ถ้าพูดถึง Street Culture หนึ่งในนั้นเราคงนึกถึง Skateboards คัลเจอร์ที่พัฒนามาจากการโต้คลื่นของนักเซิร์ฟในแคลิฟอร์เนีย ต่อมาก็ได้เปลี่ยนการเซิร์ฟบนเกลียวคลื่นลูกยักษ์มาสู่ความท้าทายบนพื้นคอนกรีตแทนจนเกิดการผสมผสานกับวัฒนธรรมฝั่ง West Coast อื่นๆ อย่าง ดนตรีฮิปฮอป แร็ปเปอร์ ศิลปินกราฟิตี้ ฯลฯ
แล้วถ้าให้นึกภาพของคัลเจอร์นี้ ภาพในหัวของเด็กยุค 90s อย่างเราก็คงหนีไม่พ้นหนังเรื่อง Kids ที่ตีแผ่ด้านมืดของแก๊งค์เด็กสเก็ตในนิวยอร์ก ทั้งยาเสพติด ความรุนแรง เซ็กซ์ จนชีวิตพลิกคว่ำ จึงปฏิเสธไม่ได้หากภาพของคัลเจอร์สเก็ตบอร์ดจะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมของเด็กเกเรต่อต้านสังคม
แต่คนที่น่าจะตอบข้อสงสัยนี้ได้ดีที่สุดคงเป็น ‘เต๋า กิจพูลลาภ’ Professional Skateboarder หนึ่งในทีม Preduce ผู้ที่ยังคงเชื่อในวัฒนธรรมสเก็ตบอร์ด และเป็นคนตัวเล็กที่ทำให้การทรงตัวบนแผ่นไม้ยังขับเคลื่อน
งานของโปร-สเก็ตแห่งแบรนด์ Preduce คืออะไร?
ใส่ผลิตภัณฑ์ของสปอนเซอร์ ออกไปเล่นสเก็ตบอร์ดแล้วทำวีดีโอ ถ้าเป็นในอเมริกา การหารายได้จากการเล่นสเก็ตบอร์ดจะชัดกว่ามาก นักสเก็ตคนหนึ่งอาจหารายได้จกสปอนเซอร์บางทีถึง 10 ราย เช่น หมวก รองเท้า แผ่นบอร์ด เครื่องดื่ม
ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของสเก็ตบอร์ดคือที่ไหน?
ของแบรนด์ Preduce เองมีโรงงานอยู่ในประเทศจีน เม็กซิโก แล้วแต่ว่ามีการ Collaboration กับแบรนด์ไหน ส่วนตลาดใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นอเมริกา การผลิตสเก็ตบอร์ดจะต่างกับอย่างอื่นคือจะแยกกันผลิต ตัวบอร์ด ล้อ หรืออุปกรณ์อื่นๆ แล้วแต่ว่าบริษัทนั้นเก่งด้านไหน นอกจากนั้นก็จะมีแบรนด์เสื้อผ้า กับรองเท้าที่ผลิตมาเพื่อการเล่นสเก็ตบอร์ดโดยเฉพาะออกมาอีก เพราะนักสเก็ตจะค่อนข้างสนับสนุนสินค้าที่เป็น Local Brand เช่น Van หรือ DC แต่ตอนนี้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ก็เริ่มเปลี่ยนมาทำผลิตภัณฑ์สเก็ตบอร์ดมากขึ้นเหมือนกัน
เริ่มเล่นสเก็ตบอร์ดได้อย่างไร?
ผมเริ่มเล่นอายุ 14 ที่จังหวัดลำปาง ตอนที่เห็นสเก็ตบอร์ดในหนัง Back to the Future ผมบอกตัวเองว่านี่แหละสิ่งที่กำลังหาอยู่ จำได้ว่าเพื่อนซื้อสเก็ตบอร์ดมาเล่นกันที่สนามบาสฯ ผมเห็นปุ๊บก็รีบซื้อมาเล่นกับเขาทันที
วัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดเป็นอย่างไรในยุคนั้น?
ผมหัดเล่นตอนยุค 90s มันค่อนข้าง Underground คนทั่วไปยังไม่ค่อยยอมรับคัลเจอร์นี้เท่าไร เพราะดูเหมือนเด็กเกเร มั่วสุม แต่งตัวเหมือน Rapter บวกโจอี้บอย ใส่เสื้อตัวใหญ่ประหลาดๆ ไปไหนก็สะดุดตา เขามักคิดว่าเป็นพวกนอกกรอบสังคม ยิ่งในบ้านเรายิ่งเป็นของใหม่ ไม่ค่อยมีใครเล่นกัน สมัยนั้นเด็กที่เล่นส่วนใหญ่เป็นเด็กโรงเรียนนานาชาติ บ้านฐานะดี ไปเมืองนอกบ่อย ฟังฮิปฮอป รับวัฒนธรรมตะวันตกมาเต็มๆ เด็กต่างจังหวัดอย่างผมก็ฟังทั่วๆ ไป แกรมมี่ อาร์เอส เบเกอรี่ Nirvana Oasis ไม่ได้ฟังฮิปฮอปเลยนอกจากโจอี้บอย
แล้วเด็กไทยที่ไม่ได้คลุกคลีกับวัฒนธรรมตะวันตกโดยตรงอย่างคุณหาแรงบันดาลใจจากไหน?
ผมอาศัยดูพวกโปรสเก็ตฯ เมืองนอกจากวีดีโอ หรือไม่ก็แม็กกาซีน เช่น Big Brother, Thrasher เป็นหนังสือหัวนอกทั้งหมด ตอนนั้นยังไม่มียูทูป ไม่มีอินเตอร์เน็ต วีดีโอม้วนหนึ่งหรือหนังสือเล่มหนึ่งต้องเวียนดูกันในกลุ่ม ดูแล้วฝึกกันเป็นปี เป็นกลุ่มเด็กน้อยฝึกเล่นกันเองตามสวนสาธารณะ ตามสนามกีฬาโรงเรียน
จากยุคที่คุณเริ่มเล่นมาถึงตอนนี้ วัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดในบ้านเราได้รับการยอมรับมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากน้อยแค่ไหน?
ทุกวันนี้ธุรกิจสเก็ตบอร์ดโตขึ้นมาก กลุ่ม Preduce เองก็พยายามรักษาสเก็ตบอร์ดมาตลอด พร้อมกับสร้างคัลเจอร์ของเราขึ้นมาเอง ขณะที่บางกลุ่มมองว่าเป็นกีฬา ต่างกันที่มุมมองกับเป้าหมาย ตอนนี้คัลเจอร์สเก็ตบอร์ดเลยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกอยากรักษาความดิบ ความเป็นใต้ดินไว้ อีกฝั่งคือเชียร์ให้เปิดอิสระเต็มที่ สนับสนุนให้ไปแข่งโอลิมปิก เพื่อคนจะได้เล่นมากขึ้น อีกฝั่งคือกลางๆ ไม่ได้แอนตี้การมีคนใหม่ๆ เข้ามา แต่ก็อยากรักษาความเป็นอันเดอร์กราวนด์ของมันอยู่
ทำไมคุณถึงคิดต่างออกไปจากกลุ่มที่มองว่าสเก็ตบอร์ดเป็นกีฬา?
เรียกว่าเป็นนายทุนกลุ่มหนึ่งก็แล้วกันที่เขาทำงานกับภาครัฐ จัดแข่งทีมชาติจริงจังมาเป็น 10 ปี มาช่วยทำสนามอะไรก็ว่าไป นั่นก็เป็นข้อดีของเขา แต่พอมมาเป็นคำว่าทีมชาติ เขาก็จะมีกฎเกณฑ์ต่างๆ เข้ามาควบคุม ทำให้ทุกอย่างถูกตีกรอบ เขาพยายามสร้างคาแร็กเตอร์ใหม่ให้สเก็ตบอร์ดเป็น Goodboy ประมาณว่า ‘ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์กันเถอะ’ ซึ่งเรามองว่ามันเชย พอไปอยู่ตรงนั้นแล้วมันเหมือนครูพละมากกว่า ความเป็นศิลปะมันหายไป
แต่คนส่วนใหญ่ก็รู้จักสเก็ตบอร์ดในแง่ของ ‘กีฬาเอ็กซ์ตรีม’ มาตลอด?
คำว่ากีฬาเอ็กซ์ตรีมเพิ่งมีเมื่อสิบปีหลังมานี้เอง มาจากช่องกีฬา X Games ที่จัดการแข่งขัน 3 ชนิด คือ Inline จักรยาน และมีสเก็ตบอร์ดเป็นหนึ่งในนั้น ทำให้โลกของสเก็ตบอร์ดกว้างขึ้น แต่ในอเมริกา คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ยอมรับว่ามันเป็นกีฬาเลยด้วยซ้ำ เขามองว่าเป็น ‘ไลฟ์สไตล์’ อย่างหนึ่ง จะเห็นว่าคนหยิบสเก็ตบอร์ดไปใส่ในมิวสิกวีดีโอบ้าง โฆษณาบ้าง หรือในหนัง
แล้ววัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดมัน ‘ดาร์ก’ อย่างภาพที่เราเห็นในหนังเรื่อง Kids จริงหรือเปล่า?
เมื่อก่อนสเก็ตบอร์ดอันเดอร์กราวนด์กว่านี้ ออกจะเถื่อนเลยด้วยซ้ำ บางกลุ่มทำลายข้าวของ พ่นกราฟิตี้ เราก็ปฏิเสธไม่ได้ถ้าคนจะมองมันว่าดาร์ก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเวลามันมาอยู่ในสื่อ เขามักจะสร้างคาแร็กเตอร์ให้คนที่อยู่กับมันเป็นฮิปฮอป Badboy ติดยา สำมะเรเทเมา ซึ่งจริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นกันทุกคนหรอก มันไม่มีข้อจำกัดเลยว่าคุณต้องฟังเพลงแนวไหน แต่งตัวอย่างไร คุณจะเป็นเร็กเก้ พังค์ร็อก ขาเดฟ ขาบาน เพื่อชีวิต อินดี้ แบบไหนก็ได้ วัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดมันหลากหลายกว่านั้น
คุณคิดว่าทำไมวัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดในอเมริกาถึงยังแข็งแรงอยู่?
ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเขาเล่นกันได้ทั้งเมือง ทุกที่คือสนาม อย่างน้อยเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ต้องไถสเก็ตบอร์ดไปเรียนเหมือนเป็นพาหนะอย่างหนึ่ง แต่ตอนนี้พวกนัก Skater ทั่วโลกเริ่มไปประเทศจีนกันแล้ว เพราะที่นั่นไม่มียาม (หัวเราะ) หรือมีก็ไม่สนใจ ไม่มีกฎหมายห้ามเล่นตามถนนเหมือนในยุโรป แถมพื้นเป็นหินอ่อนเรียบหมดทั้งเมืองเหมาะกับการสเก็ต มีสถาปัตยกรรม สวยๆ เหมาะกับการทำวีดีโอ
เคยไปเล่นที่ไหนแล้วโดนซิวมั้ย?
ประจำ ไม่มีที่ไหนหรอกที่เขาติดป้ายเชิญเล่นสเก็ต นักสเก็ตเมืองไทยคงรู้กันอยู่แล้ว ที่ไหนห้ามเล่นเราก็ไม่เล่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็พอ
ประเทศไทยพร้อมแค่ไหนสำหรับสเก็ตบอร์ด?
การเล่นสเก็ตบอร์ดจะมีข้อจำกัดนิดหนึ่งเรื่องพื้นผิว เอาง่ายๆ แค่เราเดินบนฟุตบาตปกติยังจะตกหลุมตายเลย (หัวเราะ) อย่างเลนจักรยานที่มีบ้างไม่มีบ้าง ขณะที่ถนนบ้านเมืองอื่นเขาค่อนข้างรองรับ มีทั้งฟุตบาต มีทางสำหรับวีลแชร์ แต่มันก็เหมือนเต้นบัลเล่ต์ หรือตีกอล์ฟ ที่ไม่ได้เป็นคัลเจอร์ของเรามาตั้งแต่แรก ถ้าใครอยากเล่นก็ต้องปรับตัว
บาดเจ็บครั้งไหนที่โหดที่สุด?
มีอยู่ครั้งนึงสไลด์ตกจากหลังคาลงมาหัวฟาดพื้น สลบไปประมาณ 10 วินาที ตื่นมาอีกทีเลือดเต็มตัว แขนหัก นิ้วหัก ข้อเท้า ซี่โครงเลื่อน ใช้เวลารักษาตัว 8 เดือนกว่าจะกลับมาเล่นได้อีก
สเก็ตบอร์ดสำหรับคุณ ถ้าไม่ใช่กีฬา แล้วมันคืออะไร?
ส่วนตัวผมมองมันว่าเป็น Art Performance ผมไม่แน่ใจว่าจะแปลเป็นภาษาไทยว่าอะไร มันคือการ Express Yourself คนที่ไม่เข้าใจคัลเจอร์สเก็ตบอร์ดจะไม่มีทางมองออกเลยว่าอันไหนมันสวย มันเท่ หรือมันยากอย่างไร เสน่ห์ของมันคือการไปเล่นในสถานที่ใหม่ๆ สมมติถ้าไปเล่นที่นี่แล้ว เราก็จะไม่กลับไปเล่นซ้ำ เราจะหาที่ใหม่ ได้ครีเอทท่าใหม่ๆ หาเรื่องท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆ
นอกจากแผ่นบอร์ดที่มีชื่อตัวเองติด อะไรเป็นตัวบ่งบอกอีกว่านักสเก็ตคนหนึ่ง Turn Pro แล้ว?
ถ้าไม่ว่าต้องเล่นเก่งระดับหนึ่ง มีผลงานเป็นที่ยอมรับ อาจด้วยการชนะงานแข่ง หรือมีรางวัล แค่ออกไปเล่นให้สนุกก็พอ (ยิ้ม)
ติดตามผลงานของ เต๋า กิจพูลลาภ และทีม Preduce ได้ที่:
http://www.preduce.com/home.aspx
Writer: Wednesday
RECOMMENDED CONTENT
กลับมาอีกครั้งสำหรับสองพี่น้องวงดูโอ้มากความสามารถระดับอินเตอร์อย่าง “Plastic Plastic” (พลาสติก พลาสติก) ประกอบด้วย “เพลง - ต้องตา จิตดี” (ร้องนำ, คีย์บอร์ด) และ “ป้อง - ปกป้อง จิตดี” สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) หลังจากปล่อยอัลบั้ม Anything Goes ให้แฟน ๆ ได้ฟังไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา