‘ตอง ชนนภัทร วิรัชชัย’ หรือในวงการศิลปะการต่อสู้ MMA (Mixed Martial Arts) รู้จักในชื่อ Shannon ‘Oneshin’ Wiratchai หนึ่งในนักสู้ยุคบุกเบิกตั้งแต่กีฬาชนิดนี้ยังไม่นิยม จนถึงวันนี้ที่คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับว่ากีฬาชนิดนี้สนุกกว่าที่คาด ลุ้นมัน สะใจ เรตติ้งกระฉุดทุกครั้งที่มีการแข่งขัน แต่กว่าจะถึงวันนี้ Shannon Oneshin Wiratchai ต้องฝึกซ้อมอย่างหนักกว่านักมวยทุกคน เพราะเขาเริ่มเส้นทางนี้ตอนอายุ 20 ปี ซึ่งต่างจากนักมวยในไทยที่เริ่มซ้อมกันตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ขวบ
กระดูกมวยไม่มี ทางมวยก็ไม่มีเช่นกัน กว่าจะถึงวันนี้ต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก ทั้งศึกษาเกมส์ ศึกษาวิชาการต่อสู้ รวมไปถึงวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อให้ตัวเองขึ้นไปสู่เส้นทางอาชีพ ในขณะเดียวกันการมีคุณพ่อเป็นแพทย์ก็เป็นกำแพงที่ต้องข้ามให้ได้เหมือนกัน “แรงกดดันจากครอบครัวและคนรอบข้างเยอะมากๆ ครับ สำหรับคนยุคก่อนก็คงมองว่ามวยไม่ใช่อาชีพที่ดี” กว่า Shannon Oneshin จะชนะใจคุณพ่อได้ ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองบนสังเวียนมาอย่างโชกโชน
จากเด็กโรงเรียนสาธิตจุฬา สู่เวที ONE Championship เส้นทางนักสู้ที่ต้องลุยทุกรูปแบบ วันนี้เขาพิสูจแล้วว่าเขาเป็นหนึ่งในนักสู้มืออาชีพที่ยืนอยู่บนสังเวียนเกือบ 10 ปี วันนี้เรามาคุยกับ Shannon ‘Oneshin’ Wiratchai ถึงเส้นทางที่ผ่านมา จนถึงเส้นทางที่กำลังกว้าต่อไปในอนาคต
ตอนนี้อยู่จุดไหนในอาชีพแล้ว ?
ในแง่ของการเป็นนักสู้มืออาชีพในประเทศไทยเราก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูง เพราะเราเป็นคนแรกๆที่เข้าวงการนี้มาอย่างจริงจัง และได้ต่อยในริงสำคัญๆระดับโลก ถ้าพูดถึงระดับโลกแล้ว ตอนนี้เราจะอยู่ในหมวดชั้นกลางค่อนข้างมาต่ำ อาจจะเป็นด้วยหลายๆอย่าง เช่น เราไม่ได้ต่อยมาสองปีแล้ว และก่อนหน้านี้เรามีสถิติแพ้ติดกันสี่ไฟท์ ตัวเลขก็เลยไม่สวยเท่าไหร่ แต่ก่อนหน้านั้นเราก็มีโอกาสได้อยู่ในตัวที่เค้าวางให้ไปชิงแชมป์เหมือนกัน
ส่วนตัวผมแล้วเรามาไกลเกินฝันเพราะเราไม่ได้เป็นนักกีฬามาจากต้น แล้วเราก็หวังว่าสักวันจะได้มีโอกาส แล้วเราก็พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ เราเอาจริง จนได้ชกอาชีพ และไปเข้าตาผู้จัดระดับโลก แต่พอไปแข่งจริงๆ คู่แข่งมันยากขึ้น เราเจอคนที่เป็นนักกีฬามากกว่าเรา พรสวรรค์ มันสู้วินัยของคนเหล่านั้นไม่ได้ แต่วันนี้เราก็มาได้สูงกว่าที่เราคิดไว้แน่ๆ
ยังอยากได้แชมป์ ?
ยังอยู่ในเส้นทางครับ เราแค่คิดว่าอยากทำงานหนัก ให้คนจดจำมากกว่า
คุณมีทางเดินที่แตกต่าง ?
อย่างที่รู้กันว่าในประเทศไทย นักสู้อาชีพนั้นจะอยู่ใต้ร่มเงาของมวยไทย ส่วนใหญ่ก็จะคิดว่าถ้าเราไม่ผ่านระบบการอยู่ค่าย หรือการสร้างกระดูกตั้งแต่เด็กเด็กหกเจ็ดขวบแบบค่ายมวย มันไม่มีทางเป็นนักกีฬาอาชีพได้ หรือถ้าคุณเริ่มต้นตอนอายุเยอะหน่อยตามค่ายก็ไม่ค่อยรับกันแล้ว แต่ผมเชื่อว่าคนที่ไม่ได้โตมาแบบนั้นก็สามารถทำได้เช่นกัน อย่างผมที่เริ่มหัดตอนอายุ 20 ต้องสู้ด้วยการฝึกที่ถูกต้องก็สามารถทำได้เช่นกัน
นักสู้ที่ส่วนใหญ่มาจากพื้นฐานมวยไทย ข้อด้อยข้อดีคืออะไร ?
แน่นอน สำหรับผมจำนวนไฟท์ผมต้องน้อยกว่าเขามากๆครับ แต่ผมมองว่ามันก็ทำให้เรามีความถูกต้องอีกแบบ เราพัฒนาเกมส์เราจากความพร้อมของร่างกาย วิชาที่ใช้ การศึกษาคู่แข่ง เป็นแบบแผนเหมือนนักกีฬาอาชีพตั้งแต่แรก ต่างจากคนที่โตจากค่ายมวย เราต้องยอมรับว่าค่ายมวย โดยเฉพาะต่างจังหวัด เขามีนักกีฬาหลายคนมากๆ คือเทรนอย่างหนักเหมือนกันทั้งค่าย แล้วจะมีเพียงแค่คนหรือสองคนที่ยกระดับตัวเองได้
นักกีฬา MMA ต่างประเทศ โปรโมเตอร์ 1 ค่าย จะมีนักกีฬาไม่กี่คน ต่างกับคนไทยที่แต่ละที่เขาชกเยอะมาก ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ดีกับร่างกายซะทั้งหมด นักกีฬา MMA จะไม่ค่อยมีแมทช์เยอะ แต่จะใช้เวลาไปกับการเตรียมตัวมากกว่า ทั้งร่างกาย เทคนิค และรูปเกมส์ การวางแผน ทำให้เรามองหาการฝึกที่ดี และโค้ชที่ดีตั้งแต่แรก ปีที่แล้วเราต่อยกับ Fabio Pinca (2020) เขาคือนักชกมวยไทยที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก ไม่มีใครคิดว่าเราจะชนะได้ แต่เราก็สามารถยืนชก จนชนะคะแนน ได้เหมือนกัน
บททดสอบที่เราต้องเจอ ในพื้นฐานครอบครัวแพทย์ ?
แรงกดดันจากครอบครัวและคนรอบข้างเยอะมากๆครับ สำหรับคนยุคก่อนก็คงมองว่ามวยไม่ใช่อาชีพที่ดี เราโดนมองในมุมมองแปลกๆมาตลอด และยุคที่เราโตมา มันเป็นยุคที่พอดีกับคนส่วนใหญ่ไปดูมวย แต่ไม่ได้ดูมวย เขามาทำงานหาเงิน(มาเล่นอย่างเดียว) ซึ่งต่างจากต่างชาติที่เขาไปดู Sport เขาดูนักกีฬา เขาซื้อตั๋วไปดูนักศิลปะการต่อสู้ เราเคยเจอประสบการณ์โดยตรงจากการพาลูกศิษย์ไปในงานต่างๆ ต้องยอมรับว่าคนดูต่างกันมากจริงๆ ผมรู้สึกว่าเขามอง “นักมวย เท่ากับ ไก่ชน”
แล้วครอบครัวแพทย์ สร้างความได้เปรียบไหม ?
เราได้เรื่องของการศึกษา ด้วยความที่เราโตมาในครอบครัวที่เน้นเรื่องของการศึกษา เราเลยได้วิธีที่จะเรียนรู้ในศาสตร์ความรู้ต่างๆของศิลปะการต่อสู้ เช่น การศึกษาเกมส์ วิชาต่างๆ วิทยาศาสตร์การกีฬา ที่เราก็สามารถสร้างการเรียนรู้และโอกาสได้มากกว่าคนอื่นๆ และแน่นอนเราก็จะได้เรื่องของทุนทรัพย์ ที่ตอนเริ่ม 5 – 6 ปีแรกผมยังทำได้ไม่ดี เลี้ยงชีพไม่ได้ ก็ต้องยอมรับว่าให้ที่บ้านช่วยในช่วงแรกครับ
Style ของ Shannon Oneshin นั้นค่อนข้างแตกต่าง กับนักกีฬาไทยส่วนใหญ่ ?
นักกีฬาไทยส่วนใหญ่จะต้องเดิน ต้องรับหมัด รับแข้ง อาจจะเป็นเพราะผมไม่ได้โตมาจากกีฬาแบบ Full-Contact แบบมวยไทยมวยสากล ผมโตมากับมวยจีน ยูโด เราจะโชว์เหนือได้จากการที่เราออกท่าได้คลีนจริงๆ มันเลยเป็นนิสัยเราติดมาว่ามูฟเราต้องคลีน เลยเป็นสไตล์ที่เราเห็นในไฟท์ครับ
คนไทยจะสามารถอยู่ในลีตที่ใหญ่ที่สุด แบบ UFC ได้ไหม
มีแน่นอนครับตอนนี้มีหนึ่งคน ก็คือคุณ โลมา ลูกบุญมี (Loma Lookboonme) เป็นผู้หญิง และคนไทยคนแรกที่ได้อยู่ใน UFC อย่างเต็มตัว และอีกคนที่เรามีความหวังก็คือ ‘ท็อปน้อย บางเทา’ ที่ตอนนี้อยู่ในโครงการ Road to UFC ผมมองว่าเขาน่าสนใจมาก เป็นนักมวยไทยแท้ๆที่หัวขบด รัก MMA และสร้างสีสันในริงได้มากๆ สไตล์กวน ไปชกที่ญี่ปุ่นแล้วชูนิ้วกลางให้คนดู…. แต่ความจริงแล้วผมก็อยากไปนะครับ ถ้าไม่ติดเรื่องสัญญาของ ONE
ถ้าย้อนกลับไปถามว่าไปแล้วจะสู้เค้าได้ไหมผมพูดเลยว่าได้ เราเคยพิสูจน์จากการซ้อมกับนักกีฬา UFC ระดับกลาง ล่าง ที่มาฝึกในเมืองไทย เราสู้เขาได้แน่นอน เรามีนักกีฬา UFC ที่มีรายการอยู่ มาซ้อมที่ประเทศเราเยอะมากครับ คนไทยอาจจะคิดว่าฝรั่งตัวใหญ่แข็งแรงกว่าเรา แต่มาเจอนักมวยไทยบ้านเราแข็งแรงกว่าเยอะมากครับ เพราะบ้านเราฝึกกันหนักมาก (เกินเหตุ) เรายังรอดกันมาได้ ลอง คิดอยู่ว่าถ้านักกีฬาบ้านเรามีโค้ชที่ดีฝึกอย่างถูกต้องในการเตรียมตัว เราสู้เขาได้แน่นอนครับ
เป้าหมายต่อไป
อยาก Come Back ก่อนเลยครับ เราไม่ได้ชกมาสองปี ก็จะมีข้อดีข้อเสีย อย่างแรกก็คือเราค่อนข้างร้างเวที ความเจนสนามมันก็น้อยลง ความกังวลต่างๆ ที่เราต้องจัดการของความเป็นนักมวยมันก็เยอะขึ้น แต่มันก็เปิดโอกาสให้เราทบทวนตัวเองมากขึ้น ซึ่งเราก็คิดว่าสามถึงห้าปีนี้เราก็จะทำให้ได้ดีที่สุด เรามองถึงเส้นทางในการเป็นแชมป์อีกครั้ง หรือรายการใหญ่ๆ คู่ต่อสู้ที่แข็งๆ
หากจะต้องเลือกใครก็ได้ที่เราอยากสู้ด้วยมากที่สุด
Conor McGregor แต่ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้อยากโหนกระแสหรือว่าอะไร เราเห็นนักกีฬาคนนี้มานานตั้งแต่เค้ายังไม่ดังขนาดนี้ และโค้ชของผมบางท่านก็บอกว่าเรามีเทคนิคบางอย่างที่คล้ายๆกัน เราก็พบว่า Conor นั้นก็เริ่มมาจาก คาราเต้ เทควันโด ยืนมวยซ้ายเหมือนกัน เขามีท่าเด็ดคือหมัดตรงซ้าย ของผมเป็นหมัดตรงขวา เหมือนดาบคนละเล่ม
แต่ถ้าของจริงตอนนี้อยากต่อยกับ ‘โคตะ มิอุระ’ ครับ (หัวเราะ)
RECOMMENDED CONTENT
คู่นายแบบ นางแบบ ที่เอกลักษณ์รอยสัก และสไตล์โดดเด่น เท่กว่าใครๆกับตนตัว และสไตส์สักที่แนวยิ่งกว่า