ไต้หวัน…ถ้าจะให้สารภาพกันตรงๆ ถือเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่เราไม่เคยตั้งเป้าว่าสักวันจะต้องไปให้ได้เมื่อเทียบกับฮ่องกง ญี่ปุ่น หรือแม้แต่เวียดนาม เป็นประเทศที่ไปก็ได้ ไม่ไปก็ไม่เป็นไรสำหรับเรามาโดยตลอด แถมยังเป็นประเทศที่เราไม่ค่อยจะรู้อะไรเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่อีกต่างหาก รู้มากสุดก็คือเป็นที่ตั้งของตึกระฟ้า Taipei 101 แล้วก็พวกดารา นักร้อง ที่เราเคยดูจากซีรี่ย์ต่างๆสมัยยังเป็นวัยรุ่น โดยเฉพาะวง F4 ที่โด่งดังไปทั่วเอเชียเมื่อสิบกว่าปีก่อน ซึ่งในสมัยนั้นเราก็เป็นหนึ่งในบรรดาเด็กสาววัยรุ่นที่คลั่งไคล้วงนี้เอามากๆ เมื่อไหร่ที่เรื่องรักใสใสหัวใจสี่ดวงออกฉายทางช่อง 3 เราเป็นต้องมานั่งติดหน้าจอเพื่อที่จะได้ชมหน้าของเจอร์รี่ชัดๆ (ดักแก่สุดๆไปเลย เด็กสมัยนี้คงแบบ F4 คืออะไร?)….แต่ก็นั่นแหละค่ะ พอวันเวลาผ่านไป เราโตขึ้น ความคลั่งไคล้ที่เรามีต่อวง F4 และความชื่นชอบในการดูซีรี่ย์ไต้หวันก็จืดจางลงเรื่อยๆ ประเทศไต้หวันก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจอะไรของเราอีกเลย จนกระทั่งเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว เราได้ไปรู้จักกับเพื่อนไต้หวันคนหนึ่งที่อังกฤษ แล้วก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ด้วยความที่คิดถึงเพื่อนคนนี้มาก เพราะไม่ได้เจอกันมาสองปีกว่า เมื่อไม่นานมานี้เราเลยตัดสินใจแพ๊คกระเป๋าไปเยี่ยมเพื่อนเราที่ไต้หวันเสียเลยเป็นเวลา 5 วัน ถือเสียว่าได้ไปเที่ยวประเทศไต้หวันด้วยไปในตัว
ทีนี้การรีเสิร์ชแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไต้หวันของเราจึงเริ่มต้นขึ้น เสิร์ชไปเสิร์ชมาก็พบว่า ไม่ว่าจะเป็นเว็บท่องเที่ยวอะไรก็ต่างแนะนำให้นักท่องเที่ยวทุกคนไปเที่ยวเมือง “Jiufen” (จิ่วเฟิ่น) เมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนเขาในเขตเมืองจีหลง ว่ากันว่าเป็นเมืองเล็กๆที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก แถมยังเป็นเมืองแห่งแรงบันดาลใจในการออกแบบเมืองในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “Spirited Away” ของสตูดิโอจิบลิอีกต่างหาก ได้เห็นภาพต่างๆบนเว็บของเมืองนี้แล้วก็ดูสวยงาม น่าไป และไม่เหมือนเมืองท่องเที่ยวที่อื่นๆอย่างที่เขาว่าจริงๆ เราเลยตัดสินใจว่าวันแรกที่ไปถึงไต้หวัน ที่นี่แหละ จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกที่เราจะไปเยือน กับเมืองจิ่วเฟิ่นทางตอนเหนือของประเทศไต้หวัน
วิวจากฝั่งของห้าง SOGO เดินเลี้ยวซ้ายจากมุมตึกโค้งเก่าๆด้านซ้ายจะเป็นป้ายรถเมล์สำหรับขึ้นรถบัสไปจิ่วเฟิ่น
จากเมืองไทเป การเดินทางไปเมืองจิ่วเฟิ่นนั้นถือว่าง่ายและสบายมากทีเดียว แค่ลงรถไฟใต้ดินที่สถานี Zhongxiao Fuxing ทางออก 1 ขึ้นมาก็จะเจอกับร้าน GNC ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้าง SOGO สีเขียวใหญ่ เดินเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปยังสี่แยก ที่หัวมุมจะมีร้านเสื้อผ้า NET ตั้งอยู่ ให้เดินเลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆจะเจอกับป้ายรถเมล์ที่อยู่หน้าร้าน hot pot อะไรสักอย่างป้ายสีแดงๆ ตรงนั้นให้รอขึ้นรถบัสหมายเลข 1062 ซึ่งจะมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองจิ่วเฟิ่นเลยโดยที่ไม่ต้องไปต่อรถบัสคันอื่น ค่าโดยสารก็คนละ 102 เหรียญ ขึ้นไปปุ๊ป หาที่นั่ง ทีนี้ก็นั่งชิลล์ๆยาวๆเลย เพราะรถบัสที่นี่เขาสะอาดสะอ้าน แถมที่นั่งก็มีพื้นที่ให้นั่งกันอย่างสะดวกสบาย จากไทเปไปเมืองจิ่วเฟิ่นใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง หลับไปสักหนึ่งตื่นก็ถึงพอดี
พูดถึงความเป็นมาของเมืองจิ่วเฟิ่นสักนิด จิ่วเฟิ่นแต่ก่อนเป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองมาก เนื่องจากสมัยก่อนเป็นเหมืองแร่ทองคำ แต่ต่อมาเมื่อแร่ทองคำลดน้อยลงในช่วงยุค ‘50s ความเจริญรุ่งเรือง และชื่อเสียงของเมืองจิ่วเฟิ่นก็ลดน้อยถอยลงตามไปด้วย เหลือแต่เสน่ห์ของตรอกซอกซอย ถนนเล็กถนนน้อย ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ โรงน้ำชาแบบโบราณ และวิวอันสวยงามของมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ยังสามารถประคองให้เมืองแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของไต้หวันมาจนถึงปัจจุบันไม่ให้กลายเป็นเมืองร้าง
ทางเข้าไปยังซอย “Jiufen Old Street” ที่อยู่ติดกับ 7/11
หลากหลายร้านค้าทั้งสองฝั่งของซอย ทั้งร้านอาหาร และร้านขายของกระจุกกระจิก
ร้าน “ไอศกรีมโบราณ” กับวิธีทำที่มาแปลกตรงที่รองด้วยแผ่นแป้งคล้ายๆสายไหม แล้วขูดน้ำตาลถั่วใส่ลงไป โรยผักชี แล้วก็โปะหน้าด้วยไอศกรีม ก่อนที่จะม้วน ให้ลูกค้าถือได้สะดวก
พอลงจากรถบัส เราก็ถูกต้อนรับด้วยกลุ่มนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม ที่เราสังเกตได้ว่าต่างกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังซอยเล็กๆซอยหนึ่ง ที่ตรงข้างหน้ามีป้ายเขียนว่า “Jiufen Old Street” ภายในซอยยาวแห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึกกระจุกกระจิก ร้านขนม และร้านอาหารที่ตั้งอยู่เต็มสองข้างทาง ให้เราได้เข้าร้านนู้น ออกร้านนี้กันจนเพลิน อย่างที่บอกเมืองนี้ตั้งอยู่บนเขา เวลาเดินก็จะมีขึ้น มีลงบ้างเล็กน้อย เดินไปเรื่อยๆเราก็พบกับ “Jioufen Teahouse” ที่ข้างในเป็นทั้งโรงน้ำชา แกลเลอรี่ และร้านขายพวกเครื่องเซรามิค บรรยากาศดูอบอุ่นมากๆ เหมือนหลุดเข้ามาในโลกสมัยก่อน เราเลือกนั่งจิบน้ำชาตรงโซนหลังร้านด้านนอกแบบ outdoor ทางซ้ายมือมีระเบียงดาดฟ้าสามารถมองเห็นวิวอันสวยงามของเขาที่ลดหลั่นกันไปและท้องทะเล ส่วนวิวที่ติดกับด้านหลังโรงน้ำชาแห่งนี้ก็คือโรงน้ำชาอีกที่หนึ่ง ที่ใครมาเมืองจิ่วเฟิ่นแล้วเป็นต้องรีบถ่ายรูปเก็บไว้แทบทุกคน นั่นก็คือ “Sky Castle Teahouse” โรงน้ำชาโบราณขนาดใหญ่ ที่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟจีนสีแดงเรียงรายอย่างสะดุดตา แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังอดใจรอที่จะถ่ายรูปเสียเดี๋ยวนั้น เพราะด้วยตัวคานของระเบียงดาดฟ้าที่มาบังบางส่วนของวิว เราเลยกะว่าถ้าออกเดินต่อเมื่อไหร่แล้วไปเห็นตัวโรงน้ำชาที่ว่าชัดๆกว่านี้ ตอนนั้นล่ะเราถึงจะได้ภาพที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เราหวังไว้
ด้านหน้าโรงน้ำชา “Jioufen Teahouse”
Tea session สอนชงชา และดื่มชาไต้หวันแบบดั้งเดิม
ภายในโรงน้ำชา มีโซนโต๊ะนั่งแบบ indoor โซนขายเครื่องเซรามิค และลงบันไดไปด้านล่างจะเป็นส่วนของแกลเลอรี่
ออกเดินต่อลงไปชั้นล่างของโรงน้ำชาที่เป็นส่วนของแกลเลอรี่ เราก็เหลือบไปเห็นประตูทางเชื่อมเล็กๆด้านหลังร้านที่เห็นวิวของ Sky Castle Teahouse ฝั่งตรงข้ามอย่างชัดเจนเลยทีนี้ ลงบันไดทางเชื่อมลงไปหน่อยก็สามารถข้ามไปที่ฝั่งของโรงน้ำชาอันมีชื่อนี้ได้แล้ว และตรงบริเวณนี้เองที่เราพบว่าเป็นจุดที่พวกนักท่องเที่ยวมารวมตัวเดินกันอย่างขวักไขว่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น หรือไม่ก็พวกคนไต้หวันด้วยกันเองนี่แหละ นักท่องเที่ยวฝรั่งนี่แทบจะนับคนได้ ส่วนคนไทยนี่เห็นจะมีแต่เราคนเดียว เพราะเดินเล่นมาตั้งนานยังไม่ได้ยินเสียงคนพูดภาษาไทยเลยสักคน ผิดจากเมือง หรือประเทศท่องเที่ยวอื่นๆอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ ที่ยังไงคุณก็จะต้องเจอกับนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยกัน
“Sky Castle Teahouse” โรงน้ำชาโบราณขนาดใหญ่ แรงบันดาลใจสำคัญของการออกแบบหน้าตาโรงอาบน้ำในภาพยนตร์แอนิเมชั่น Spirited Away
Sky Castle Teahouse แบบ close up ชัดๆ สวยงาม น่าถ่ายรูปเป็นที่สุด
บันไดขึ้น-ลง บริเวณหน้าโรงน้ำชา แหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยว
นั่งพักกินข้าวสักนิด จิตแจ่มใส ร้านที่เราไปกินจะเป็นเมนูง่ายๆอย่างไข่เจียวใบโหระพา ผัดผักกาด และไก่ผัดอะไรสักอย่าง แต่รสชาติกลับอร่อยไม่เบาเลย
เดินเล่นเข้าซอยนู้น ออกซอยนี้ไปเรื่อย นั่งพักดื่มเบียร์เย็นๆแก้เหนื่อยแป๊ปเดียวก็ตกเย็น บรรยากาศตอนกลางคืนที่นี่โรแมนติกไม่น้อยเลย ไม่น่าถึงเห็นคู่รักมาออกเดท เดินกระหนุงกระหนิงกันอยู่หลายคู่ ส่วนพวกบ้านแต่ละหลังก็จะถูกประดับตกแต่งด้วยหลอดไฟดวงเล็กๆ ยิ่งถ้าเป็นพวกโรงน้ำชาด้วยแล้ว ยิ่งดูวิเศษกว่าตอนกลางวันเข้าไปอีก ทุกอย่างดู come alive คึกคัก มีชีวิตชีวา พวกนักท่องเที่ยวก็เริ่มหาร้านนั่งดื่ม ซึมซับบรรยากาศของที่นี่อย่างเต็มที่
หากคุณมีแพลนกำลังจะไปเที่ยวไต้หวัน บอกเลยว่าคุณควรใส่จิ่วเฟิ่นไว้ในโปรแกรม แนะนำว่าให้มาเที่ยวแบบเป็น day trip เช้าไปเย็นกลับจะดีกว่า เพราะที่จิ่วเฟิ่นไม่ได้มีโรงแรมเป็นเรื่องเป็นราวให้นักท่องเที่ยวมาพัก อย่างมากที่นี่จะมีเกสต์เฮ้าส์เล็กๆไม่กี่ที่ แต่ถึงอย่างนั้น พวกนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะนั่งรถบัสกลับไปยังไทเปช่วงเย็นมากกว่า เพราะมาเที่ยวที่เมืองนี้แบบหนึ่งวันเต็มๆ คุณก็สามารถเที่ยวซึมซับบรรยากาศของเมืองจิ่วเฟิ่นได้อย่างเต็มที่แล้ว
ทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองจิ่วเฟิ่น เห็นบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน และท้องทะเลสีคราม
ถึงตอนนี้ถ้าให้ถามเรา เราก็ยังรู้สึกประทับใจ และคิดถึงเมืองจิ่วเฟิ่นไม่หาย ไม่เคยคิดว่าที่ประเทศไต้หวันจะมี hidden gem ล้ำค่าอย่างเมืองจิ่วเฟิ่นซ่อนอยู่ ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นไปที่ไหนในเมืองนี้ บอกเลยว่าคุณจะได้ภาพสวยๆกลับไปเป็นกระตั๊ก เห็นที่นี่แล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฮายาโอะ มิยาซากิ มาที่นี่แล้วถึงเกิดแรงบันดาลใจในการออกแบบโลกอันมหัศจรรย์ในภาพยนตร์ Spirited Away ที่แฟนๆทั่วโลกต่างหลงรัก
แล้วพบกันใหม่นะจิ่วเฟิ่น หวังว่าสักวันเราจะได้พบกันอีก
Writer: Thip S. Selley
Image by: Thip S. Selley
RECOMMENDED CONTENT
“ถ้าเธอได้รู้” (The Secret) - เพลงใหม่ล่าสุดจาก “SAFEPLANET” ที่กลับมาพร้อมกลิ่นอายดนตรีสดใหม่และฉีกกรอบเดิมมากขึ้น โดยหยิบเอาประสบการณ์ “แอบรัก” ที่คิดว่าหลายคนน่าจะเคยรู้สึกและพบเจอมาก่อน บอกเล่าผ่านเพลงช้าซึ้ง ๆ เต็มเปี่ยมไปด้วยความอัดอั้น ในช่วงชีวิตที่เรารู้สึกดีกับใครสักคน