ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ชื่อ “Wes Anderson” คงเป็นชื่อที่คอหนังต้องคุ้นหูกันดีแน่ๆ เขาเป็นผู้กำกับที่มากไปด้วยเอกลักษณ์การทำหนังที่ไม่เหมือนใคร (และคงไม่มีใครเหมือนได้ด้วยล่ะมั้ง) ทั้งรูปแบบการเล่าเรื่อง ภาษาที่ใช้ในบท ตัวละครของเรื่อง มุมกล้องการถ่ายทำ สีที่ในฉากและเครื่องแต่งกายแต่ละชุด เพลงประกอบของหนังแต่ละเรื่อง ส่วนประกอบต่างๆที่พูดมานี่ถ้าเป็นหนังของเขาเห็นแค่แว่บเดียวก็บอกได้เลยว่านี่มันคือหนังของ Wes Andersonชัวร์!
เพื่อเป็นการส่งท้ายปี 2013 นี้ เรามีของขวัญน่ารักๆที่ใครเห็นหรือได้รับคงถูกใจแน่นอน (ผมคนหนึ่งล่ะที่อยากได้หนังสือเล่มนี้มาก) กับหนังสือ “The Wes Anderson Collection” ผลงานของนักเขียนนักวิจารณ์หนังดีกรีรางวัล Pulitzer Prize ผู้มีนามว่า “Matt Zoller Seitz” (Pulitzer Prize คือรางวัลที่แจกกันในประเทศอเมริกา มอบให้กับคนทำงานสายงานเขียนทั้งหลาย ทั้งข่าว Journalism งานวรรณกรรม รวมไปถึงงานแต่งเพลงด้วย) Matt กล่าวว่า กว่าจะออกมาเป็นหนังสือเล่มใหญ่เล่มนี้ได้เขาใช้เวลาทำอยู่ 20 ปี! ซึ่ง 20 ปีที่ว่านี่คงต้องย้อนกันไปตั้งแต่สมัยที่ Wes Anderson เพิ่งเริ่มทำหนังสั้นเรื่องแรกคือ “Bottle Rocket” (ฉบับหนังสั้นปี 1994 ที่ภายหลัง Wesนำมาดัดแปลงกลายมาเป็นหนังใหญ่เรื่องแรกเรื่องแจ้งเกิดของเขาฉายปี 1996) Matt เล่าว่าเขาได้พบและพูดคุยกันกับ Wes หลังจากที่หนังสั้น Bottle Rocket ได้ไปฉายที่เทศกาลหนัง Sundance จากนั้นมาก็กลายเป็นเพื่อนกันและติดตามผลงานกันมาตลอด หลังจากที่เก็บข้อมูลมาพักใหญ่ๆ เมื่อสามปีที่แล้วทั้งคู่เลยตัดสินใจตกลงกันว่าจะทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาแบบจริงจัง
ภายในหนังสือเล่มหนาขนาด 336 หน้านี้อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวของผู้กำกับสไตล์จัดคนนี้แบบ Exclusive และละเอียดสุดๆ จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นคัมภีร์หรือสารานุกรมของ Wes Anderson ขนาดย่อมๆเลยก็ว่าได้ (ขนาดนี้คงไม่ย่อมแล้วละมั้ง) พูดถึงผลงานแต่ละเรื่องไล่มาตั้งแต่ “Bottle Rocket (1996)” หนังแจ้งเกิดของ Wes ที่พูดถึงเรื่องชีวิตวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งคิดทำการใหญ่กว่าตัวพวกเขา “Rushmore (1998)” เรื่องราวของเด็กเรียนสายทำกิจกรรมสุดๆแห่งโรงเรียน Rushmore “The Royal Tenenbaums (2001)” หนังเกี่ยวกับครอบครัวบ้านแตกที่มีดาราระดับดังๆมาร่วมแสดงมากมาย “The Life Aquatic with Steve Zissou (2004)” เรื่องราวสนุกๆของกัปตันเรือดำน้ำผู้มีนามว่า Steve Zissou “The Darjeeling Limited (2007)” การเดินทางของสามพี่น้องชายล้วนไปกับรถไฟสาย Darjeeling Lmt. ในอินเดีย “Fantastic Mr.Fox (2009)” ชีวิตของคุณหมาจิ้งจอกหนัง Animation เรื่องเดียวของเขาที่ใช้เทคนิค Stop Motion อย่างละเอียดยิบ และสุดท้ายกับ “Moonrise Kingdom (2012)” หนังเรื่องล่าสุด (ที่ฉายไปแล้ว) พูดถึงการผจญภัยและความรักของเด็กๆแก๊งค์ชาวค่ายลูกเสือที่มีเอกลักษณ์การถ่ายทำที่ไม่มีใครเหมือน ได้ใจของคนดูหนังทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไปตามๆกัน จากผลงานทั้ง 7 เรื่องที่กล่าวมา ในหนังสือเล่มนี้คุณจะได้พบกับข้อมูลชนิดเจาะลึกทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังการถ่ายทำของแต่ละเรื่องอย่างละเอียด รวมไปถึงบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับ บทวิเคราะห์ความหมายและสัญญะต่างๆที่ใช้ในหนัง ภาพบรรยากาศกองถ่ายทำที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน (นี่ล่ะอยากรู้เหลือเกินว่าเขาวางกองถ่ายยังไง เรื่อง Moonrise Kingdom ถึงถ่ายออกมาได้แปลกขนาดนั้น) ภาพผลงาน Artwork จากแฟนคลับของหนังเรื่องต่างๆ และอีกมากมาย ถูกนำมารวมไว้และเล่าเรื่องด้วยภาพการ์ตูนน่ารักๆ มีการให้สีสันสวยงามตามแบบฉบับของหนัง Wes Anderson ไม่มีผิด
ราคาที่ตั้งไว้ของหนังสือเล่มนี้ตกอยู่ที่ $40 และถ้าซื้อในช่วงวันหยุดนี้ลดลงมา 39% เลยด้วย (ถ้าเป็นเงินไทยก็ประมาณจาก 1,250 บาทลงมาเหลือประมาณ 750 บาท คุ้มมากๆ!) สามารถสั่งซื้อได้จากเวป Amazon ได้เลย (ดู Trailer น่ารักๆที่แนบมาด้วยด้านบนประกอบการตัดสินใจได้เลย) สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของผู้กำกับผลงานลายเซ็นชัดๆคนนี้แล้วล่ะก็ ถึงตรงนี้คงไม่ต้องบอกแล้วล่ะว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคุณขนาดไหน หรือถ้าใครมีคนรักคนรู้ใจ แล้วไปแอบรู้มาว่าเขาชอบหนังของ Wes Anderson อยู่ การซื้อหนังสือเล่มนี้ให้เป็นของขวัญต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสต์ปีใหม่ปีนี้ รับรองว่าคนได้รักตายเลย (อันนี้เอาจากตัวเองเป็นที่ตั้ง) ถือเป็นของที่คนรักหนังดูได้ นักทำภาพประกอบ Illustrator ทั้งหลายก็ดูดี กับผลงานของ Matt Zoller Seitz “The Wes Anderson Collection” หนังสือภาพสวยๆที่พูดถึงผู้กำกับทำหนังสวยเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครแห่งยุคนี้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อจริงๆ
(พิเศษสุดๆกับวิดีโอที่นำเอาหนังจริงๆของเขามาตัดต่อให้เล่าเรื่องตามแบบในหนังสือแยกแต่ละเรื่องเป็น Chapter ต่างๆ สามารถเข้าไปดูได้ในลิงค์นี้ https://vimeo.com/rogerebert/videos)
ลิงค์สั่งซื้อ Amazon
Writer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
Garmin เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ขนาดเล็กดีไซน์ทันสมัย Lily ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่รุ่นคลาสสิกและรุ่นสปอร์ต โดยนาฬิกาอัจฉริยะ Lily มาพร้อมรูปทรงสุดชิคในขนาดกะทัดรัด ด้วยตัวเรือนขนาด 34 มม. พร้อมสลักเชื่อมสายนาฬิกาแบบ T-bar เลนส์หน้าปัดพร้อมลวดลายละเอียด