fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#WATCH | Rolex 101 ทำความรู้จัก นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงของ Rolex อะไรความลับแห่งความนิยมตลอดกาล
date : 2.พฤษภาคม.2023 tag :

เจาะลึกนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงของ Rolex ความลับแห่งความนิยมตลอดกาล
นาฬิกา Rolex เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในด้านความนิยมเหนือกาลเวลาและหรูหราซึ่งได้รับความไว้วางใจจากคนรักนักสะสมนาฬิกาทั่วโลก แต่เบื้องหลังความสำเร็จของดีไซน์และรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ก็ยังมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ Rolex มุ่งพัฒนาจนกลายเป็นผู้บุกเบิกคุณสมบัติสุดพิเศษต่างๆ ที่ได้ครองใจใครหลายคนอีกมากมายเช่นกัน

เทคโนโลยี Perpetual Movement
เทคโนโลยี Perpetual Movement ของ Rolex นั้นได้รับการจดสิทธิบัตรซึ่งปฏิวัติอุตสาหกรรมนาฬิกา โดยให้นาฬิกากลไกทำงานโดยไม่ต้องไขลานหรือใช้แบตเตอรี่ เพราะการเคลื่อนไหวนั้นใช้หลักการของกลไกไขลานอัตโนมัติ ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของข้อมือของผู้สวมใส่เพื่อให้นาฬิกาเดินต่อไป

Perpetual Movement ใช้โรเตอร์ซึ่งเป็นแผ่นโลหะถ่วงน้ำหนักที่หมุนได้อย่างอิสระภายในตัวเรือนนาฬิกา ขณะที่ผู้สวมใส่ขยับข้อมือ โรเตอร์ก็จะเคลื่อนที่ไปด้วย ทำให้ลานสปริงหมุนและเก็บพลังงานไว้ จากนั้นพลังงานที่เก็บไว้นี้จะถูกใช้เพื่อขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของนาฬิกา ซึ่งจะขับเคลื่อนเข็มนาฬิกาไปรอบๆ หน้าปัดและขับเคลื่อนกลไกต่างๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมของ Rolex และการใช้วัสดุคุณภาพสูง และเป็นกลไกที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสำรองพลังงานและให้การบอกเวลาที่แม่นยำ Rolex ยังใช้แฮร์สปริงแบบพิเศษที่เรียกว่าแฮร์สปริง Parachrom ซึ่งทำจากโลหะผสมเฉพาะที่ทนทานต่อสนามแม่เหล็กและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้สูง ซึ่งยิ่งทำให้นาฬิกายังคงรักษาความเที่ยงตรงได้ แม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสภาพอากาศที่เลวร้ายก็ตาม โดยPerpetual Movement มีอยู่ในนาฬิกา Rolex หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Datejust, Submariner และ GMT-Master II ซึ่งยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการขัดเกลาและปรับปรุงพัฒนามาตลอดหลายปี และเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนรักนาฬิกาและนักสะสมทั่วโลก

ได้มาตรฐานความเที่ยงตรงโดย COSC
ใบรับรอง Rolex Chronometer เป็นการรับรองอันทรงเกียรติที่มอบให้โดย Swiss Official Chronometer Testing Institute (COSC) สำหรับนาฬิกาที่ตรงตามมาตรฐานอันเข้มงวดด้านความน่าเชื่อถือและความเที่ยงตรง การรับรองนี้มอบให้เฉพาะนาฬิกาที่ผ่านการทดสอบแบตเตอรี่เป็นเวลาหลายวันและได้แสดงความแม่นยำที่ยอดเยี่ยมในสภาวะต่างๆ

นาฬิกาแบรนด์ Rolex มีชื่อเสียงในด้านความเที่ยงตรง และเป็นผู้นำในด้านโครโนมาตรมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ในปี 1910 นาฬิกา Rolex กลายเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่ได้รับใบรับรองความเที่ยงตรงของโครโนมาตรของสวิส ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Rolex ในการผลิตนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงเป็นพิเศษ

เพื่อให้ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงอันเป็นที่ปรารถนา นาฬิกา Rolex จะต้องผ่านกระบวนการทดสอบที่เข้มงวด ในอุณหภูมิ ตำแหน่ง และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน นาฬิกาได้รับการทดสอบในห้าตำแหน่งที่แตกต่างกัน โดยแต่ละตำแหน่งมีระดับแรงโน้มถ่วงที่แตกต่างกัน เพื่อให้แน่ใจว่านาฬิกาจะรักษาความเที่ยงตรงภายใต้สภาวะต่างๆ นาฬิกายังได้รับการทดสอบในอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันเพื่อจำลองสภาวะในโลกแห่งความเป็นจริงที่ผู้สวมใส่อาจต้องเจอด้วย

นอกเหนือจากการรับรอง COSC แล้ว Rolex ยังกำหนดให้นาฬิกาผ่านกระบวนการทดสอบที่เข้มงวดของตนเอง ซึ่งรวมถึงการทดสอบเพิ่มเติมสำหรับการกันน้ำ การต้านทานการกระแทก และประสิทธิภาพโดยรวม นาฬิกา Rolex ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือแม้ในสภาวะที่รุนแรงที่สุด ทำให้นาฬิกา Rolex เป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่นักสำรวจ นักผจญภัย และมืออาชีพที่ต้องการความเที่ยงตรงและความทนทานจากนาฬิกา ดังนั้น การรับรอง Rolex Chronometer เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในด้านความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี

Oyster Case
ตัวเรือน Rolex Oyster เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรซึ่งมีความหมายเดียวกับชื่อเสียงของแบรนด์ในด้านคุณภาพและความทนทาน ตัวเรือน Oyster เปิดตัวในปี 1926 เป็นตัวเรือนนาฬิกากันน้ำและกันฝุ่นเรือนแรกของโลก ซึ่งเป็นการพัฒนาบุกเบิกที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมนาฬิกา โดยตัวเรือน Oyster ประกอบด้วยสามส่วน ได้แก่ ตัวเรือนตรงกลาง ด้านหลังตัวเรือน และกรอบ ส่วนประกอบแต่ละชิ้นผลิตขึ้นอย่างปราณีตจากวัสดุคุณภาพสูงและประกอบอย่างแม่นยำเพื่อสร้างเคสที่ทั้งแข็งแรงและกันน้ำได้

ตัวเรือนตรงกลางทำจากบล็อกแข็งของสเตนเลสสตีล ทอง หรือแพลทินัมที่ทนทานต่อการกัดกร่อน จากนั้นตัวเรือนจะมีรูปร่างและขัดเงาเพื่อสร้างพื้นผิวที่เรียบและหรูหราที่ทั้งทนทานและสวยงาม จากนั้นฝาหลังของตัวเรือนจะติดเข้ากับตัวเรือนตรงกลาง ทำให้เกิดห้องที่ปิดสนิทซึ่งช่วยปกป้องการเคลื่อนไหวของนาฬิกาจากฝุ่นละออง ความชื้น และปัจจัยภายนอกอื่นๆ กรอบซึ่งเป็นวงแหวนที่ล้อมรอบคริสตัลของนาฬิกาก็เป็นส่วนสำคัญของตัวเรือน Oyster ด้วยเช่นกันออกแบบให้ขันสกรูลงและติดตั้งซีลกันน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าสู่นาฬิกา

ตัวเรือน Rolex Oyster ได้รับการทดสอบตามมาตรฐานที่เข้มงวดของ Rolex ทั้งความทนทานและการกันน้ำ แต่ละเคสได้รับการทดสอบที่ความลึกอย่างน้อย 100 เมตร และมากกว่าในบางรุ่น และยังผ่านการทดสอบความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ แรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือน ในสภาวะที่รุนแรงหรือสมบุกสมบันมากที่สุดอีกด้วย ปัจจุบัน ตัวเรือน Oyster มีอยู่ในนาฬิการุ่นที่โดดเด่นหลายรุ่นของแบรนด์ เช่น Submariner, Sea-Dweller และ GMT-Master II ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมคุ้นหูทั้งนั้น

Cerachrom Bezel
วัสดุเซรามิกที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่เรียกว่า Cerachrom เทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรซึ่งได้รับการพัฒนาโดย Rolex เพื่อให้มีความทนทานต่อรอยขีดข่วน ความทนทาน และความเสถียรของสีในระดับสูง เปิดตัวในปี 2548 กรอบ Cerachrom เป็นคุณสมบัติหลักในนาฬิการุ่นที่โดดเด่น Daytona, Submariner และ GMT-Master II กรอบ Cerachrom ผลิตจากวัสดุเซรามิกที่มีทั้งความแข็งและทนทานต่อการขีดข่วน ทนต่อการซีดจางและการเปลี่ยนสี กรอบจึงยังคงสีสันสดใสไว้ได้นานมาก รวมถึงทนทานต่อการกัดกร่อนและรังสี UV ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง

กระบวนการสร้างกรอบ Cerachrom นั้นซับซ้อนและต้องการความเชี่ยวชาญและความแม่นยำอย่างมาก กระบวนการเริ่มต้นด้วยแผ่นเซรามิกเปล่าที่มีรูปร่างและขัดเงาตามขนาด จากนั้น แผ่นดิสก์จะถูกเคลือบด้วยชั้นบาง ๆ ของทองคำหรือทองคำขาวโดยใช้กระบวนการที่เรียกว่าการสะสมไอทางกายภาพ (PVD) ซึ่งช่วยสร้างพันธะระหว่างเซรามิกและโลหะ เมื่อเคลือบชั้นโลหะแล้ว กรอบจะถูกกลึงเพื่อสร้างตัวเลข เครื่องหมาย ้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนที่ต้องใช้ทักษะระดับสูงและความใส่ใจในรายละเอียด เนื่องจากข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องใดๆ ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพและรูปลักษณ์ของกรอบลดลงได้

ตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex Shock Absorbers
Paraflex Shock Absorbers เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย Rolex ออกแบบมาให้มีความทนทานต่อแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนเป็นพิเศษ เปิดตัวในปี 2548 และกลายเป็นคุณสมบัติชูธงในนาฬิกา Rolex หลายรุ่น เช่น Datejust และ GMT-Master II

ตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องการเคลื่อนไหวของนาฬิกาจากแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนประกอบของนาฬิกาที่บอบบาง ทำงานโดยใช้รูปทรงเรขาคณิตพิเศษที่ช่วยให้ Paraflex Shock Absorbers สามารถดูดซับและกระจายพลังงานจากการกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการซับแรงกระแทกแบบเดิมๆ และผลิตจาก โพลิเมอร์ วัสดุผสมพิเศษประสิทธิภาพสูงที่ทั้งน้ำหนักเบาและทนทาน มีความยืดหยุ่นและสามารถดูดซับพลังงานจากการกระแทกโดยไม่ทำให้เสียรูปหรือแตกหัก และทนทานต่ออุณหภูมิและสนามแม่เหล็กที่เปลี่ยนแปลง

Oysterflex Bracelet
สายนาฬิกา Rolex Oysterflex เทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรซึ่งเปิดตัวในปี 2015 สายนาฬิกา Oysterflex ได้รับการออกแบบมาเพื่อความสบาย ความทนทาน และความยืดหยุ่น ในขณะเดียวกันก็รักษาความสง่างามเหนือกาลเวลาของ Rolex ได้เป็นอย่างดี โดยสายนาฬิกานี้เห็นได้ใน Rolex รุ่น Daytona, Yacht-Master และ Sky-Dweller

สาย Oysterflex ผลิตจากฐานโลหะผสมที่หุ้มด้วยวัสดุอีลาสโตเมอร์ประสิทธิภาพสูง ออกแบบให้ทั้งนุ่มและสบายต่อผิว ในขณะเดียวกันก็มีความทนทานต่อการสึกหรอได้ยอดเยี่ยม และยังสามารถรองรับแรงกระแทกซึ่งช่วยให้สวมใส่สบาย สอดรับกับสรีระข้อมือ แถมยังมีตัวล็อกโลหะแบบพิเศษที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูงแบบเดียวกับสายนาฬิกาโลหะแบบดั้งเดิมของ Rolex ซึ่งให้ความทนทานและความแข็งแกร่งอีกเช่นกัน

จะเห็นได้ว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีเหล่านี้ ได้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นพัฒนาของ Rolex ที่ไม่เพียงนำเสมอแต่ความหรูหราและซับซ้อนเท่านั้น แต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ความทนทาน ความน่าเชื่อถืออีกด้วย สามารถสวมใส่ได้หลายโอกาส อยู่ในทุกช่วงเวลาของผู้สวมใส่ได้อย่างกลมกลืนและสง่างาม นับเป็นคุณสมบัติของนาฬิกาคู่ใจที่คนรักนาฬิกาต้องมี หากท่านใดสนใจอยากสัมผัสประสบการณ์นวัตกรรมสุดพิเศษของนาฬิกา Rolex สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.namsawang.com นำสว่าง ตัวแทนจำหน่าย Rolex อย่างเป็นทางการ

RECOMMENDED CONTENT

12.กันยายน.2022

“TIME TO AWAKEN YOUR ZIMBE SPIRIT” ถึงเวลาเดินทางให้สุด ไม่หยุดไปต่อ เรื่องราวการปลุกจิตวิญญาณของนักเดินทางอย่าง ZIMBE (จิมเบ) พร้อมกับเพื่อนผู้สร้างตำนานการเดินทางร่วมกันอย่าง อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ที่ครั้งนี้กลับมาในฐานะ Seiko brand friend คนแรกของปี 2022 และมาพร้อมเรื่องราวจากการกลับมาออกเดินทางอีกครั้ง หลังจากที่โลกหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง มาดูกันว่าในครั้งนี้ นักเดินทางผู้สร้างตำนานจะพาพวกเราไปเจอกับอะไรบ้าง?