“ไอเดียของนิตยสาร Kinfolk เกิดขึ้นจากการพยายามอธิบายถึงความรู้สึกที่มีต่อช่วงเวลายามเย็นที่พวกเราได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนๆในขณะที่ช่วงเวลานั้นผ่านไปอย่างช้าๆ การพูดคุยกันโฟลไปตามธรรมชาติ การเข้าครัวทำอาหารเกิดจากการสมัครใจของแต่ละคน และการที่คำ่คืนนั้นผ่านไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจที่ทุกอย่างสำเร็จไปด้วยดี” นี่คือคำอธิบายของ Nathan Williams เจ้าของและบรรณาธิการนิตยสาร Kinfolk ในบทนำของหนังสือ “The Kinfolk Table” เราได้คอยติดตามและชื่นชม Kinfolk อยู่ห่างๆนับตั้งแต่ที่นิตยสารเพิ่งเริ่มเป็นที่รู้จักในบ้านเรา ไม่ใช่เพียงเพราะการถ่ายภาพที่สวยเกินคำบรรยายหรือสไตล์การเขียนที่จริงใจและอ่อนน้อมถ่อมตน แต่เพราะปรัชญาที่มีต่อการใช้ชีวิตแบบสนุกสนานในเชิงติดดินและเอาใจใส่เพื่อนพ้องของคนใน community ตัวเองต่างหากที่เรานับถือ จากทุกหน้ากระดาษของนิตยสาร Kinfolk เห็นได้ชัดว่าไลฟ์สไตล์ที่พวกเขาพยายามจะสื่อถึงไม่ใช่การนิยมไปงานเลี้ยงสังสรรค์หรูหราฟู่ฟ่าอะไรเลย แต่การได้มาจอยน์กันของคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทแบบสบายๆเป็นกันเอง และความอิ่มเอมใจที่มีต่อความเรียบง่ายนี่แหละที่เป็นกุญแจสำคัญ
อาหารคือสิ่งสำคัญและถือว่ามีอนุภาพสูงสุดสิ่งหนึ่งที่สามารถหล่อหลอมผู้คนเข้าหากันได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็จะนำมาสู่การเจริญเติบโตของความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่แน่นแฟ้นและต่อยอดไปถึงการรวมกลุ่มสุดพิเศษ เพราะสิ่งนี้เองที่ก่อให้เกิดการมาถึงของหนังสือเล่มหนาปกแข็งสุดสวยที่พวกเราเห็นกันอยู่นี้อย่าง “The Kinfolk Table: Recipes for Small Gatherings”
สำหรับหนังสือเล่มนี้ Nathan Williams ได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อเก็บเกี่ยวสูตรทำอาหารจากกลุ่มคนที่รักการทำอาหารอยู่กับบ้าน ซึ่งพวกเขาให้ความสำคัญกับการได้มารวมกลุ่มกันของผองเพื่อนแบบเรียบง่ายที่บ้านดั่งเช่น Kinfolk ทั้ง Williams และทีมงานของนิตยสารจะพาพวกเราไปถึงบ้านของ contributors แต่ละคน ไล่มาตั้งแต่เชฟทำอาหาร คนทำขนมปัง นักเขียน บล็อกเกอร์ ช่างฝีมือ และ ศิลปิน โดยพวกเขาได้นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารกับเหล่า contributors แต่ละคน ในขณะเดียวกันก็ถามคำถามและจดโน๊ตเกี่ยวกับสูตรอาหารและเคล็ดลับต่างๆ ซึ่งโน๊ตเหล่านั้นก็ได้ถูกถ่ายทอดกลับมาบนทุกหน้ากระดาษของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งแต่ละบทความจะเก็บรายละเอียดสำคัญของแต่ละ contributors ให้พวกเราได้เห็นว่าอะไรทำให้พวกเขามีความพิเศษและแต่ละคนมีพิธีรีตองหรือ tradition อะไรที่สามารถดึงคนสำคัญในชีวิตพวกเขาให้มาร่วมโต๊ะอาหารพวกเขาได้ ในส่วนของ contributors แต่ละคนนี้จะจับแยกออกเป็นของแต่ละเมืองได้แก่เมือง Brooklyn, Copenhagen, Portland, Oregon และ the English countryside วิถีชีวิตของพวกเขาแต่ละคนจะจุดประกายให้คุณเกิดแรงบันดาลใจในการจัดรวมกลุ่มหรือ “gatherings” ที่อาจจะเริ่มต้นด้วยการดื่มชาในยามเช้าแสนเรียบง่าย ไปจนถึงการหยิบทานแซนด์วิชขนาดเล็กพอดีคำตอนกลางวัน และเลยไปถึงการดื่มน้ำพั้นช์หรือค็อกเทลในยามค่ำคืน
Contributors ที่รักการทำอาหารอยู่กับบ้านแต่ละคนที่ว่ามานี้ได้แชร์สูตรอาหารที่เรียบง่าย ไม่ยากเย็นจนเกินไป และที่สำคัญในราคาไม่แพงสำหรับการหาวัตถุดิบ เหมาะมากสำหรับใครที่ต้องการเตรียมเมนูทำอาหารที่ทำง่ายและไม่เรื่องมากสำหรับแขก หนึ่ง สอง สาม หรือมากกว่าห้าคนขึ้นไป ในหนังสือปกแข็งเล่มนี้ยังมีสูตรทำอาหารสำหรับทุกมื้อของวัน รวมทั้งสำหรับทุกโอกาส ตั้งแต่หอยนางรมย่างหรือจะเบอร์เกอร์ไก่งวงกับอาโวกาโด (avocado) สำหรับม้ือ outdoor สบายๆ หรือจะเค้กช็อกโกแลตเฮเซลนัทผสมวิสกี้ก็เหมาะมากสำหรับเป็นของหวานตบท้ายงานเลี้ยงสังสรรค์ตอนเย็น นอกจากนี้สูตรทำอาหารที่ได้อิทธิพลมาจากประเทศญี่ปุ่น เกาหลี เม็กซิโก และ ฮอลแลนด์ ก็มีรวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงอาหารว่างที่บ้าน หรือการนั่งจุ่ม lavender tea cake ในกาแฟร้อนสักถ้วยในวันหยุดพักผ่อนที่ไม่เร่งรีบ งานเลี้ยงสังสรรค์ที่ดีที่สุดไม่มีทางหนีพ้นการมีกลุ่มผองเพื่อนที่รู้ใจและเซ้นส์ของการเป็น community บางทีการไปเก็บดอกไม้จากสวนหลังบ้านมาตกแต่งแจกันก็สามารถนำมาสู่การทักทายกับเพื่อนข้างบ้าน เผลอๆอาจจะชักชวนการนัดทานข้าวที่บ้านของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือจะเป็นการใช้เวลาทั้งวันเพื่อหาซื้อผลไม้ดีๆมาทำขนมกับแฟน จะอย่างไรก็ตาม เพื่อให้ experience ของคุณเติมเต็มถึงที่สุด การได้เพื่อนสักหนึ่งคนหรือห้าคนมาร่วมแชรประสบการณ์์ด้วยนั้นถือว่าเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดแล้ว และนี่แหละ ที่ถือเป็นวัฒนธรรมและปรัชญาของ The Kinfolk Table
The Kinfolk Table หนังสือปกแข็งและมีความหนาถึงเกือบๆ 400 หน้าที่รวบรวมสูตรอาหารถึง 85 สูตรด้วยกันนี้ แน่นอน คือหนังสือเกี่ยวกับอาหารอย่างดี แต่ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลยก็คือ หนังสือเล่มนี้เป็นการเปิดเผยเคล็ดลับในการชักชวนกลุ่มเพื่อนหรือคนรู่้จักให้มาร่วมโต๊ะอาหารของคุณ สิ่งที่คุณจะได้จากหนังสือเล่มนี้ก็คือการได้ค้นพบและสร้างสรรค์ความสวยงามและความหมายให้แก่ชีวิตประจำวัน รวมทั้งการแสวงหาความสุขให้กับแต่ละวัน ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นแค่การนั่งดื่มชาหรือนั่งทานไอติมกล่องอยู่กับบ้านก็ตาม
“ผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะได้เป็นส่วนหนึ่งบนชั้นหนังสือ cookbook ของคุณท่ามกลางหนังสือตำราทำอาหารเขียนโดยเชฟชื่อดังคนอื่นๆ หรือตำราทำอาหารอันเก่าแก่ประจำครอบครัว” – Nathan Williams
Writer: Thip S. Selley
Image by: Kinfolk , Veda House
RECOMMENDED CONTENT
Netflix เปิดเผยภาพชุดแรกของ Lupin Part 2 (จอมโจรลูแปง ภาค 2) ซีรีส์ออริจินัลฝรั่งเศสที่สร้างปรากฏการณ์ครองอันดับ 1 ใน Top 10 ของ Netflix ในกว่าสิบประเทศทั่วโลก พร้อมฉายกลางปีนี้