งาน WWDC (The Apple Worldwide Developers Conference) ที่บรรดา Apple Fanboy ตั้งตารอคอยกันเป็นประจำทุกๆปี ปีล่าสุดนี้มีการเคลื่อนไหวที่เป็นที่ฮือฮากันในโลกออนไลน์พอสมควร นั่นก็คือ การเปิดตัว iOS8 ระบบปฏิบัติการบนบรรดา i ของพวกเขา มาดูว่าอัพเดต iOS รอบนี้ แก๊งค์ของนาย Tim Cook (CEO คนปัจจุบัน) จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมาให้เราเห็นบ้าง!?
ในส่วนของ App หลักๆที่มีประจำในทุกๆเครื่องมีการอัพเดตมากมายเกิดขึ้น เราขอหยิบในส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงเห็นได้ชัดมาเล่าให้ฟังละกัน
Photos: App เก็บรูปถ่ายต่อไปนี้เราจะไม่ได้ถ่ายแล้วเก็บไว้ในเครื่องอย่างเดียว แต่ให้มองเป็นเก็บไว้ใน App ดีว่า ถ้ายังฟังดูงงๆ ก็คือต่อไปนี้รูปที่เราถ่ายจะถูกโยนเข้า iCloud Photo Library และลิงค์เข้ากับ iPhone หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆของ Apple ที่ใช้ Account เดียวกัน เพราะฉะนั้นต่อไปนี้จะถ่ายหรือจะเก็บรูปอะไร ต้องระวังอีกเครื่องที่เก็บไว้ที่บ้านกันให้ดี…
Camera: เพิ่มเติมฟังก์ชั่นโหมด Time Lapse ที่ใช้ถ่ายรูปต่างเวลา เช่น ถ่ายตั้งแต่ฟ้าเริ่มมืด อาทิตย์ตกดิน ยาวไปจนถึงดาวขึ้นฟ้า นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้ฟิลเตอร์ตกแต่ง ที่แว่วๆมาว่างานนี้ใช้งานร่วมกับ App อื่นในเครื่องใช้ตกแต่งวิดีโอที่เราถ่ายได้ด้วย!
Messages: หลังจากรู้ว่า Naver จากญี่ปุ่น ส่ง LINE มาครองใจประชาชนมาสักพัก ถึงทีที่ Messages App ส่งข้อความติดเครื่องจะไม่ทนอีกต่อไป เพิ่มฟังก์ชั่นการส่งคลิปเสียงที่สามารถกดรับแล้วฟังได้ รวมถึงฟังก์ชั่นส่งคลิปวิดีโอ และที่น่าสนใจคือการ Chat แบบเป็นกลุ่มก็สามารถทำได้แล้ว (ก็คือระบบ iMessage ผ่านอินเตอร์เน็ตที่นับวันจะไม่ได้เรียกว่าการส่ง SMS ไปทุกที) ที่พิเศษที่สุดคือลูกเล่นการแชร์โลเคชั่นให้เพื่อนๆคนอื่น ตรงนี้ล่ะที่น่าจะทำให้ LINE ร้อนๆหนาวๆขึ้นมาบ้าง
Spotlight: ตัวละครลับประจำเครื่องของทุกคน ที่เพียงแค่ Swipe หน้าจอไปทางซ้ายต่อจากเมนูแรกคุณก็ได้พบกับเขาแล้ว (ที่ขึ้นเป็นคีย์บอร์ดกับช่องเสิร์ชขึ้นมา) สำหรับ iOS8 Spotlight จะมอบความสะดวกสบายได้มากขึ้นกว่าเดิม (สมัยก่อนแค่หาแอพในเครื่อง) ต่อไปนี้ Spotlight จะรองรับ Search Engine ของ Wikipedia ที่เพิ่มเข้ามา และสามารถถามหาร้านอาหาร ตั๋วหนัง รอบหนังในโรงใกล้เคียงได้ด้วย (แต่เมืองไทยอาจจะยังไม่รองรับในจุดนี้)
นอกจากตัว App ที่เป็นรูปธรรมแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงยิบย่อยเข้ามามีบทบาทพอสมควร อย่างแรกเลยคือเรื่องการดีไซน์ใหม่หน้า Mail และ Safari ที่ปรับปรุงให้ใช้งานง่ายขึ้น ระบบ Notification ที่ชอบเด้งเตือนจาก App ต่างๆ ต่อไปนี้เราสามารถถามตอบกับมันได้เลย ไม่ต้องกดเข้าไปใน App รวมถึงฟีเจอร์ใหม่อย่าง Family Sharing ที่จะตอบโจทย์ครอบครัว แก้ปัญหาลูกแอบโหลดแอพโดยไม่ขอพ่อแม่ ต่อไปนี้จะสามารถควบคุมดูแลได้ง่ายขึ้น ตัวแป้นคีย์บอร์ด ที่จะฉลาดรู้ใจเรามากขึ้น สามารถตอบคำถาม Yes No หรือ คำถามเลือกสักข้อเช่น Thai or Siam ให้เราเลือกได้ง่ายขึ้น (จะฉลาดยังไงต้องลองเล่นกันดู) ต่อมาคือลูกเล่น TouchID เพียงแตะนิ้วก็ปลดล็อคจะไม่ได้ใช้แค่หน้า Home เท่านั้น เราสามารถเซตให้สแกนนิ้วก่อนเข้าแอพใดแอพหนึ่งได้เลย สุดท้ายคือฟีเจอร์ที่เรียกว่า “Enterprise” (รูปลูกศร) จะมาช่วยทำให้เรามีความ Productivity ในการทำงานคู่กับแอพต่างๆมากขึ้น ซึ่งเมื่อรายละเอียดทั้งหมดนี้มารวมกันจะทำให้สมาร์ทโฟนของเราเปลี่ยนเป็นคนละเครื่องโดยแทบไม่รู้ตัว ทีนี้เราจะมาดูกันบ้างว่า มี App ติดเครื่องใหม่ๆที่ Apple ภูมิใจนำเสนอพร้อมการอัพเดตครั้งนี้กันบ้าง…
iCloud Drive: อันนี้คงถูกใจหลายคนสุดๆ กับการเก็บข้อมูลลงใน iCloud ของเราแบบเป็นชิ้นเป็นอัน ต่อไปนี้เราสามารถเก็บไฟล์ต่างๆไว้ในเครื่องเราได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นรูป เพลง จะ PDF ไฟล์ข้อมูลอะไรก็ตามก็สามารถโยนเข้า Drive นี้ได้ ที่สำคัญคือสามารถเชื่อมต่อส่งกับ Mac เครื่องอื่นๆ รวมถึง PC ได้ด้วย แก้ปัญหาใส่ไฟล์ลำบากที่ทุกคนเบื่อได้ไปเปราะหนึ่ง เอาจริงๆสมควรออกมาตั้งนานแล้วล่ะ เพราะก่อนหน้านี้จะรับส่งไฟล์ทีไรต้องไปง้อ App Dropbox หรือฝั่ง Android เขาก็มี Google Drive มาตั้งนาน!
Health: ตามคาดว่า หลังจาก iPhone 5S มีระบบที่สามารถเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวเราได้ แผนต่อไปของ Apple ก็คือการรวมเอาอุปกรณ์ Health and Fitness ทั้งหลายมารวมอยู่ในโทรศัพท์ของพวกเขา (ปูทางไปสู่ iWatch ในอนาคตแน่ๆ) ซึ่ง App ที่ชื่อว่า Health นี้สามารถเก็บข้อมูลร่างกายของเราได้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ การเผาผลาญแคลอรี่ ระยะทางที่ออกกำลังกาย และอีกมากมาย น่าสนใจเหมือนกันว่า ในอนาคตคงมีแอพที่เกี่ยวกับสุขภาพผุดขึ้นอีกเพียบแน่ๆ
นอกจากแอพที่เพิ่มเข้ามาแล้ว ฟีเจอร์ใหม่สุดท้ายที่เราอยากพูดถึงคือการทำงานร่วมกันระหว่าง iOS8 กับ OS X Yosemite (ใช้กับเครื่อง Mac) ที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ WWDC รอบนี้เลยก็ว่าได้ ต่อไปนี้เราสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ Apple ของเราได้อย่างสะดวกแล้ว ทั้ง iPad iPhone รวมถึง Macbook ทั้งหลาย ถ้าที่เห็นผลง่ายๆเลยก็คือเราสามารถใช้ Macbook และ iPad รับสายโทรเข้าและโทรออกได้! และยังรวมไปถึงการเก็บข้อมูลที่ง่ายชึ้นอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดที่เราเก็บมาฝากกันวันนี้อาจจะเป็นเพียงแค่บางส่วนที่หยิบมาเท่านั้น ใครอยากอัพเดตแบบเต็มๆลองเข้าไปอ่านในเวปไซต์ของ Apple กันได้เลย https://www.apple.com/ios/ios8/
Writer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
ทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดบ้านให้เราเข้าไปเยี่ยมชม Work Space ที่เชื่อในแนวคิด Open Innovation ซึ่งสนับสนุนการทำงานในโลกยุคใหม่ที่ไม่ต้องมีออฟฟิศประจำ แต่ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างอิสระใน Sharing Space ที่มีหลากหลายองค์กรอยู่ร่วมกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดบทสนทนา เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ช่วยสร้างคอมมิวนิตี้ของคนทำงานเข้าด้วยกัน