fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#WHERETOGO — แด่ความโรแมนซ์แสนพังที่ Trailer Trash Blue Eyes
date : 28.กรกฎาคม.2017 tag :

1

พัง!

มันเป็นวันพังๆ อีกหนึ่งวัน แต่ที่เยินกว่าคือเราดันหาเรื่องมาพังถึงลาดพร้าว แถมระหว่างขามายังหลงทางอีกต่างหาก (แดม! เราด่าตัวเองพอๆ กับด่ากูเกิลเเม็ป) อย่างนี้ไม่เรียกว่าพังก็ไม่รู้จะว่าไง!

แม้แต่ไมเคิล แจ็กสันบนโปสเตอร์ยังส่งสายตาเอือมระอาให้หน่อยๆ ขณะเรานั่งรอเจ้าของบ้านอยู่ในห้องขนาดค่อนข้างเล็ก บนผนังแปะแผ่นสเก็ตบอร์ด ชั้นวางเทปคาสเซ็ตต์ กองแม็กกาซีน คอมพิวเตอร์รุ่นตู้ปลา ธงชาติสหรัฐฯ ยันไฟคริสต์มาสห้อยต่องแต่งแม้จะยังไม่ถึงวันคริสต์มาส มันอาจเป็นได้ทั้งห้องใต้ดินของเด็กเนิร์ดสักคนในค.ศ. 1990 หรือเป็นบ้านใต้ถุนในซานฟรานซิสโกเหมือนหนังสือ ‘ใต้ถุนป่าคอนกรีต’ ของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ …เราไม่แน่ใจ

2

Untitled-1

พอดีเจ้าของบ้านเดินออกมาจากครัว ในมือถือจานอาหารมาด้วย หน้าตามันเหมือนแพนเค้กแผ่นใหญ่ 2 แผ่นประกบกัน ผ่าออกมาเจอไส้มักกะโรนีราดชีสหนาเตอะ มีไก่ทอดวางมาข้างๆ 2-3 ชิ้น พอไม่ให้เหงา

นาทีต่อมา เรากวาดจานเกลี้ยง พลางนึกขอโทษที่สบประมาทหน้าตาของมันในตอนแรก!

5Pancakes MAC ‘N CHEESE (150.-)

6

เจ้าของบ้านยิ้มกว้างเมื่อเราออกปากชมทั้งที่ยังเคี้ยวเต็มปาก

ปิ๊ก – ศุภกร ทิพย์สุมณฑา คนนี้เพิ่งเปิดบ้านตัวเองเป็นโฮมคาเฟ่เล็กๆ แต่ยืนยันว่าขายอาหารจริงจังมาได้สัก 2-3 เดือนแล้ว

เหตุผลที่เปิดร้านนี้อย่างแรก เขาอยากมีเวลาดูแลพ่อแม่เต็มที่ อย่างต่อมา เขาเริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับงานประจำ ขี้เกียจเดินทาง และอยากอยู่บ้านมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เขารับหน้าที่บริหารโฮสเทลแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิทเป็นงานหลัก ทำทุกอย่างตั้งแต่จัดการทั่วไป ยันซ่อมไฟเองอยู่หลายปี สุดท้ายเขาลาออก ทั้งที่ยอมรับว่ายังชอบมันอยู่มาก

“ธรรมชาติของโฮสเทลเป็นอย่างนี้แหละ ถ้าไม่ได้รู้สึกสบายใจที่จะทำจริงๆ มันจะอยู่ไม่ค่อยได้ เพราะโฮสเทลกับโรงแรมมันต่างกัน ทำโฮสเทลต้องใช้ Service Mind สูงมาก ต้องเป็นเพื่อนกับคนง่าย แต่เราเป็นคน Friendly มากเกินไป พอเจอคนทำไม่ดีด้วย เราจะหดหู่ง่าย เรารู้ตัวมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ว่าชอบคุยกับคน ชอบภาษาอังกฤษ ชอบบริการคนอื่น”

ความชอบดูแลคนอื่นทำให้เขามีเพื่อนเยอะ รู้จักคนหลากหลายแขนงอาชีพและชาติพันธุ์ ถึงกับเคยไปนั่งภัตตาคารระดับไฮ-เอนด์ กินอิซากายะ (Izakaya) โดยไม่เสียสตางค์สักบาทมาแล้วที่โตเกียว เขาหวังอยากให้ที่นี่เป็นที่พบปะกันของมิตรสหาย ไม่ว่ามานั่งกินข้าว กินเหล้า ดูหนัง ฟังเพลง เล่นบอร์ดเกมส์ อ่านหนังสือ หรือมานั่งเฉยๆ เขาก็ยินดีเซอร์วิสให้มากที่สุดยิ่งกว่าสำนวน ‘Make yourself at home’ เสียอีก

7

“ถ้าในตู้เย็นมีวัตถุดิบ ไม่ว่ามาม่าหรือข้าวไข่เจียวก็ทำให้ได้ อยากกินอะไรก็สั่งได้ยิ่งกว่าร้านอาหารตามสั่ง มาดึกมาดื่นก็ทำให้ได้ถ้ายังไม่นอน เหมือนหนังเรื่อง Midnight Diner น่ะ”

“ปกติชอบทำอาหาร เลยอยากทำอะไรที่หากินที่อื่นไม่ได้ เราออกไปตลาดเอง ทำคนเดียว จะว่าขายจริงจังไหม แน่นอนเราอยากมีรายได้ที่อยู่ได้จริง แต่ข้อดีของการอยู่ที่นี่คือไม่ต้องเดินทาง ค่าเช่าไม่ต้องเสีย อีกอย่างคือมันทำให้เราเลิกเที่ยวกลางคืนได้ เพราะเมื่อก่อนเลิกงานปุ๊บต้องไปแฮงก์เอาต์แล้ว”

แรร์ ไอเท็มอีกอย่างที่เขาไม่ลืมบอกเราคือข้าวหมกไก่ที่พ่อของเขาลงมือทำเองทุกกล่อง ส่งเดลิเวอรี่ทั่วสารทิศตามออร์เดอร์ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งเมื่อมีคนชมรสมือพ่อ

8Poutine (100.-)

“คืองี้นะ มันมีโครงการที่เราอยากทำเยอะเลย เราเป็นคนชอบดูหนัง และจะเบื่อมากเวลาโดนสปอยล์แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว โอ้โห แทบปิดหู เลยอยากทำอีเว้นต์หนึ่ง คล้ายๆ Book Club ของฝรั่ง แต่เราเป็น Movie Club แทน คือให้ดูหนังมาเรื่องหนึ่งแล้วมานั่งคุยกันเต็มที่ เป็นคืนที่สปอยล์ที่สุด เหมือนชมรมวิจารณ์หนังย่อมๆ เวลาการสปอยล์มันอยู่ถูกที่ถูกทาง มันจะสนุกมาก”

“แล้วในอนาคต เราก็อยากทำบ้านนี้เป็น Couchsurfing ให้นักท่องเที่ยวมาทำงานแลกที่พักฟรีๆ เพราะเรามีเพื่อนต่างชาติเยอะ จากงานโฮสเทลนี่แหละ มันคือชีวิตที่คุ้มค่ามากนะ คุณรู้ไหม… อ้อ ในอนาคตกะว่าจะเอาสินค้าจากเพื่อนที่ทำแบรนด์ Local มาวางขายในนี้ด้วย”

เขาเล่าถึงโครงการต่างๆ ในหัวให้เราฟัง ทั้งอยากมีเวลาเล่นสเก็ตบอร์ดให้มากขึ้น อยากทำค็อกเทลจุดไฟ Doctor Pepper ฯลฯ

เล่าด้วยประกายตาของเด็กชายวัย 17

“จริงๆ มันเหมือนร้านในฝันว่ะ อยากทำอะไรก็ทำ เราไม่รู้จะเรียกว่าอะไร เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกว่าที่โตเกียวก็มีร้านประมาณนี้เหมือนกัน อาจเรียกว่าโซเชียลคลับก็ได้มั้ง”

IMG_1530

“คุณว่าอย่างเรานี่เป็นร้านเก๋ป่ะ” เขาถามเรา

ชายหนุ่มเรียกตัวเองว่าเป็นคน ‘เจ็นเอ็กซ์ควบเจ็นวาย’ เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเห็นบรรดาเทปคาสเซ็ตต์ แผ่นดีวีดีหนัง และอารมณ์เรโทรลอยฟุ้งอยู่เต็มไปหมด เขาโตมากับดนตรีกรันจ์ รักพี่ Kurt Cobain วง Nirvana เปิด Post-Punk ฝั่งนิวยอร์ก แต่ก็ไม่รังเกียจเพลงไทยสมัยกระโปรงบานขาสั้น หรือเพลงประกอบหนัง Marvel ในบางอารมณ์

“ไม่รู้เก๋มั้ย แต่แปลกดี” เราหมายความว่าแปลก ในทางที่ดี

“ร้านนี้มันเหมือนตัวเราเป๊ะเลย ใครมาแล้วชอบ ก็หมายความว่าเขาชอบตัวเราในแบบของเราด้วย

เขาเล่าว่าคนส่วนใหญ่ที่มามักไม่รู้จักกันมาก่อน แต่บางครั้งพวกเขากลายเป็นเพื่อนกันหลังจากเดินไปตักน้ำแข็งอีกโต๊ะหนึ่ง

บ่อยครั้งเริ่มต้นด้วยความเงียบ แต่จบคืนด้วยการนั่งกอดคอแหกปากร้องเพลงพี่เบิร์ด

“อะไรที่จะอยู่กับมันได้ เราต้องแฮปปี้ก่อน ซึ่งก็ได้กำลังใจจากเพื่อนนี่แหละ มีบางคนที่มาเกือบทุกอาทิตย์ ทั้งที่เขาทำกับข้าวเก่งมาก เขากลับแวะมานั่งกิน นั่งเล่นบ่อยๆ มันอาจไม่ต่างกับเวลาเขาไปกินอาหารนอกบ้าน แต่เขาเลือกมาร้านเรา มาแชร์กับเรา พอใจมันได้ เราไม่รู้สึกเหนื่อยเลย”

11

แต่มันก็มีบางอย่างที่ทำเขาหงุดหงิด ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเองแอบกลัวอยู่แล้ว เมื่อมีคนเข้ามาเยอะเกินไป

“วันก่อนมีน้องคนหนึ่งมาพร้อมรถกระบะคันใหญ่ ทั้งๆ ที่เราประกาศชัดเจนแล้วว่าไม่มีที่จอดรถ รู้ไหมทำไง มันดันเอาไปจอดหน้าบ้านคนอื่นเขา แล้วบ้านนั้นเป็นบ้านที่มีคนแก่ เกิดเขามีเหตุฉุกเฉินดึกๆ ดื่นๆ ต้องเอารถออกแล้วจะทำยังไง เราโคตรโกรธ มันใช้อะไรคิดวะ”

เราไม่ขัดข้องถ้าเขาจะหงุดหงิด ความสะดวกสบายบางอย่างควรอยู่บนพื้นฐานของการไม่เบียดเบียนใคร

“ถ้าอยากเปลี่ยนอารมณ์ ที่นี่น่าจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง แต่อาจต้องทำใจหน่อยนะว่ามันอาจไม่ได้สะดวก แต่สบายใจแน่นอน”

“เคยมีใครเดินหลงมาเจอโดยบังเอิญไหม” เราถาม

“ไม่มีเดินหลงมา มีแต่เดินมาแล้วหลง” เขาหัวเราะ

เรารู้สึกอายในความพัง ยิ่งหันไปสบตาไมเคิล แจ็กสันบนโปสเตอร์ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนรุม

“ไม่เป็นไรหรอก ใครๆ ก็พังกันทั้งนั้น ในหนังสือ A Million Little Pieces ของ  James Frey คนเขียนเอาวิทยุที่พังแล้วไปซ่อม แต่คนซ่อมกลับบอกว่า ‘จะซ่อมได้ไงล่ะ ในเมื่อมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว’ เราโคตรชอบประโยคนี้ ชอบความรู้สึกของความพัง ความเปล่าเปลี่ยว ชอบหนังเศร้า เพลงเศร้า ชอบตอนน้ำหนักลดเวลาอกหักด้วย”

Untitled-4

แม้แต่หลอดไฟนีออนสีชมพูบอกชื่อร้าน ซึ่งมีที่มาจากพวกอยู่รถบ้าน เพลงโปรดจากวง Modest Mouse และความโรแมนติกของคนตาสีฟ้า ก็ชวนให้รู้สึกพังแบบโรแมนซ์ไปพร้อมกัน

“เราเป็นคนอายุ 30 ที่พังๆ มั้ง ครึ่งชีวิตแล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นมาตรฐานพอ มีแต่ความฝัน อยากทำนั่นทำนี่”

ก็คงไม่เป็นไร ถ้า ‘ความพัง’ พาให้ ‘คนพัง’ มาเจอกันที่นี่  และอนุญาตให้เรายังฝันต่อได้  เราอาจยินดีที่จะกลับมาพังบ้างอะไรบ้างในบางเวลา

ดื่มให้ความพังทั้งปวง!

12

*งานอีกอย่างของศุภกรคือการถ่ายภาพ แต่เขาไม่ยอมเรียกตัวเองว่าช่างภาพ โดยให้เหตุผลว่าแค่รับถ่ายแฟชั่น ที่ส่วนใหญ่เป็นแนว Conceptual ถ่ายด้วยกล้องฟิล์มทั้งหมด จึงไม่เชิงทำเป็นงานเพื่อการขายมากนัก เขาชอบถ่ายคน ถ่ายเบื้องหลังคอนเสิร์ตต่างประเทศ และอยากทำเป็นงานศิลปะมากกว่า ซึ่งเขาแอบกระซิบว่ากำลังจะมีโชว์เล็กๆ ของตัวเองปลายปีนี้ด้วย

แวะดูผลงานของเขาได้ที่ : www.facebook.com/paradewaves

.

Trailer Trash Blue Eyes
3/15 ซอย วิภาวดีรังสิต 36 แยก 5
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30-22.30 น.
โทร. 086-996-0095

**ร้านไม่มีที่จอดรถ**
สามารถดูการวิธีเดินทางมาร้านโดยละเอียด (ยิบ) ได้ที่
www.facebook.com/trailertrashblueeyes

Writer: Wednesday

RECOMMENDED CONTENT

10.พฤษภาคม.2019

Tokyo Marathon ปีนี้วิ่งยากที่สุด เพราะความหนาวและเปียกจากฝนที่ตกตลอด มาต่อกันกับตอนที่ 4 INSIDER JOURNY EP4 : วิ่งในงาน Tokyo Marathon กับภาระกิจ "ช่วย นิ้วกลม"