ดูเหมือนว่าจะชอบงานเครื่องหัวเอามากๆ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทำคอลเล็กชั่น FW18: The Cyborg Manifesto ที่ให้นายแบบ-นางแบบมีเครื่องหัวอะไรหลอนๆ เต็มไปหมด มาถึง FW 2019 คราวนี้ อเลสซานโดร มิเคเล่ (Alessandro Michele) Artistic Director แห่ง GUCCI ก็ยังหลงใหลสารพัดงานเครื่องหัวอยู่
ขึ้นชื่อเรื่องไอเดียของบัตรเชิญมาเเทบจะทุกโชว์ คราวนี้บัตรเชิญของมิเคเล่ ก็ไม่เก๋น้อยกว่าครั้งไหน เซอร์ไพร์บรรดาแขกเหรื่อด้วยกล่องไม้ที่ด้านในใส่หน้ากากกระดาษ ที่สื่อถึงเทพเฮอร์มาโฟรไดทัส (Hermaphroditus) เทพตามตำนานกรีกผู้มี 2 เพศในตัวเอง และเป็นสัญลักษณ์ของแอนโดรจีนี (Androgyny) หรือความผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกันของความเป็นชาย (Masculine) และความเป็นหญิง (Feminine) ซึ่งเป็นแนวคิดหลักเบื้องหลังเสื้อผ้าแบบไร้เพศของเขา
หน้ากากกลายมาเป็นไอเดียริเริ่มสำหรับคอลเล็กชั่นนี้ เพราะเขาชอบประโยค ‘The Mask as a Cut Between Visible and Invisible’ ของนักปรัชญาชาวอเมริกัน ฮันนาห์ อเรนด์ท์ (Hannah Arendt) เกี่ยวกับกับแนวคิดของหน้ากากที่นักแสดงสวมใส่บนเวที โดยความหมายของหน้ากากที่มีกำกวมในตัวเอง ทั้งในแง่ที่มันเป็นเครื่องมือใช้ปกปิดตัวตนแท้จริงเพื่อผู้สวมใส่มันจะได้แสดงออกอย่างอิสระตามใจปรารถนา หรืออีกแง่หนึ่งคือการเล่นไปตามบทบาทที่ถูกกำหนดโดยหน้ากากทั้งบนเวที และในชีวิตจริง เหล่าโมเดลก็เลยต้องสวมหน้ากากประหลาดๆ หน้ากากหนัง หน้ากากตอกหมุด หน้ากากโลหะ หรือบางคนก็เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายกรีก
มิเคเล่บอกว่าเขาชอบไอเดียของหน้ากาก เพราะในชีวิตจริง เสื้อผ้าที่เราใส่ก็คือหน้ากากอย่างหนึ่ง มันคือสิ่งที่ใช้แสดงออก ขณะเดียวกันก็เอาไว้ปกปิดซ่อนเร้นด้วยเหมือนกัน หน้ากากที่ดูดุดัน รุนแรง และเกรี้ยวกราด อาจไม่ใช่ตัวตนแท้จริงของคนที่อยู่ข้างหลังมัน แต่อาจเป็นแค่เครื่องมือปกปิดความเปราะบางข้างในก็เป็นได้ (อะเหื้ออ ช่างล้ำลึกนัก!)
หลังจากคอลเล็กชั่น FW 19 เปิดตัวครั้งแรกที่มิลาน แฟชั่น วีค (Milan Fashion Week), อิตาลี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา GUCCI ก็ไม่รอช้า ส่งตรงทั้งเซ็ตมาถึงประเทศไทย จุดหมายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะได้ชมคอลเล็กชั่น FW 19 นี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดแสดงสินค้าของตกแต่งบ้านอลังๆ สไตล์ GUCCI (GUCCI Decor) ด้วย
แฟนๆ GUCCI ชาวไทยไปสัมผัสความไร้เพศกับไอเดียล้ำลึกของจริงนี้กันได้ที่ กลาสเฮ้าส์ ปาร์คนายเลิศ
#Gucci #GucciFW19
RECOMMENDED CONTENT
ต่อไปนี้หากคุณและเราถูกผรุสวาทด้วยคำประเภทว่า ไอ้สัตว์, ไอ้สัด, ไอ้สัส หรือ ไอส๊าสสสสส ก็อย่าเพิ่งโกรธไป เพราะเราเองนี่แหละที่อาจกำลังกลายเป็นสัตว์ (ป่า) กันอยู่ในทุกๆ วัน! I Gone wild (everyday) คือเอ็กซิบิชั่นที่อยากให้เรากลับไปทบทวนความ ‘ดิบ’ ในตัวเอง ว่าสัตว์ในตัวเราคืออะไร และเรายังเหลือความเป็นมนุษย์กันอยู่มากน้อยแค่ไหน!?