Dubai คือเมืองที่รวมเอาความเก่าใหม่เข้าไว้ด้วยกันอยากแปลกประหลาด เราสามารถค้นพบวัฒนธรรมอาหรับที่เก่าแก่และงดงามไปพร้อมๆ กับการจ้องมองดูสถาปัตยกรรมและนวัตกรรมแห่งอนาคตได้ในเมืองเดียวกัน
ดูไบคือเมืองที่สาวๆ หลงรัก เพราะเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งจำนวนมาก อาหารการกินก็ครบถ้วนและเต็มไปด้วยร้านอาหาร fine-dining ชั้นนำมากมาย ส่วนหนุ่มๆ ก็ชอบเมืองนี้เพราะความทันสมัยราวกับอยู่ในเมืองแห่งอนาคต และกิจกรรมแบบแมนๆ ให้สนุกสุดเหวี่ยงมากมาย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ คุณจะได้มีโอกาสสัมผัสก็ต่อเมื่อมาดูไบนี่แหละ
นี่คือ Dubai Easy Guide ไกด์อย่างง่ายฉบับเบื้องต้นเมื่อมีโอกาสมาเยื่อนดูไบสักครั้งในชีวิต
—————
{• TOP SIGHT •}
Burj Al Arab — แลนด์มาร์คสำคัญของดูไบ อย่างตึกรูปทรงเรือใบที่ตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่น สามารถล่องเรือดั้งเดิมอย่างเรือ Dhow หรือเรือไม้ที่เคยใช้ขนส่งสินค้ามาตั้งแต่ยุคเมืองท่าโบราณ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดโรแมนติก หรือถ้าอยากจิบค็อกเทล ก็สามารถขึ้นไปที่ Skyview Bar แกล้มวิวสุดแสน exclusive ได้
Dubai Museum — พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติดูไบ ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเมืองอย่างละเอียด เรื่อยมาตั้งแต่ดูไบยังเป็นชุมชนชาวประมงและค้าขายหอยมุกขนาดเล็ก ก่อนเริ่มต้นสู่การเป็นเมืองท่าค้าขายสำคัญของดินแดนอาหรับ และปัจจุบันสู่การเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการเงินที่สำคัญที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และตะวันออกกลาง
Burj Khalifa — ดูไบเป็นเมืองตึกสูง และตึกสูงที่ว่ามักมีความเป็นที่สุด เช่นกันกับตึกที่สูงที่สุดในโลกนี้ ด้วยความสูง 828 เมตร บัตรเข้าชมที่ขึ้นราคาตามฤดูกาลนั้นจะนำพาเราขึ้นสู่ชั้น 128 เพื่อชมดูไบมุมสูงชนิดที่มองเห็นไกลไปถึงขอบโลกได้เลยทีเดียว
Al Fahidi Historic District — ดูไบใช่ว่าจะมีแต่ความทันสมัยและความเจริญแต่เพียงอย่างเดียว ยังมีชุมชนเก่าแก่ที่ถูกอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี นอกจากจะได้เดินลัดเลาะเข้าไปในสถาปัตยกรรมอาหรับแบบดั้งเดิมที่สวยทุกมุมแล้ว ภายในอาคารต่างๆ ยังเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ ร้านขายสินค้าของที่ระลึก บางหลังยังเป็นที่อยู่อาศัย ที่เราจะได้เห็นภูมิปัญญาอันแสนชาญฉลาดของคนท้องถิ่น ที่ทำให้อากาศภายในเย็นสบายได้โดยไม่ต้องติดเครื่องปรับอากาศเลย
Sheikh Saeed Al Maktoum House — ที่พำนักของอดีตเจ้าผู้ครองนครรัฐดูไบ ภายในนอกจากจะตกแต่งอย่างหรูหราสมความเป็นตระกูลผู้มั่งคั่งแล้ว จำนวนห้องที่มีมากกว่า 30 ให้เดินชมกันอย่างไม่หวาดไม่ไหวนี้ก็ยิ่งทำให้ที่นี่น่ามาเช็คอิน ซึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือการเดินขึ้นไปยังห้องรับแขกสุดอลังการ ที่มองเห็นวิวอ่าวดูไบได้อย่างเต็มๆ ตา
—————
{• RESTAURANT •}
Al Mansour Dhow — ล่องเรือ Dhow ซึ่งเป็นเรือขนส่งสินค้าแบบดั้งเดิมไปในอ่าวดูไบ พร้อมด้วยบุฟเฟ่ต์อาหารอาหรับและอินเดียคุณภาพระดับภัตตาคาร เมื่ออิ่มหนำแล้วก็ต่อด้วยการเพลิดเพลินไปกับดนตรีอารเบียแสนไพเราะ ไปพร้อมๆ กับการจิบค็อกเทลสูตรลับเฉพาะที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผู้คนและวัฒนธรรมอาหรับ
Dragonfly by Tim Raue — สุดยอดร้านอาหารแนวเอเชียโดยเชฟมิชลินระดับสองดาว กับอาหารฟิวชั่นที่ต้องมาลองสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น Wasabi Langoustine ที่จะทำให้ในปากคุณอบอวลไปด้วยรสชาติแสนประหลาดและเพลิดเพลิน หรือเป็ดปักกิ่งจัดวางเป็นคำสามรสชาติที่ต้องกินจากซ้ายไปขวา รับรองความอร่อยเหาะ ที่ห้ามพลาดคือ ‘Jines’ ไวน์บ่มน้ำผลไม้สูตรลับเฉพาะที่อร่อยแบบที่ไม่จำเป็นต้องเสาะหาไวน์มาแพร์เลย
Zuma — ร้านอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่สุดของดูไบ เน้นหนักไปที่ความญี่ปุ่นแบบฟิวชั่น ที่เชฟเลือกสรรวัตถุดิบระดับท็อปมาให้ชิมกัน ร้านนี้ต้องจองล่วงหน้า เพราะถ้าวอล์คอินเข้าไปมีอันต้องไม่ได้ที่นั่งเสมอ นี่ก็น่าจะบอกได้ถึงความป็อบปูล่าร์ของที่นี่แล้ว
Baker & Spice — ชิมร้านอาหารแบบ Local-International กันบ้าง ที่นี่ที่เด็ดคือสลัดบาร์ที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบและเครื่องเทศอาหรับให้ลิ้มลอง เราแนะนำให้ลองทานคู่กับโยเกิร์ตสูตรของทางร้าน เติมด้วยเครื่องเทศพอได้กลิ่นหอมฉุน จากนั้นก็จัดการให้เรียบ หรือจะจิบกาแฟเคล้าขนมปังโฮมเมดของทางร้าน แล้วนั่งเล่นปล่อยใจใน courtyard แบบบ้านเศรษฐีชาวอาหรับก็ทำได้
Bu Qtair — ดูไบเป็นเมืองติดทะเล ครั้นจะไม่ทานอาหารทะเลก็ดูเหมือนจะมาไม่ถึง ความพีคของร้านนี้มีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือวัตถุดิบสดๆ ที่เพิ่งขึ้นหมาดๆ จากท่าเทียบเรือ (ร้านตั้งอยู่ที่ Sunset Beach) อย่างที่สองคือน้ำจิ้มสูตรลับเฉพาะของทางร้าน ที่แซ่บจัดจ้านเพราะผสมทั้งมาซาล่าและผงกะหรี่เข้าไป รับรองความถึงเครื่อง และถึงวัฒนธรรมอาหรับแน่นอน
—————
{• ACTIVITY •}
4×4 Desert Safari Tour — ซิ่งรถโฟร์วีลไปบนเนินทรายให้หัวใจหยุดเต้น จากนั้นก็ไปดูสิงสาราสัตว์ในซาฟารีทะเลทราย ก่อนปิดวันด้วยการนั่งอูฐชมพระอาทิตย์ตก และปิ้งบาร์บีคิวท่ามกลางแสงดาว
Big Bus Dubai Hop-On-Off Tour — วิ่งขึ้นวิ่งลงรถบัสคันใหญ่ที่วิ่งให้บริการฟรีทั่วดูไบ ไปเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆ ของเมือง มีให้เลือกหลากหลายเส้นทาง และบัตรก็มีตั้งแต่วันเดียวไปจนถึง 7 วัน ชนิดที่เที่ยวดูไบให้ทะลุปรุพรุนกันไปเลย
Desert Experience — ยิ่งกว่าโฮมสเตย์ก็คือทริปนี้ เพราะประสบการณ์ใช้ชีวิตแบบชาวทะเลทรายนั้นหาไม่ได้จากที่ไหนแน่นอน พักในบ้านพักสุดหรูที่สร้างขึ้นตามแบบบ้านเก่าแก่เดิมของชนพื้นถิ่น ทำกิจกรรมแบบชาวอาหรับดั้งเดิม ก่อนกลับแคมป์มาทานมื้ออาหารแสนพื้นถิ่นและแสนอร่อย ในบรรยากาศของแคมป์พักพ่อค้า ที่รับรองว่าลืมไม่ลงแน่นอน
Golf VIP at Dubai — ดูไบกลายเป็นจุดหมายสำคัญของนั
—————
{• NEED TO KNOW •}
– คนไทยไปดูไบต้องใช้วีซ่า สามารถทำวีซ่าได้ที่ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประจำประเทศไทย โดยคนไทยสามารถใช้วีซ่าท่องเที่ยว ท่องเที่ยวในดูไบได้ 30 วัน
– ช่วงเวลาที่น่าเดินทางไปเยือนดูไบ คือช่วงเดือนกันยายน–เมษายน เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ที่อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนจนเกินไป
– การเดินทางภายในดูไบ มีหลายวิธี วิธีที่นิยมกันมากที่สุดคือรถไฟใต้ดิน หรือจะใช้บริการรถรางชมเมืองก็ทำได้ แท็กซี่ราคาไม่แพงมากนัก ส่วนรถประจำทางเหมาะกับการต่อเพื่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ได้อยู่ในเส้นทางรถไฟใต้ดิน
– ห้องน้ำตามห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่สำคัญ สะอาด ไม่ต้องกังวลเรื่องความสกปรก เว้นแต่ห้องน้ำตามสถานีรถประจำทาง หรือตลาด (Souq) ส่วนใหญ่มักจะมีสำหรับผู้ชายเท่านั้น
– ดูไบเป็นเมืองที่มีอัตราการเกิ
—————
จะเห็นได้ว่า ดูไบ นั้นรุ่มรวยไปด้วยวั
—————
ใครที่ไม่อยากพลาดทริปสุดพิเศษและ exclusive จากโปรแกรม BMW The Ultimate JOY Experience ง่ายๆ ก็แค่เพียงคุณเป็นเจ้าของรถยนต์ BMW รุ่นใดก็ได้ มือหนึ่งหรือมือสองก็ได้ แล้วไปลงทะเบียนเป็นสมาชิกฟรี! ที่ www.bmwultimatejoy.com/th/ จากนั้นก็เตรียมรับสุดยอดประสบการณ์ ส่วนลด และกิจกรรมพิเศษ ที่ทาง BMW พร้อมเอามามอบให้คุณอีกเพียบแน่นอน
#TheUltimateJOYExperience #BMWultimateJOY #BMWprivilege
_
RECOMMENDED CONTENT
เรื่องราวอันเป็นตำนานของพิเทร่า™ จะถูกนำมาเล่าอีกครั้ง ผ่านบทเพลงรักพร้อมมิวสิควิดีโอ “Oh PITERA™” ที่กล่าวถึงผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์และขายดีที่สุดของเอสเค-ทู อย่างน้ำตบพิเทร่า ผ่านเสียงร้องและฝีมือการประพันธ์ของนักร้องหนุ่มที่กวาดหลายรางวัลทั่วโลกอย่าง จอห์น เลเจนด์