เมื่อพูดถึงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ปี 2017 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกีฬาเทควันโด เชื่อว่าหลายคนยังคงประทับใจกับท่าเตะรัวแต้ม สร้างชื่อเสียงให้กับวงการเทควันโด และทำให้ น้องเทนนิส – พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ กลายเป็นขวัญใจคนไทยทุกคน
เพราะไม่ใช่แค่การแข่งขันเดียวเท่านั้น ที่สาวคนนี้นำเหรียญทองกลับมาได้ แต่ยังสร้างสถิติด้วยการคว้าแชมป์ 3 รายการมาได้ภายในเดือนเดียว ความสามารถนี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆ ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนักกว่าจะได้มายืนจุดนี้ ซึ่งวันนี้ทาง Dooddot ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับน้องเทนนิส ถึงเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ ทั้งประสบการณ์การเล่นกีฬาเทควันโดที่ผ่านมา และชีวิตส่วนตัวที่บางคนอาจยังไม่เคยรู้
—————
ความรู้สึกหลังได้เหรียญทองเป็นยังไง จบการแข่งแล้วชีวิตเปลี่ยนไหม
ดีใจที่ได้เหรียญทองค่ะ เพราะเกิดจากการตั้งใจฝึกซ้อม และทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่ ผลที่ออกมาก็ดี จึงทำให้ได้เหรียญทองกลับมา อย่างช่วงเวลาที่ซ้อมก่อนการแข่งขัน ปกติต้องเก็บตัวเป็นปีๆ อยู่แล้ว ยิ่งช่วงใกล้แข่งแทบจะไม่มีวันหยุดเลย แถมยังต้องอดทนเรื่องลดน้ำหนักด้วย เพราะต้องลดน้ำหนัก – “แต่ช่วงนี้ไม่มีแข่งกินขนมได้นะคะ” (หัวเราะ)
มีการเตรียมตัวเป็นพิเศษไหม เคยกดดันบ้างหรือเปล่า
ไม่มีการเตรียมตัวเป็นพิเศษ เพราะทุกแมตช์การแข่งขันซ้อมมาอย่างดีเท่ากันหมด แต่ถ้าเป็นช่วงก่อนแข่ง แรกๆ ก็รู้สึกกดดันเหมือนกัน แต่พอได้คุยกับพี่นักจิตวิทยา เราก็ผ่อนคลายขึ้น เพราะคิดว่าเรื่องแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง ก็ขอให้ตัวเราเองเล่นให้สนุก เล่นให้เต็มที่เวลาลงสนามไว้ก่อน
routine การซ้อมในแต่ละวัน แบ่งเวลายังไง
วันหนึ่งจะซ้อม 2 ครั้ง เช้ากับเย็น ตื่นนอนมาซ้อมตอน 06.00–08.30 น. หลังจากนั้นก็ไปเรียน พอหลังจากเลิกเรียนก็ซ้อมตอนเย็น 17.00–20.30 น. หยุดทุกวันอาทิตย์ค่ะ
วันหยุดทำอะไรบ้าง
ก็ออกมาเดินเล่น ช้อปปิ้ง และมีนัดกับเพื่อนๆ ไปถ่ายรูปบ้าง กินขนมบ้าง ตะลุยคาเฟ่ต่างๆ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องเที่ยวส่วนใหญจะอยู่แค่แถวสยาม และแทบไม่มีเวลาไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัดเลย ถ้าจะเที่ยวก็มีแค่ต่างประเทศบ้าง แล้วแต่โอกาสที่มีไปแข่งแมตช์ต่างประเทศ
พอเราได้คุยกับน้องเทนนิส ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าในวันว่างของน้องก็เป็นเหมือนวันของคนทั่วๆ ไป แต่พอยิ่งได้คุยก็ยิ่งรู้สึกว่าระดับความมุ้งมิ้งของน้องก็ไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงทั่วไปอีกเช่นกัน เพราะน้องเทนนิสชอบสะสม Moomin model มว๊ากกกกก! (แอบรู้มาว่าในห้องนอนก็จะเต็มไปด้วยตุ๊กตา) แต่นี่ก็ยังไม่หมดกับการเปิดเผยตัวตนในแบบน้องเทนนิส…
ล่าสุดกับการเป็น Brand Ambassador ให้กับ FUJIFILM X–E3 รู้สึกยังไง
ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฟูจิค่ะ เพราะเราชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว ก็ได้ใช้ กล้อง Fuji X-E3 เองด้วย
ถ่ายรูปบ่อยแค่ไหน ให้คะแนนภาพตัวเองเท่าไหร่
ถ่ายบ่อยนะคะ ชอบไปตามร้านสวยๆ เพราะได้ถ่ายรูปด้วย ช่วงนี้ก็กำลังลองเล่นกล้องอยู่ แต่ยังถ่ายไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถ้าให้คะแนนตัวเองก็ต้องเต็ม 10 ไปเลย! (หัวเราะ) คนอื่นอาจจะมองแล้วไม่ให้สิบก็ได้ แต่ให้ตัวเองสิบไว้ก่อน
พูดถึงตัวเองในแบบ cafe hopper หน่อย ให้ตัวเองกี่เปอร์เซ็นต์
อย่างที่เห็นใน advertorial เลยค่ะ ไม่ว่าจะชอบไปเที่ยว กินขนม ถึงแม้จะต้องควบคุมเรื่องการกินของหวาน แต่ก็ขาดไม่ได้ ถ้าให้คะแนนการเป็น cafe hopper ก็ประมาณ 90% ค่ะ ถ้าว่างๆ ก็อยากไปร้านสวยๆ ไปถ่ายรูป อย่างหลายคนที่เห็นเราเล่นเทควันโดดูดุดัน ก็อยากบอกว่านั่นเป็นตอนแข่ง จริงๆ แล้ว เราเองก็มีอีกมุมนึงที่หวานๆ ใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปที่ยามว่างก็ออกไปหากิจกรรมอย่างอื่นนอกจากกีฬาบ้าง
การถ่ายรูปมีผลกับชีวิตเรายังไง
สำคัญมาก เพราะเวลาไปต่างประเทศไปแข่ง ก็ถ่ายรูปเก็บกลับมาเป็นความทรงจำ และยังให้ คนที่ติดตามเราได้ดูด้วย
กล้อง FUJI X–E3 ช่วยให้การถ่ายง่ายขึ้นยังไงบ้าง
ด้วยฟังก์ชั่นครบ ฟิลเตอร์ดี ก็ทำให้ภาพออกมาสีสวยโดยไม่ต้องแต่งเพิ่มแล้ว
ชอบส่วนไหนของ กล้อง FUJI X–E3 มากเป็นพิเศษ
ชอบตรง viewfinder ของ กล้อง FUJI X–E3 เพราะเวลาเรามองผ่านช่องนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถ่ายภาพจากกล้องฟิล์ม แต่พอลองใช้งานส่วนอื่นๆ ก็ยังคงความเป็นดิจิตอลได้อย่างสมบูรณ์ เช่นการเลื่อนภาพแบบ touchscreen จึงใช้งานง่ายเหมือนใช้สมาร์ทโฟน
Fuji X–E3
• Body กล้อง : น้ำหนักเบา จับถนัดมือ เพราะดีไซน์ grip มือด้านหน้ามาเพื่อให้จับตัวกล้องแล้วรู้สึกสบาย ตามรูปมือที่แตกต่างกันของแต่ละคน ตัวกล้องขนาดเล็กแบบ Minimalism จึงดูเท่ แต่ในขณะเดียวกันก็สวยเรียบหรู เนื่องจากปุ่มด้านหลังตัวกล้องจะเรียงอยู่บนหน้าจอ จะมีเพียงปุ่มที่ใช้งานบ่อยเท่านั้นที่เรียงด้านข้าง (ขวามือ) ที่สำคัญยังมีปุ่มจอยสติ๊กเพื่อควบคุมทิศทางขึ้นลงและซ้ายขวา แทนปุ่มกดสี่ทิศทาง แถมยังมีฟังก์ชั่นที่ใช้บ่อยในปุ่ม ‘Q’ อีกด้วย และเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น จึงมีวงแหวน Dial ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของกล้อง เพื่อให้ตั้งค่าการถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว
• Feature : เซ็นเซอร์ X–Trans CMOS III ความละเอียด 24.3 ล้านพิกเซล ภาพที่ออกมาจึงสีสด คมชัด และมีโทนนุ่มนวลดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีจุดโฟกัส 325 จุด พร้อมถูกอัปเดต algorithm ใหม่ จึงมีความแม่นยำและรวดเร็วในการโฟกัสมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ โหมดถ่ายภาพต่อเนื่องยังได้ถึง 14 ภาพต่อวินาที (ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์) และบัฟเฟอร์ถ่ายภาพต่อเนื่อง 62 ภาพ (JPEG) นั่นเอง
• ลูกเล่นเพิ่มเติมโหมดการถ่ายภาพ : Fuji X–E3 มีโหมดการถ่ายภาพแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ อย่าง Film Simulation ที่มีให้เลือกถึง 15 แบบ จึงสามารถเลือกโทนและเฉดสีหลากหลาย เช่นเดียวกับสีฟิล์มภาพยนตร์ หรือใครที่ชอบภาพแนว monochrome ก็เลือกใช้โหมด ACROS ได้ สุดท้ายคือ Advanced Filters ที่มาช่วยสร้างความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ ทำให้รู้สึกสนุกทุกเวลาถ่ายภาพ เมื่อได้ลองเปลี่ยนวัตถุและโลเคชั่นไปตามที่ใจต้องการ ทำให้เรียกได้ว่าเป็นกล้องถ่ายรูปที่ครบครันจริง ๆ หากใครที่กำลังมองหา กำลังคิดว่าจะซื้อ กล้อง mirrorless ตัวไหนดี กล้อง Fuji X-E3 เป็นตัวเลือกที่ต้องห้ามมองข้าม
—————
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.fujifilm.co.th/en/products/consumer_products/digital_cameras/xseries/fujifilm_x_e3/
RECOMMENDED CONTENT
“Smile” ซิงเกิ้ลล่าสุดจากวงดนตรีวงดนตรีที่ดีที่สุดของสห […]