The King: Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ ปิดฉากอีพีสุดท้ายเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความประทับใจของผู้ชม ทั้งซาบซึ้งกับความรักที่เลือกจะ ‘อยู่เพื่อวันนี้และวันนี้เท่านั้น’ และการอธิบายทฤษฎีโลกคู่ขนานที่กลายเป็นหัวข้อสนทนาต่อไปได้ไม่จบสิ้น
และถ้ายังมูฟออนจากฝ่าบาท จองแทอึล โจยอง และเพื่อนๆ ไม่ได้ เรามีลิสต์ซีรีส์ 12 เรื่อง ที่ดูได้ใน Netflix จะมาชวนมูฟออนต่อไปเป็นวงกลม!
#ทีมฝ่าบาท รับบทโดย อีมินโฮ
The Legend of the Blue Sea (2016-2017) เป็นซีรีส์ที่คู่ควรกับการมูฟออน เพราะ The Legend of the Blue Sea สนุกและดังสุดๆ ช่วงที่ออกอากาศ ด้วยพล็อตเรื่องโรแมนติกแฟนตาซีระหว่างนางเงือกสาวกับนักต้มตุ๋น เคมีที่ลงตัวของ อีมินโฮ กับจอนจีฮยอน จะทำให้คุณทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปกับเรื่องราวระหว่างเหตุการณ์ในปัจจุบันกับยุคสมัยโชซอนที่ทั้งคู่ต่างเคยพบและรักกันมาแล้ว
รับชมซีรีส์ได้ที่ ที่นี่
Inheritors (2013) ซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้ที่อีมินโฮนำแสดงคู่กับ พัคชินฮเย ร่วมด้วย คิมอูบิน งานเขียนบทโดย คิมอึนซุก เจ้าของเดียวกับ The King: Eternal Monarch เรื่องของ คิมทัน (อีมินโฮ) ทายาทของ Empire Group ที่เรียนอยู่ต่างประเทศ และได้พบกับ ชาอึนซัง (พัคชินฮเย) ลูกสาวแม่บ้านที่มาตามหาพี่สาว เขาตกหลุมรักเธอโดยที่ไม่รู้ตัว และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่แทบเป็นไปไม่ได้
รับชมซีรีส์ได้ที่ ที่นี่
Boys Over Flowers (2009) ซีรีส์ที่แจ้งเกิดอีมินโฮอย่างเป็นทางการ และทำให้เขาได้รับรางวัล Baeksang Arts Awards ในสาขานักแสดงชายหน้าใหม่ยอดเยี่ยม Boys Over Flowers เล่าเรื่องราวของสี่หนุ่ม F4 แห่งโรงเรียนมัธยมชินฮวา สี่ทายาทจากตระกูลใหญ่ในเกาหลีใต้ กับ กึมจันดี (คูฮเยซอน) เด็กสาวมัธยมปลายธรรมดาๆ คนหนึ่ง โดยในซีรีส์เรื่องนี้อีมินโฮรับบท กูจุนพโย หัวหน้ากลุ่ม F4
รับชมซีรีส์ได้ที่ ที่นี่
#ทีมจองแทอึล รับบทโดย คิมโกอึน
Tune in for Love (2019) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการกลับมาพบกันอีกครั้งระหว่าง คิมโกอึน และจองแฮอิน หลังจากเคยร่วมงานกันมาแล้วในซีรีส์ Guardian: The Lonely and Great God พล็อตเรื่องของ Tune in for Love เล่าถึงความรักจากปี 1994 ระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวที่ต้องพบรักและพลัดพรากต่อเนื่องมาจนถึงปี 2005 ซีรีส์โรแมนติกที่จะทำให้คุณหัวใจอบอุ่น
รับชมซีรีส์ได้ที่ ที่นี่
Guardian: The Lonely and Great God (2016-2017) คิมโกอึนเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงนำร่วมกับ กงยู อีดงอุค และยูอินนา สร้างปรากฏการณ์ Goblin ทำเรตติ้งถล่มทลายระหว่างออกอากาศ โดยในซีรีส์ Goblin เธอรับบท จีอึนทัก เจ้าสาวของทอแกบี ที่จะมาช่วยให้ชีวิตอมตะของลุงยักษ์กว่า 900 ปีสิ้นสุดลงเสียที
รับชมซีรีส์ได้ที่ ที่นี่
Cheese in the Trap (2016) ซีรีส์ที่สร้างมาจากเว็บตูนชื่อเดียวกัน เป็นซีรีส์เรื่องแรกของคิมโกอึนหลังจากรับงานแสดงภาพยนตร์มาหลายเรื่อง ซึ่งในเรื่องนี้เธอรับบท ฮงซอล หญิงสาวยากจนที่ต้องดิ้นรนเพื่อหาเงินจ่ายค่าเล่าเรียน และได้พบกับ ยูจอง (พัคแฮจิน) รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่ทั้งฐานะดี เรียนเก่ง มีน้ำใจ เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง แต่เธอกลับมองเห็นมุมมืดที่เขาไม่เคยให้ใครรับรู้
รับชมซีรีส์ได้ที่ ที่นี่
#ทีมโจยองโจอึนซอบ รับบทโดย อูโดฮวาน
Tempted (2018) อูโดฮวานรับบททายาทตระกูลรำ่รวยที่คาแรกเตอร์ออกแบดบอยหน่อยๆ เขาพนันกับเพื่อนว่าจะหลอกผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อให้เห็นว่าความรักไม่ได้มีความหมายอะไร แต่กลับเป็นเขาเองที่ได้พบกับรักแท้ ซีรีส์โรแมนติกเรื่องนี้จะได้เห็น ‘ดาบหนึ่งใต้นภา’ ที่พลิกบทบาทออกไปทางหล่อร้ายละลายใจ
รับชมซีรีส์ได้ที่ ที่นี่
My Country: The New Age (2019) ซีรีส์ดราม่าประวัติศาสตร์ที่อูโดฮวานจะพาเราย้อนไปปลายยุคโครยอ เล่าเรื่องราวปลายยุคโครยอจนถึงต้นยุคโชซอน เมื่อเพื่อนรักคิดต่างในอุดมการณ์เพื่อประเทศ จึงต้องหยิบดาบขึ้นมาต่อสู้และกลายเป็นศัตรู ถ้าคุณเป็นสายประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาด เพราะนี่คือซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของ อีบังวอน ผู้เริ่มต้นราชวงศ์โชซอน และภายหลังคือ พระเจ้าแทจง กษัตริย์ซึ่งมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
รับชมซีรีส์ได้ที่ ที่นี่
Save Me (2017) ซีรีส์สะท้อนสังคมอย่างดุเดือดกับความเน่าเฟะของลัทธิประหลาดที่ อิมซังมี (ซอเยจี) และครอบครัวเข้าไปเกี่ยวข้อง เธอจึงขอความช่วยเหลือจาก ฮันซังฮวาน (แทคยอน) หนึ่งในกลุ่มนักเรียนสุดเฮี้ยวประจำโรงเรียน โดยซีรีส์ดราม่าทริลเลอร์เรื่องนี้ อูโดฮวานรับบทเป็น ชอกดงชอล เพื่อนร่วมกลุ่มกับฮันซังฮวาน เขาอาศัยอยู่กับย่าและพ่อขี้เมาที่มีฐานะไม่ค่อยดีนัก บุคลิกโดดเดี่ยวของเขาในเรื่องนี้มีเสน่ห์มากๆ ทั้งยังอยู่ตรงกันข้ามกับคาแรกเตอร์โจอึนซอบชนิดที่นึกไม่ออกเลยทีเดียว
รับชมซีรีส์ได้ที่ ที่นี่
RECOMMENDED CONTENT
‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย