ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าติสต์หรือต้านโลกดี รู้แต่ว่าวิธีการคิดและวิธีการใช้ชีวิตของลูกๆ Will Smith นั้นประหลาดกว่าชาวบ้านธรรมดาๆ ทั่วไป ซึ่งไม่ใช่แค่การไม่ทำตามเสียงคนหมู่มาก หรือว่าต้านกระแส ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ประมาณว่า ถ้าคนอื่นไปซ้าย ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไปขวา ทั้งคู่ไม่ได้เปรยตามองด้านขวาด้วยซ้ำ แต่ Jaden และ Willow Smith จะทำถนนใหม่ให้ตัวเองเดินเอง…
ประการแรกคือเรื่องดนตรี หลายคนอาจยังจำบีตที่ทำลายโสตประสาทของเพลง Whip My Hair ของ Willow Smith ได้เลย เพียงแค่ท่อนแรกขึ้น หรือบางคนอาจฮัมได้เลยด้วยซ้ำ นี่คือตัวอย่างที่อธิบายการสร้างถนนชื่อ Smith ได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งคู่เกลียดดนตรีสมัยปัจจุบันมากๆ ถึงขั้นไม่มีเพลย์ลิสต์โปรดในใจเลยแม้แต่เพลงเดียว ไม่ว่าเพลงนั้นจะดังขนาดไหน พวกเขาก็เกลียด ซึ่งพวกเขาแก้ปัญหาการฟังเพลงด้วยการทำเพลงเองขึ้นใหม่ เราเลยได้ฟังเพลงในแนว Smith อย่างเพลง Whip My Hair ถ้าพวกเขามีเวลาว่างร่วมกันเมื่อไร เป็นอันต้องทำเพลงขึ้นเสมอ ฟรีสไตล์สุดๆ ไม่มีกรอบ อยากร้องอะไรก็ร้อง อยากทำบีตแบบไหนก็ทำแบบนั้น
ประการที่สองคือเรื่องการศึกษา ทั้งคู่เกลียดการเรียนในโรงเรียนเป็นที่สุด โดยพวกเขาเห็นว่าโรงเรียนนั้นไม่ได้ให้อะไรกับเขาเลย “คนเราเรียนรู้ไม่จบไม่สิ้น เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกวัน การไปโรงเรียนมันมีวันจบการศึกษา แต่ชีวิตเรายังต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ” แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาเกลียดการเรียน พวกเขาเลือกที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองต่างหาก เพราะพวกเขาเลือกอ่านแต่หนังสือเนื้อหาหนักๆ ทั้งนั้น ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าเชื่อ พวกเขาอ่าน Quantum Physics งี้ Osho งี้ ไหนจะ The Ancient Secret of the Flower of Life อีก แต่ก็นะ ถึงแม้จะอ่านอะไรแบบนี้ Willow ก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี วิลโลวก็เลยลงมือเขียนนิยายด้วยตัวเองซะเลย เขียนเสร็จก็อ่านเอง ไม่มีอะไรดีเท่าสิ่งที่เขาทำแล้ว!
ประการที่สามคือเรื่องการแต่งตัว จริงอยู่ที่ทั้งคู่เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่เจเดนและวิลโลวกลับไม่ได้บ้าแบรนด์เนมอย่างลูกคนดังทั่วไป ทั้งคู่เลือกแต่งตัวอย่างที่ตัวเองอยากแต่ง การได้เห็นเจเดนใส่กระโปรงถ่ายแบบให้กับ Louis Vuitton นั้นจึงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพร์ส เจเดนเป็นคนชอบใส่ชุดโคร่งๆ หลวมๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะใส่ฮิปฮอปตลอดกาล มีช่วงหนึ่งเขาใส่เสื้อสไตล์กิโมโนเป็นประจำ บางทีก็เห็นเขาใส่เสื้อยาวเกือบถึงเข่าอย่างกับชุดเดรส ส่วนวิลโลว เธอว่าเธอใส่อะไรก็ได้ ขอเป็นสไตล์ที่เธอใส่แล้วยังปีนต้นไม้เล่นได้ก็พอ
ประการที่สี่ คือ เป้าหมายในชีวิต เด็กคนอื่นอาจตอบว่า โตขึ้น หนูจะเป็นหมอ แต่สำหรับเด็กบ้านนี้ พวกเขาให้คำตอบที่ไม่มีใครคาดถึง “ผมจะเป็นคนที่บ้าที่สุดในโลก การที่ผมบอกว่าบ้าที่สุด ผมหมายถึงทำอะไรก็ทำให้สุด แล้วผมก็อยากเป็นคนที่อดทนที่สุดในโลกใบนี้ด้วย” เช่นเดียวกับทางน้องสาว “ตอนฉันอยาก 20 หรือ 30 ฉันจะปีนภูเขาให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้” ซึ่งการปีนภูเขาในที่นี้ก็ไม่ใช่กิจกรรมการปีนผาหรือเดินขึ้นเขา แต่เธอพูดเชิงปรัชญาว่า เธอจะทำทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่างหาก ซึ่งในที่นี้ก็น่าจะหมายถึงการแสดงและการทำเพลง
สาเหตุที่คนคิดว่า พวกเขาบ้าๆ บอๆ ก็อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจกระบวนความคิดที่ตกตระกอนแล้วของเด็กสองคนนี้ต่างหาก เจเดนและวิลโลวไม่ต้านโลก เพียงแต่พวกเขาเรียนรู้ อ่าน และทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วต่างหาก
Writer: jt.
RECOMMENDED CONTENT
เรียกได้ว่ากลายเป็นเพลงที่ถูกพูดถึงมากที่สุดทันที ตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างเพลงและมิวสิควิดีโอสั้น ๆ มาให้แฟน ๆ ได้ฟังได้ชมกันไปก่อนหน้านี้ ถึงขั้นขึ้นเทรนด์อันดับ 1 #SadMovieTeaser บนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะทวิตเตอร์ที่คว้าอันดับ 1 ทั้งไทยและต่างประเทศ