วันนี้ Dooddot จะพามาเจอศิลปินตัวเป็นๆที่ได้สร้างงาน Art Event ที่เป็นที่สนใจโดยเฉพาะหลายๆประเทศในเอเซีย ใช่แล้วเรากำลังพูดถึง Event ที่เราเรียกว่า  “1600 Pandas+ World Tour” โดย เปาโล กรองจีอง นั่นเอง

ที่มาและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
การทัวร์รอบโลกของแพนด้า 1,600 ตัว เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2551 โดยความร่วมมือระหว่างกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) และศิลปินชาวฝรั่งเศส เปาโล กรองจีอง (Paulo Grangeon) ผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะแพนด้าน้อยที่ประดิษฐ์ขึ้นจากศิลปะเปเปอร์มาเช่ ด้วยกระดาษรีไซเคิล โดยเริ่มแรกเขาได้สร้างสรรค์แพนด้าขึ้นมาทั้งหมด 1,600 ตัว ซึ่งเท่ากับจำนวนแพนด้าที่ยังหลงเหลืออยู่ทั่วโลกในขณะนั้น และตั้งแต่นั้นมา ก็ได้มีการพาแพนด้าน้อยเหล่านี้ เดินทางจัดแสดงและสร้างสีสันตามเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตและสถานที่สำคัญต่างๆ กว่า 100 แห่ง ในหลายประเทศทั่วโลก ได้แก่ ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, อิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, เยอรมนี, ไต้หวัน, ฮ่องกง, เกาหลี และมาเลเซีย เพื่อตอกย้ำความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ศิลปะเปเปอร์มาเช่
เปาโล รู้จักกับเทคนิคศิลปะเปเปอร์มาเช่ของไทยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2542 ซึ่งเขารู้สึกชื่นชอบเทคนิคดังกล่าวมาก จึงเริ่มศึกษาวิธีการสร้างสรรค์ผลงานจากเทคนิคดังกล่าวอย่างจริงจัง และได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับโรงงานผลิตภัณฑ์สินค้าทำมือจากศิลปะเปเปอร์มาเช่ต่างๆในประเทศไทยนับแต่นั้นมา จนกลายเป็นเทคนิคงานศิลปะที่สร้างชื่อให้กับเปาโลในที่สุด

ผลตอบรับจากการจัดแสดง 1600 Pandas+ World Tour

การเดินทางท่องเที่ยวไปแต่ละประเทศของเหล่าแพนด้ากว่า 1,600 ตัว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551  ล้วนได้รับการตอบรับที่ดีอย่างท่วมท้นจากแต่ละประเทศ จนปัจจุบัน เครื่องหมายบวก (+) ในชื่อโครงการ 1600 Pandas+ World Tour นั้นมาจากจำนวนประชากรแพนด้าที่เพิ่มขึ้น 17% จากเดิมเพียง 1,600 ตัวก่อนเริ่มโครงการ อันหมายถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น

ความร่วมมือครั้งสำคัญกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ในการจัดโครงการ 1600 Pandas+ World Tour in Thailand

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และบริษัท AllRightsReserved (ออลไรท์รีเซิร์ฟ) ด้วยความสนับสนุนจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ กรุงเทพมหานคร นำเสนอปรากฏการณ์งานศิลปะเชิงอนุรักษ์ระดับโลกสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย กับโครงการ “1600 Pandas+ World Tour in Thailand” (1600 แพนด้าพลัส เวิลด์ ทัวร์ อิน ไทยแลนด์) ภายใต้แนวคิด “For the world we live in and the ones we love” โดยจับมือกับ กองทุนสัตว์ป่าโลก สำนักงานประเทศไทย (WWF-Thailand) ในการเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยอาสาเป็นเจ้าภาพพากองทัพแพนด้าสุดยอดงานศิลปะในรูปแบบเปเปอร์มาเช่ กว่า 1,600 ตัว ไปเยือน 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตและสถานที่สำคัญของประเทศไทย ระหว่าง 4 – 19 มี.ค. 59 พร้อมปิดท้ายความประทับใจกับงานนิทรรศการแพนด้าสุดอลังการกว่า 1,600 ตัว ระหว่าง 24 มี.ค. – 10 เม.ย. 59 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดยจะนำรายได้ทั้งหมดจากการจัดกิจกรรม มอบให้กับ WWF-ประเทศไทย ใช้ในการพัฒนาโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าใกล้
สูญพันธุ์ อาทิ ช้างป่าไทย และเสือโคร่ง

เกี่ยวกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
นับตั้งแต่ กลุ่มเซ็นทรัล ได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2470 โดยเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาการค้าปลีกในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ได้มุ่งมั่นสานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดัน เซ็นทรัล ขึ้นไปอีกระดับ ด้วยความทันสมัยสู่มาตรฐานเวทีระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ยังมุ่งเป็นผู้นำเสนอประเทศไทย ในฐานะผู้นำด้านศิลปะ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ ผ่านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่น และทันสมัยใจกลางเมืองสู่สายตาคนทั่วโลก

เกี่ยวกับอาณาเขต “เซ็นทรัล แบงค็อก” (Central Bangkok)
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยภาคีภาคเอกชน ได้ประกาศอาณาเขตเซ็นทรัล แบงค็อก (Central Bangkok) ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ที่เป็นหัวใจกลางมหานครของประเทศไทย ครอบคลุมบริเวณ ถนนเพลินจิต, ถนนราชดำริ, ถนนพระราม 4 และ ถนนวิทยุ ซึ่งเป็นศูนย์รวมความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว ครบถ้วนในย่านเดียว ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์, ร้านอาหารรสเลิศ, โรงแรมและที่พักระดับ 5-6 ดาว, สปาหรู, ร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์ไทย, แหล่งเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ชั้นนำ, สิ่งสักการะบูชาที่มีประวัติอันยาวนาน, สวนสาธารณะ,  อาคารสำนักงาน และสถาบันการเงิน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก

ติดตามความเคลื่อนไหวของ Event ดีดีแบบนี้ได้จาก ศูนย์การค้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
Facebook : www.facebook.com/centralembassy