ป๊อป ที่ย่อมาจากคำว่า “ป๊อปปูล่า” เป็นแนวดนตรีที่ยากแก่การหาคำมาจำกัดความได้ สไตล์ดนตรีป๊อปมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ดนตรีป๊อปก็ยังคงความเป็นดนตรีที่มีทำนองติดหูฟังง่าย มีท่อนฮุกที่ร้องซ้ำๆไปมา และมีความเข้าถึงคนหมู่มากได้อย่างรวดเร็ว ในยุคปัจจุบัน ดนตรีป๊อปมีส่วนผสมของดนตรีแนวแดนซ์และแร็ปค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ในแก่นแท้ของความเป็นป๊อปจริงๆแล้ว แต่ละอย่างที่ว่ามาข้างต้นคือคำจำกัดความที่เห็นจะชัดที่สุดสำหรับความหมายของคำว่า “ป๊อป”
การคิดที่จะทำลิสต์ “50 หน้าปกป๊อปอัลบั้มที่ดีที่สุดในรอบห้าปี” นั้นแน่นอนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ความน่าสนใจและที่คิดว่าน่าสำคัญของลิสต์นี้ก็คือทุกคนจะได้รู้ถึงเบื้องหลังของหน้าปกพวกนี้ โดยเฉพาะหน้าปกป๊อปอัลบั้มที่เพิ่งออกมาเมื่อไม่นานมานี้อย่าง “Prism” ของ Katy Perry “ARTPOP” ของ Lady Gaga “Night Time, My Time” ของ Sky Ferreira และ “Matangi” ของ M.I.A. ที่ถ้าลองกลับมามองดูอีกทีดีๆจะสังเกตได้ว่าหน้าปกป๊อปอัลบั้มมักนิยมใช้ภาพหันหน้าตรงเห็นเด่นชัด และบางทีก็ไม่มีลูกเล่นหรือเรื่องของสไตลิ่งเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรมาก
แต่ถ้าพูดถึงอัลบั้มของศิลปินอินดี้ การใช้จินตนาการในการออกแบบหน้าปกดูเหมือนจะมีมากกว่า อย่างเช่น “Merriweather Post Pavilion” ของ Animal Collective นั้นจะมีความเป็นภาพลวงตาอยู่สูง อัลบั้ม “Blitz” ของวง Yeah Yeah Yeahs ก็เป็นภาพถ่ายของมือที่กำลังกำไข่ หรือจะเป็นหน้าปกอัลบั้มทั้งสามเวอร์ชั่นของ Santigold ที่เธอกำลังโพสท่าข้างหน้าภาพวาดของรูปเธอเองสำหรับอัลบั้ม “Master of My Make Believe”
ในลิสต์นี้จะรวบรวมอัลบั้มที่ออกวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2008 จนถึงปัจจุบัน วันนี้เราเอาแค่ 10 อันดับมาฝากให้ทุกคนได้ดูกันก่อน ใครที่อยากดูทั้งหมด 50 อันดับก็คลิกเข้าไปดูตามลิงค์นี้ได้เลย http://www.complex.com/art-design/2013/11/best-pop-album-covers/ คราวนี้พวกเรามาดูกันดีกว่า ว่า 10 อันดับหน้าปกป๊อปอัลบั้มที่ดีที่สุดในรอบห้าปีที่ผ่านมาเป็นของศิลปินคนไหนบ้าง
10. “Reflektor”, Arcade Fire
Release date: 28 ตุลาคม 2013
Photography: Caroline Robert, Korey Richey
Art Direction: Caroline Robert
Labels: Merge, Sonovox
เมื่อไม่นานมานี้วง Arcade Fire เพิ่งปล่อยอัลบั้มที่สี่ออกมาให้แฟนๆได้หายคิดถึงกับ “Reflektor” ถึงแม้ว่าในอัลบั้มนี้จะเต็มไปด้วยซาวด์และจังหวะดนตรีที่ได้อิทธิพลมาจากวัฒนธรรมของชาวเฮติ แต่ในซีดีที่สองของอัลบั้มกลับมีสองเพลงอย่าง “Awful Sound (Oh Eurydice) และ “It’s Never Over (Hey Orpheus)” ที่เกี่ยวกับคู่รักในตำนานกรีก
หน้าปกของอัลบั้ม “Reflektor” ได้ใช้รูปปั้นของ Orpheus และ Eurydice ที่ปั้นโดย Auguste Rodin นักปั้นชาวฝรั่งเศสเมื่อปี 1893 บนหน้าปกนี้ Orpheus กำลังกอดคนรักอย่าง Eurydice โดยทั้งคู่ถูกห้อมล้อมด้วยแสงเฮโล (halo) ท่ามกลางแบ็คกราวด์ของจักรวาล ความมืดมิดของแสงเฮโลที่ตัดกับสีขาวสว่างของรูปปั้นทั้งสอง เป็นความตั้งใจที่จะให้คนฟังสัมผัสได้ถึงธีมโดยรวมของอัลบั้มนี้
9. “channelORANGE”, Frank Ocean
Release date: 10 กรกฎาคม 2012
Photography: Dave Eggar
Album artwork: Thomas Mastorakos, Aaron Martinez, Phil Toselli
Label: Def Jam
Frank Ocean เลือกใช้วิธีที่ง่ายที่สุดในการออกแบบหน้าปกอัลบั้มแรกของเขา โดยใช้ฟ้อนต์ Copper Black ในการสื่อถึงที่มาที่ไปของเขาที่เริ่มต้นจากกลุ่มฮิปฮอปชื่อว่า Odd Future และนำฟ้อนต์นี้มาอยู่เคียงข้างฟ้อนต์ Sans-Serif เพื่อแสดงให้เห็นว่าถึงแม้เขาจะอยู่ตรงนี้ในสิ่งแวดล้อมของปัจจุบัน แต่เขาก็ยังไม่ลืมแบ็คกราวด์ของเขา อัลบั้ม “channelORANGE” เป็นอัลบั้มที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพมากพอโดยที่ไม่ต้องออกแบบหรือเติมแต่งอะไรให้มากความสำหรับปกอัลบั้มนี้
8. “Born To Die”, Lana Del Rey
Release date: 31 มกราคม 2012
Photography: Nicole Nodland
Art direction: David Bowden, Lana Del Rey
Labels: Polydor, Interscope, Stranger
ถึงแม้ว่าสไตล์ดนตรีในอัลบั้ม “Born To Die” อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของนักร้องสาวสวย Lana Del Rey จะเป็นอัลบั้มที่แทบจะไม่มีความป๊อปเอาเสียเลย ดั่งเช่นที่นักวิจารณ์เพลง Rob Sheffield จากนิตยสาร Rolling Stone กล่าว แต่หน้าปกอัลบั้มนี้กลับมีความป๊อปอยู่อย่างเห็นได้ชัด เหมือนที่ Lana พยายามที่จะใส่ความป๊อปลงในอัลบั้มของเธอ ดูๆไปภาพนี้มีความลึกลับอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ชอบกล เพราะเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่นอกเฟรมของภาพ หรืออาจจะเป็นสีหน้าที่ดูเฉยชาของ Lana ก็เป็นได้ ส่วนการเลือกใช้ฟ้อนต์บนหน้าปกก็ดูเรียบง่ายแต่กลับมี impact ต่อคนดู คงต้องขอบคุณ Ray Larabie ทีเป็นคนออกแบบตัวอักษรที่ชื่อว่า Steelfish นี้
7. “Visions”, Grimes
Release date: 31 มกราคม 2012
Album design: Mark Khair
Label: Arbutus
ต้องบอกว่า Claire Boucher ศิลปินสาวจากแคนาดาคนนี้ หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อของ “Grimes” เป็นคนที่เต็มไปด้วยความสามารถ เหมาะแก่การที่พวกเราจะเรียกเธออย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็น “ศิลปิน” อย่างแท้จริง เพราะนอกจากเธอจะเป็นนักร้องแล้ว เธอยังมีความสามารถทางด้านแฟชั่น กำกับวีดีโอ และโปรดิวส์เพลง แต่ดูเหมือนจะเป็นภาพลักษณ์และปกอัลบั้มของเธอมากกว่าที่แฟนๆของเธอดูเหมือนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ
หลายคนคงสงสัยเหมือนกันว่าภาพหน้าปกอัลบั้ม “Visions” นี้มีความหมายว่าอะไร ตั้งแต่หัวกะโหลกแลบลิ้นที่มีเพชรอยู่ในช่องลูกกะตา ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยลายเส้นโหดๆ แถมยังมีรูปของโบว์เด็กผู้หญิงสไตล์การ์ตูนอยู่ตรงมุมภาพ แล้วไหนจะหัวเอเลี่ยนที่กำลังร้องไห้อยู่บนสามเหลี่ยมปิรามิดและรูปหัวใจหวานแหววอีกล่ะ ถ้าใครไม่รู้นี่คงนึกว่าภาพนี้คงเป็นหน้าปกอัลบั้มวง heavy-metal ยุค 80 ที่ไหน แต่มันก็ช่างเป็นภาพที่ดูแปลกแหวกแนว เข้ากับความ “แปลก” ของซาวด์ดนตรีและตัวศิลปินของอัลบั้มคุณว่ามั้ย?
6. “The Fame Monster”, Lady Gaga
Release date: 23 พฤศจิกายน 2009
Photography: Hedi Slimane
Art direction: Julian Peploe Studio
Labels: Streamline, Konlive, Cherrytree, Interscope
ถึงแม้ Gaga จะแสดงตัวตนออกมาอย่างชัดเจนจากอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของเธอใน The Fame เธอก็ยังไม่คิดที่จะลดความแรงของตัวเองลงสำหรับอัลบั้ม EP ที่ตามมาติดๆอย่าง “The Fame Monster” ณ เวลาที่อัลบั้ม EP นี้วางแผงไม่ถึงปีหลังจากอัลบั้มแรกของเธอ อิทธิพลของ Gaga ในวงการเพลงป๊อปนั้นยากที่จะมีใครมาสู้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน Gaga ยังต้องพยายามต่อสู้ที่จะได้ลุคแบบที่เธอต้องการสำหรับอัลบั้ม The Fame Monster เพราะทางค่ายของเธอมีความคิดว่ามันดู gothic มากเกินไป จากฝีมือการสไตลิ่งของ editor ชื่อดัง Nicola Formichetti และการถ่ายภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hedi Slimane หน้าปกทั้งสองเวอร์ชั่นของอัลบั้มนี้จึงดูมีเสน่ห์และสวยสะดุดตาอย่างที่เห็น “คุณไม่รู้ว่าป๊อปคืออะไร เพราะว่าทุกคนต่างบอกฉันว่าฉันไม่ป๊อปเมื่อปีที่แล้ว” Gaga กล่าวกับทาง Rolling Stone เมื่อปี 2009 “แล้วดูตอนนี้สิ…ไม่ต้องมาบอกฉันว่าป๊อปคืออะไร เพราะฉันรู้ดีว่าป๊อปคืออะไร” และนั่นก็กลายเป็นลุคที่ศิลปินหญิงคนอื่นๆต่างพยายามเอาอย่างนับแต่นั้นเป็นต้นมา
5. “Lungs”, Florence and the Machine
Release date: 3 กรกฎาคม 2009
Photography: Tom Beard, Wade Fletcher
Art direction: Tabiltha Denholm
Label: Island
บนหน้าปกของอัลบั้ม “Lungs” เราจะเห็น Florence Welch มีปอดเทียมที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับหน้าปกอัลบั้มนี้อยู่บนหน้าอกของเธอ หลังจากที่ Lungs ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Mercury Prize ได้ไม่นาน เบื้องหลังของการออกแบบหน้าปกนี้ก็ถูกเปิดเผย โดยมี Orlando Weeks จากวง The Maccabees เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างปอดเทียมที่อยู่บนหน้าอกของ Welch ส่วนไอเดียนี้ก็เป็นของ Welch เอง ส่วน art direction นั้นเป็นของ Tabiltha Denholm และต้องยกความดีความชอบในการถ่ายภาพที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนี้ให้ช่างภาพ Tom Beard ที่สามารถถ่ายภาพออกมาดูเต็มไปด้วยชีวิตขนาดนี้
4. “Some Nights”, fun.
Release date: 21 กุมภาพันธ์ 2012
Photography: Nacho Alegre, Lindsey Byrnes
Art direction: David J. Harrigan III
Label: Fueled By Ramen
ภาพถ่ายฝีมือช่างภาพ Nacho Alegre สำหรับอัลบั้มชุดที่สองของ fun. นี้ช่างเป็นภาพที่เก็บรายละเอียดของความรู้สึกสับสนปนความอันตรายของการปาร์ตี้หนักแบบขาดสติได้อย่างดีเยี่ยม จริงๆแล้วภาพนี้ดูน่ากลัวปนหดหู่หน่อยๆด้วยซ้ำ เพราะมันสื่อให้เห็นถึงความไม่ยั้งคิดและไม่ระวังในยามที่คนหนุ่มสาวมีความคึกคะนอง แสงไฟสีน้ำเงินที่เล็ดลอดเข้ามาจากหน้าต่างของห้องที่ดูเหมือนเป็นโรงแรม ภาพของผู้ชายที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นและในมือกำลังถือไฟแช็คเหมือนเตรียมจะเผาห้อง บวกกับภาพที่ดูมัวๆที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังฝันกลางวัน รวมทั้งตัวอักษรใหญ่และหนาที่วางอยู่ข้างบน ทั้งหมดให้ความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากฝันร้าย
3. “Contra”, Vampire Weekend
Release date: 11 มกราคม 2010
Photography: Tod Brody
Art direction: Asher Sarlin, Rostam Batmanglij
Label: XL
มีหลายเหตุผลว่าทำไมหน้าปกอัลบั้มนี้ของวง Vampire Weekend ถึงดูเจ๋ง เหตุผลสำคัญก็คือนางแบบบนหน้าปกคนนี้ที่ชื่อว่า Ann Kirsten Kennis ดูสวยและดึงดูดสายตาด้วยเสื้อยืดโปโลสีเหลืองมะนาวอ่อน (บ่งบอกถึงความเป็นเด็ก prep school สุดเนี้ยบของหนุ่มๆประจำวงทันที) ถึงแม้ว่าแสงแฟลชจะดูสว่างเกินไปก็ตาม ภาพถ่ายโพลารอยด์จากปี 1983 นี้ถูกค้นพบโดย Rostam Batmanglij หนึ่งในสมาชิกของวง ตอนที่เขาพยายามหาภาพถ่ายจากแฟ้มภาพของปีนั้น และด้วยคุณภาพที่ยังดูสมบูรณ์ของภาพถ่ายใบนี้เอง หนุ่มๆวง Vampire Weekend จึงตัดสินใจเลือกรูปนี้มาเป็นหน้าปกของอัลบั้ม
“สำหรับผม มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับภาพถ่ายของคนที่ให้ความรู้สึกพิเศษ โดยเฉพาะถ้าภาพถ่ายนั้นๆออกมาดูดี แถมสีหน้าของผู้หญิงคนนี้ก็มีความว่างเปล่า ซึ่งสามารถปล่อยให้แต่ละคนตีความได้หลากหลายรูปแบบ” Ezra Koenig นักร้องนำประจำวงกล่าวกับ MTV “พวกเราเลยสนใจภาพนี้เป็นพิเศษ และพวกเราต่างก็ตีความสีหน้าของเธอแตกต่างกันออกไป ทุกคนจึงรู้สึกว่าภาพถ่ายนี้เข้ากับธีมโดยรวมของอัลบั้ม”
แต่กลับกลายเป็น Kennis เสียเองที่ไม่ปลื้มไปกับพวกเขา เพราะในปี 2010 เธอได้ฟ้องร้องกับทางวงและค่ายเพลง XL ที่ใช้ภาพถ่ายของเธอโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต (เธอมารู้เข้าหลังจากที่เห็นลูกสาวของเธอกลับบ้านมาพร้อมกับอัลบั้มนี้และโชว์ให้เธอดู) ประมาณหนึ่งปีหลังจากนั้น ตอนหลังเธอก็ยกเลิกการฟ้อง หลังจากที่ทางวงได้จ่ายเงินให้เธอโดยที่ไม่เปิดเผยจำนวนเงิน
2. “Biophilia”, Bjork
Release date: 10 ตุลาคม 2011
Photography: Inez van Lamsweerde and Vinoodh Matadin
Art direction: M/M (Paris)
Labels: One Little Indian, Polydor
ถือว่าเป็นอัลบั้มที่ตระการตามากๆสำหรับ “Biophilia” ของ Bjork ไม่ใช่แค่เรื่องดนตรีในอัลบั้มเท่านั้น แต่ยังรวมทั้งการพรีเซ้นต์ของตัวอัลบั้มด้วย Biophilia เป็นทั้งแอพพลิเคชั่นที่สามารถเล่นแต่ละเพลงจากแอ็พ iPad ได้ถึงสิบแอพ และที่สำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือหน้าปกอัลบั้มที่สวยพิเศษจริงๆ
สตูดิโอครีเอทีฟ M/M Paris ผู้รับหน้าที่เป็น art director ให้กับอัลบั้มนี้ถึงกับได้รางวัล Grammy Award สำหรับการออกแบบ packaging ของอัลบั้มโดยเฉพาะ ส่วนภาพถ่ายก็เป็นฝีมือของช่างภาพดูโอ้ Inez and Vinoodh ในภาพนี้จะเห็น Bjork ในคอสตูมที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์มากหน้าหลายตา ตั้งแต่วิกผมที่ออกแบบโดย Eugene Souleiman ชุดของ Iris van Herpen ไปจนถึงเข็มขัดรูปทรงฮาร์ปสุดตระการตาของ threeASFOUR
1. “Michael”, Michael Jackson
Release date: 10 ธันวาคม 2010
Cover art: Kadir Nelson
Art direction: Christina Rodriguez, Sheri Lee
Labels: Epic, MJJ
หน้าปกอัลบั้ม “Michael” ที่อัดแน่นไปด้วยเพลงใหม่ๆของ Michael Jackson หลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี 2009 เป็นภาพวาดฝีมือของนักเขียน นักวาดภาพประกอบ และ ศิลปินชื่อดัง Kadir Nelson ผู้ที่เคยวาดภาพหน้าปกอัลบั้มของ Marvin Gaye และล่าสุดสำหรับอัลบั้ม Nothing Was the Same ของ Drake สำหรับหน้าปกของอัลบั้ม Michael ดูเผินๆเหมือนเป็นภาพคอลลาจจากแต่ละยุคของ Michael Jackson แต่ถ้าตั้งใจดูดีๆภาพนี้ได้สื่อถึงช่วงเวลาทั้งขาขึ้นและขาลงของราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับ ต้องขอชมเชยฝีมือของ Nelson ที่สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆของชีวิต Michael Jackson และสื่อออกมาให้คนดูเข้าใจได้ง่าย ภาพนี้เป็นที่ชื่นชมจากสื่อต่างๆอย่างล้นหลาม ถึงขนาดถูกทำเป็นภาพขนาดใหญ่ยักษ์ถึง 29,000 ตารางฟุตในเมือง Middlesex ประเทศอังกฤษ จนในที่สุดได้กลายเป็นโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สมกับความยิ่งใหญ่ของราชาเพลงป๊อป Michael Jackson จริงๆ
Credit: Complex
RECOMMENDED CONTENT
เสนอโปรโมชั่นพิเศษท่องเที่ยวภาคใต้แบบโดนใจ พร้อมชวนออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ กับภาคใต้ช่วงหน้าฝน พร้อมช่วยกันเปิดมุมมองรีวิวเมืองรองปักษ์ใต้ ชิงเงินรางวัลกว่า 2 แสนบาท