia” (อินนิเซีย) จะใหญ่ขึ้นมาหน่อย โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 194 ตารางเมตร มี 4 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 1 ห้องรับแขก, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องครัวไทย และที่จอดรถ 2 คัน แบบบ้านที่ 3 กับ “Intore” (อินโทเร่) ที่มีพื้นที่ใช้สอย 244 ตารางเมตร มี 4 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 1 ห้องอเนกประสงค์, 1 ห้องรับแขก, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องครัวไทย, ที่จอดรถ 2 คัน, และ 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ แบบบ้านที่ 4 “Inzare” (อินซาเร่) ที่มีพื้นที่ทั้งหมด 284 ตารางเมตร มี 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 1 ห้องรับแขก, 2 ห้องพักผ่อน, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องครัวไทย, Pantry, ที่จอดรถ 2 คัน และ 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ และสุดท้ายกับแบบบ้านที่ 5 “Invatio” (อินวาทิโอ้) ที่มีพื้นที่ใช้สอยใหญ่สุดที่ 315 ตารางเมตร มี 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 1 ห้องรับแขก, 1 ห้องอเนกประสงค์, 1 ห้องพักผ่อน, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องครัวไทย, Pantry, ที่จอดรถ 3 คัน และ 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ แต่ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกถึงตัวบ้านและห้องต่างๆข้างใน เราขอพูดถึงสิ่งแวดล้อมและ facilities ต่างๆภายในหมู่บ้านกันก่อน ว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
เมื่อเข้ามาข้างในตัวหมู่บ้าน ติดกับวงเวียนถนนจะมี Club House ที่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้อยู่อาศัยในโครงการได้มาออกกำลังกาย ซึ่งทางเข้ามีบันได และ Ramp สำหรับคนพิการให้ด้วย ลูกบ้านไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม เพราะรวมอยู่ในค่าส่วนกลางแล้ว ตัว Club House มี 2 ชั้น ข้างในจะเป็นห้องฟิตเนส มีเครื่องออกกำลังกายมากมายที่หันหน้าเข้ากระจก ให้คุณสามารถออกกำลังกายไปด้วย และมองวิวข้างนอกไปด้วยแบบเพลินๆ ส่วนบริเวณด้านนอก ขึ้นบันไดมาขวามือจะเป็นออฟฟิศนิติบุคคล ตัวตึกจะเชื่อมต่อกับลานพาทิโอ (patio) ซึ่งถือเป็นมุมพักผ่อนอย่างดีสำหรับผู้อยู่อาศัย เนื่องจากมีโซฟายาวให้นั่งพักผ่อนสูดอากาศธรรมชาติ เหมาะมากๆสำหรับผู้สูงอายุ หรือบรรดาคุณพ่อคุณแม่ ที่จะออกมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ นั่งเล่นพูดคุยกันเองในครอบครัว หรือกับเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ติดกับตัว Club House ยังมีสระว่ายน้ำขนาด 7 x 20 เมตร และส่วนที่เป็นสระเด็กขนาด 4 x 3.5 เมตร มีที่ให้นั่งปลายสระให้ด้วย เหมาะมากๆสำหรับให้ครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆมาแหวกว่ายหลังเลิกเรียน หรือช่วงวีคเอนด์กับเพื่อนๆ ส่วนที่ล้างตัวจะอยู่ด้านซ้ายมือ ฝั่งตรงข้ามกับสระว่ายน้ำจะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิง ข้างในจะมีอ่างล้างหน้า และตู้ล็อกเกอร์สำหรับเก็บของ นอกจากนี้ตรงบริเวณสี่แยกภายในหมู่บ้านยังมี courtyard สวนส่วนกลางเป็นสนามหญ้าให้ลูกบ้านได้มาเดินเล่น หรือวิ่งออกกำลังกาย พร้อมสนามเด็กเล่น ให้ลูกหลานได้มาวิ่งเล่น นั่งเล่นชิงช้า และสไลเดอร์ท่ามกลางธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่อันร่มรื่น ซึ่งทั้งหมดของ facilities ที่กล่าวมา ถือว่าเป็นมุมพักผ่อนสบายอย่างดีในหมู่บ้าน ที่จะช่วยให้คุณสลัดความเครียดและความเหนื่อยล้าออกไปเป็นปลิดทิ้ง
คราวนี้มาพูดถึงตัวบ้าน และ facilities ภายในต่างๆกันบ้าง ซึ่งแบบบ้านที่เราได้นำมาให้ชมอย่างใกล้ชิดในวันนี้ คือแบบ “Inzare” มองจากหน้าบ้านขึ้นไปที่ชั้นสอง จะเห็นดีไซน์บ้านที่ใช้โทนสีเทาขาวเป็นหลัก มีประตูรั้วเหล็ก และประตูคนเดินเท้าด้านซ้าย โดยรวมแล้วสไตล์ของตัวบ้านจะดูออกเรียบๆสไตล์โมเดิร์น แต่ในขณะเดียวกันแลดูคลาสสิค ลักษณะของตัวบ้านจะใช้สี่เหลี่ยมกับเส้นตรงเป็นหลัก ทางซ้ายมือของลานจอดรถมีสนามหญ้าหน้าบ้าน ส่วนบริเวณรอบๆบ้านจะมีทางเดินสนามหญ้าเช่นกัน มีไม้พุ่มตกแต่งให้เรียบร้อย ทางหลังบ้านจะมีทางเข้าของห้องแม่บ้าน มีพื้นที่ส่วนซักล้างแบบคอนกรีต รวมถึงอ่างล้างมือ ถัดออกไปหน่อยก็จะเป็นประตูทางเข้าห้องครัว โดยรวมแล้วถือว่ามีความเป็น Private Space ที่เป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยแต่ละคนเป็นอย่างดี
ในโครงการนี้จะมีจำนวนบ้านยูนิตทั้งหมด 168 หลัง จัดว่าเป็นโครงการใหญ่ที่สามารถรองรับได้หลายครอบครัวทั้งเล็กและใหญ่ ตามแบบบ้านถึง 5 แบบที่มีขนาดไม่เท่ากัน เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณบ้านก็จะพบกับประตูบ้านที่เป็นแบบสไลด์เลื่อน เปิดออกได้ฝั่งซ้ายฝั่งเดียว ส่วนบริเวณด้านหน้าจะมีเฉลียง และม้านั่งให้สำหรับนั่งใส่รองเท้า เดินเข้ามาในตัวบ้าน ก็จะเจอกับห้องรับแขกทางด้านซ้าย ถัดออกไปทางด้านขวาจะเป็นห้องครัว ฝั่งตรงข้ามเป็นบันไดขึ้นชั้นสอง ส่วนตรงกลางจะเป็นส่วนรับประทานอาหาร และติดกันทางขวาจะเป็นบริเวณห้องพักผ่อน บริเวณทั้งหมดจะเป็นแบบ open plan ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น-อินดัสเตรียลนิดๆ ด้วยวัสดุสมัยใหม่ เช่นเหล็ก กระจก และอลูมิเนียมมาผสมผสานกับความนุ่มนวลของไม้สีเข้ม และโทนสีแบบเอิร์ธโทนคลาสสิคของเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ รวมถึงแสงธรรมชาติที่สาดส่องเข้ามาจากการเปิดรับช่องแสงกระจกผืนใหญ่ ส่วนพื้นห้องจะเป็นหินอ่อนสีครีม สำหรับห้องรับแขกอยู่ติดกับทางเข้าบ้านเลย มีการวางชุดโซฟายาว มีโต๊ะไม้เล็กสำหรับวางของอยู่ตรงกลาง รวมถึงเบาะนั่ง และเก้าอี้เตี้ยอย่างละตัว ผนังด้านซ้ายเป็นบานกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้า สามารถมองเห็นวิวข้างนอกบ้านได้อย่างชัดเจน และมีแสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามาอย่างเต็มที่ ทำให้เป็นมุมห้องที่นั่งเล่น อ่านหนังสือได้อย่างสบายตา ส่วนในสุดจะเป็นหน้าต่างบานเลื่อน 2 บาน แล้วถ้ามองจากฝั่งตรงข้ามกับห้องรับแขกก็จะเป็นผนังไม้อัดสีน้ำตาลแก่ เหมาะสำหรับติดจอทีวีจอใหญ่ๆได้สบาย ถัดมาที่ส่วนรับประทานอาหาร จะเป็นโต๊ะยาวติดหน้าต่างกระจกบานเลื่อนสำหรับนั่งกินข้าวกันได้ทั้งครอบครัว ตัวโต๊ะทำจากไม้อัดสีน้ำตาลแก่ ด้านบนมีโคมไฟดีไซน์โมเดิร์นสีดำห้อยลงมา 3 อัน ถือว่าเป็นมุมที่ดูเก๋ไก๋ไม่ใช่น้อย แถมพื้นที่แบบ open plan ในบริเวณดังกล่าวยังถือว่าเหมาะมากๆที่จะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือเป็นศูนย์รวมพักผ่อน ดูทีวี อ่านหนังสือ นอนเล่นก็ยังได้
ติดกับส่วนที่เป็นโต๊ะรับประทานอาหารก็จะเป็นห้องครัว ที่นี่จะมีส่วน Pantry เตรียมอาหารแบบครัวฝรั่ง มีเคาน์เตอร์ที่ทำจากหินอ่อนสีดำ มี sink ล้างจานฝังมาให้เรียบร้อย รวมถึงลิ้นชักที่มีช่องแบ่งอุปกรณ์ ตู้เย็น ชุดตู้ด้านบนที่เปิดออกได้ 4 บาน ข้างในมีชั้นวางของได้ 3 ชั้น นี่ยังไม่รวมถึงชั้นวางของติดผนังไม้ด้านล่างอีก 2 ชั้น เรียกได้ว่ามีพื้นที่ให้เก็บของใช้เครื่องครัวได้เต็มที่ ถัดเข้ามาทางด้านในก็จะเป็นห้องครัวแบบครัวไทย มีประตูที่เปิดออกไปเป็นข้างหลังบ้านติดกับลานจอดรถ เวลาซื้อของเข้าบ้านก็สามารถเข้าทางประตูนี้ได้เลย ถือว่าเป็นห้องครัวที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป พื้นครัวปูกระเบื้องแกรนิโต้ทำความสะอาดได้ง่าย มีที่ดูดควัน sink ล้างจานแบบสองหลุม พร้อมที่พักจาน มีเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารกันได้สบายๆ มีลิ้นชักและตู้เก็บจานชามอะไรให้เสร็จสรรพติดผนัง ซึ่งอยู่ในความสูงที่สามารถเอื้อมถึงได้ง่าย
กลับเข้ามาที่ห้องรับประทานอาหาร อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าทางด้านขวาของโต๊ะกินข้าวจะเป็นส่วนของห้องพักผ่อนสำหรับครอบครัว ถ้ามองจากทางเข้ามาข้างในบ้าน ห้องนี้จะค่อนข้างหลบมุมเพื่อความเป็นส่วนตัว ในบริเวณจะมีโซฟารูปตัว L สามารถนั่งได้ประมาณ 5-6 คน มีโต๊ะไม้เล็กสำหรับวางของอยู่ตรงกลาง ส่วนฝั่งผนังตรงข้ามโซฟาจะเป็นชั้นวางทีวี ผนังด้านหลังเป็นหน้าต่างบานเลื่อน 2 บานให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามา ส่วนผนังด้านในสุดจะติดด้วยแผ่นกระจกทั้งหมด เพื่อทำให้บริเวณห้องดูโปร่งขึ้น โดยรวมแล้วถือเป็นมุมพักผ่อนครอบครัวที่ดู cozy มากๆ ส่วนห้องที่อยู่ติดกับห้องกินข้าวทางด้านซ้ายข้างๆบันไดจะเป็นห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง ขนาดพื้นที่ 3.50 x 3.40 เมตร ข้างในห้องดูโปร่งสบาย เพราะตรงหัวเตียงมีหน้าต่างแบบบานกระทุ้ง 2 บาน ส่วนผนังข้างเตียงด้านซ้ายจะเป็นหน้าต่างแบบบานเลื่อน ส่วนผนังทางฝั่งขวาจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ built-in ส่วนพื้นที่ตรงปลายเตียงก็จะมีชั้นวางของที่สามารถวางทีวีก็ได้ ห้องนี้เหมาะที่สุดที่จะเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ หรือเป็นห้องนอนเอาไว้สำหรับแขกไปใครมาให้มานอนค้างได้
คราวนี้ขึ้นมาที่ชั้นสองกันบ้าง สัดส่วนและ layout ของห้องมีการแยกเป็นสัดเป็นส่วนที่ดี ตัวพื้นทำจากไม้ Engineering wood ที่ได้ผ่านการอบ และอัดน้ำยากันปลวก ทำให้มีการหดตัวต่ำ และทนทานต่อปลวกและมอด ทางซ้ายมือของโถงบันไดจะเป็นห้องนอนขนาด 3.50 x 3.40 เมตร และห้องนอนขนาด 5.20 x 3.40 เมตรที่อยู่ติดกัน ทั้งสองห้องนอนมีห้องน้ำแบบ built-in ให้เรียบร้อย ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องพักผ่อน และห้องอเนกประสงค์ และฝั่งตรงข้ามจากโถงบันไดก็จะเป็นห้อง Master Bedroom ที่มีขนาด 5.10 x 4.40 เมตร เริ่มต้นกันที่ห้องพักผ่อน Family Room กันก่อน ห้องนี้เป็นห้องรวมตัวของสมาชิกในบ้าน คล้ายๆห้องรับแขกด้านล่าง มีโซฟารูปตัว L สำหรับนั่งเล่น และชั้นวางทีวี ด้านหลังโซฟาจะเป็นหน้าต่างบานเลื่อน 2 บาน ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นประตูกระจกออกไปเป็นระเบียงที่มีความกว้างประมาณ 5.95 x 1.60 เมตร สามารถมองออกไปเห็นวิวหน้าบ้านได้ ห้องนี้จะมีแสงธรรมชาติเข้ามาเยอะ ดังนั้นก็ถือเป็นมุมห้องที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และยังเหมาะมากๆสำหรับมานั่งอ่านหนังสือ
ห้อง Master Bedroom ถือเป็นห้อง Highlight ของบ้านหลังนี้ เข้ามาในห้องปุ๊บคุณก็จะเห็นถึงความกว้างขวางของพื้นที่ใช้สอย ห้องนี้จะเน้นการตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทน อย่างเช่นสีน้ำตาลแก่ สีเทาอ่อน และสีเบจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย ดูสวยสะอาดเป็นธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้อารมณ์สัมผัสถึงความหรูหรา ดูคลาสสิคแบบเรโทรหน่อยๆ เข้ามาแล้วให้ความรู้สึกถึงห้องที่เป็นการพักผ่อนจริงๆ เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็จะมีกลิ่นอาย neoclassical นิดๆ เน้นทรงเรียบ แต่ดูคลาสสิคในการตกแต่ง เหมาะสำหรับใครที่ต้องการความโปร่งสบาย แลดูไม่รกตา ตรงปลายเตียงจะเป็นชั้นวางของ และทีวี มีตู้สำหรับเก็บของใช้ส่วนตัว รวมถึงลิ้นชัก มีบริเวณให้เดินอย่างสะดวกสบาย ตรงหัวเตียงจะมีหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บาน ส่วนทางขวามือจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 บานใหญ่ จากพื้นถึงเพดานเลื่อนออกจากกัน ด้านนอกเป็นระเบียง ส่วนทางซ้ายมือของเตียงก็จะเป็นห้อง Walk-in Closet หรือห้องแต่งตัวที่ถือเป็นสวรรค์ของคุณผู้หญิงทั้งหลาย ผนังด้านในสุดจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง มีกระจกบานใหญ่ติดผนัง ส่วนทางขวามือจะเป็นราวแขวนเสื้อเป็นทางยาว ทางด้านล่างมีบริเวณให้วางรองเท้าได้หลายคู่ ส่วนด้านบนก็ยังมีชั้นวางของสำหรับของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่านี่จะเป็นห้องที่คุณผู้หญิงทุกคนโปรดปรานแน่ๆ
ในส่วนของห้อง Walk-in Closet ก็จะมีห้องน้ำ ห้องน้ำ Master Bedroom ของที่นี่จะมีขนาดกะทัดรัด มีอ่างอาบน้ำ jacuzzi ขอบหินแกรนิตทางซ้ายมือ มี Low wall ไว้ให้วางอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว ส่วนผนังด้านหลังมีบานกระทุ้ง 2 บานให้แสงธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาได้ คุณผู้หญิงคนไหนที่เหนื่อยล้ามาจากการทำงานมาทั้งวัน และต้องการเวลาชาร์ตแบ็ตให้กับตัวเอง การมีอ่างอาบน้ำดีๆให้คุณได้แช่ตัวชิลล์ๆ ถือเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่มองข้ามไม่ได้ ติดกับ jacuzzi จะเป็นห้องอาบน้ำ shower box มีฝักบัว และช่องให้วางอุปกรณ์อาบน้ำ ผนังทำจากกระเบื้องโมเสค มีที่กั้นห้องด้วยกระจก ส่วนฝั่งขวามือ ก็จะเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าขนาดยาวติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำ มีอ่างล้างหน้าสองอ่างแบบ for him and for her ง่ายต่อการให้คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายได้ใช้ห้องน้ำพร้อมๆกัน รวมถึงมีสเปสวางของใช้ในห้องน้ำมุมของตัวเองแยกกัน ส่วนตัวกระจกก็ถือว่าบานใหญ่พอสมควร มีหลอดไฟข้างใต้กระจกพอดีและมีตู้เก็บของทางด้านล่างแบบ 3 บานให้ด้วย ซึ่งติดๆกันเข้าไปทางด้านในก็จะเป็นส่วนของโถสุขภัณฑ์
พาทัวร์ห้องสำคัญต่างๆในตัวบ้านกันเป็นที่เรียบร้อย เราขอปิดท้ายด้วยเรื่องความปลอดภัยของโครงการ เศรษฐสิริ อ่อนนุช-ศรีนครินทร์ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานอย่างดี มีป้อม รปภ. 2 ตรงทางเข้า-ออก 2 ทาง มีรั้วกั้นไม้กระดก ระบบ Access Card และ CCTV ที่ทางเข้า รั้วสูงตามมาตรฐาน และตัวบ้านจะมีสัญญาณกันขโมยแบบ Magnetic & Motion Sensor ติดให้ทุกหลัง และที่พิเศษยิ่งกว่านั้นในบ้านทุกหลังจะมีปุ่มให้คุณสามารถเรียก รปภ. หากมีเหตุฉุกเฉิดใดๆเกิดขึ้น ซึ่งปุ่มนี้มีอยู่ทั้งสองชั้นภายในบ้าน เรียกได้ว่าทั้งหมดที่กล่าวมา สามารถรับประกันความปลอดภัยของคุณ จากการดูแลแบบเข้มงวดโดยผู้รักษาความปลอดภัยภายในโครงการตลอด 24 ชั่วโมง
เป็นอย่างไรบ้างกับการพาทัวร์ Dooddot UpClose ของโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น “เศรษฐสิริ อ่อนนุช-ศรีนครินทร์” ของเราในครั้งนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านสำหรับครอบครัว ในงบประมาณเริ่มต้นที่ 7.29 ล้านบาท เราเชื่อว่าโครงการบ้านเดี่ยวดังกล่าวสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณได้ไม่ยาก ทั้งเส้นทางการเดินทางที่แสนสะดวกสบาย สามารถเดินทางเข้าเมือง หรือออกไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆได้อย่างรวดเร็ว สิ่งแวดล้อมและสังคมที่น่าอยู่ แบบบ้านที่ดีไซน์ออกมาให้เลือกตามขนาด และรสนิยมของผู้อยู่อาศัย ตั้งแต่ภายนอกตัวบ้านที่ดูทันสมัย มีสีของแต่ละหลังไม่เหมือนกัน เน้นกระจกเป็นส่วนใหญ่ทำให้รับแสงเข้าไปยังในบ้านได้ รวมถึงห้องหับต่างๆก็ถูกดีไซน์มาเป็นอย่างดี เพื่อตอบโจทย์ชีวิตคุณและครอบครัว อีกทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็มีให้คุณใช้บริการอย่างครบครัน ท่ามกลางสเปซที่เป็นมิตร และพื้นที่ที่อุดมไปด้วย Facilities ของตัวโครงการ คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่า โครงการบ้าน “เศรษฐสิริ อ่อนนุช-ศรีนครินทร์” นั้นเหมาะกับไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ และเมื่อคุณอยู่อาศัยที่นี่ ความอบอุ่น และคุณภาพชีวิตของคุณและคนในครอบครัวจะมีแต่เพิ่มขึ้นแน่นอน
Setthasiri Onnut-Srinakarindra
Website : http://www.sansiri.com/thai
Setthasiri Onnut-Srinakarindra : http://www.sansiri.com/singlehouse/setthasiri_onnut_srinakarindra/en/home/
Facebook : https://www.facebook.com/sansirifamily?fref=ts
Tel. : 02-3688261 – 2
Email : SNK@Sansiri.com
Writer: Thip S. Selley
Photographer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
“HENS ศิลปินมากความสามารถที่มาพร้อมแนวเพลง Alternative Pop ประกอบด้วย ปู๋-ปิยวัฒน์ มีเครือ (ร้องนำ), โฟร์-ประทีป สิริอิสสระนันท์ (กีตาร์), บัง- เอกสิริ กำบังภัย (เบส) และ จ๊อบ-กฤตพงศ์ สกุลนามอเนก (กลอง) จากสังกัดค่ายเพลง What The Duck ที่ได้ฝากผลงานเพลงฝังแน่นไปด้วยเอกลักษณ์ไว้มากมาย อาทิ “แพนด้า”, “กลั้นไว้”, “ข้างเดียว”, “It’s gotta be you”, “มนุษย์อวกาศ” และเพลงมู้ดสดใสอย่าง “เมดูซ่า”