สำหรับคอลัมน์ UpClose ประจำวันนี้ เราขอเปลี่ยนจากการรีวิวเจาะลึกไอเท็มแฟชั่น มาเป็นการรีวิวและแนะนำเจาะลึกโปรดักส์กาแฟจากร้านกาแฟ up and coming เล็กๆในย่านสุขุมวิท นามว่า “Ceresia Coffee Roasters” ที่ต้องบอกเลยว่าคอกาแฟตัวจริงไม่ควรพลาดแวะไปเยี่ยมเยียนอุดหนุนร้านแห่งนี้ เพราะที่นี่เขาได้ทำการสรรหาและนำเข้าเมล็ดกาแฟอย่างดี พร้อมคั่วแบบสดใหม่ทุกอาทิตย์ เสิร์ฟให้คอกาแฟชาวไทยได้ลิ้มรสชาติของกาแฟคุณภาพในทุกๆแก้ว จากฝีมือของครอบครัวบาริสต้าผู้มีใจรักและเชี่ยวชาญในเรื่องกาแฟ ที่เมื่อเราได้ย่างก้าวเข้าไปในร้านปุ๊ป คุณ เบรทท์ หนึ่งในเจ้าของร้าน ก็พร้อมให้ความรู้อย่างละเอียดยิบกับเราจนต้องขอมาแชร์ความประทับใจให้ชาว Dooddot ได้สัมผัสกันอย่างทั่วถึง

“Ceresia Coffee Roasters” คือร้านกาแฟที่เกิดจากครอบครัวของเจ้าของร้านคือคุณ เบรทท์ – การิน อัศวเรืองชัย, Lucia Aguilar ภรรยา และ Marian Aguilar พี่สาว ที่เคยคลุกคลีอยู่ในฟาร์มกาแฟที่ประเทศเวเนซุเอลามาก่อน ก่อนที่จะกลับมาเปิดร้านกาแฟแห่งนี้ โดยให้ความสำคัญในการคัดสรรเมล็ดกาแฟจากต้นกำเนิด หรือ “specialty coffee” มาจากบริษัทตัวแทนกาแฟประเทศอังกฤษ เพื่อสนับสนุนฟาร์มกาแฟที่มีคุณภาพระดับเกรดเอ ที่ใส่ใจรายละเอียดในการปลูกและเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟจริงๆ ให้ยังคงผลิตเมล็ดกาแฟออกมาเรื่อยๆ ซึ่งทางคุณเบรทท์และครอบครัวจะคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่ผ่านการเกรดโดยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ถ้าไม่ดีจริงจะไม่เลือกมาเด็ดขาด ดังนั้นพวกเขาจะลงมือคั่วชิมกันเองจนเป็นที่พอใจ เสร็จแล้วจึงนำเข้ามาขายที่ร้าน พร้อมคั่วสดทุกอาทิตย์ (ด้านหลังร้านจะมีเครื่องคั่วกาแฟ และกระสอบหลายถุงที่บรรจุเมล็ดกาแฟเขียวสดทั้งหมด) อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อรสชาติที่สดใหม่ และเพื่อความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้ดื่มกาแฟที่สดจริงๆ

สำหรับเมนูเครื่องดื่ม หลักๆเลยที่ร้านนี้จะมีกาแฟสองแบบ แบบ “Blend” กับแบบ “Single Origin” หรือแบบต้นตำรับนั่นเอง โดยกาแฟของที่ร้านจะเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆตามฤดูกาลใน 1 ปี กาแฟแบบ Blend จะนำมาทำเป็นเอสเพรสโซ่ ซึ่งทางร้านขอนำเสนอ “Finca El Carmen” จากประเทศเอล ซัลวาดอร์ และ “Finca Las Mercedes El Volcan” จากประเทศโคลอมเบีย โดยจะใช้กาแฟจากเอล ซัลวาดอร์ 60% และกาแฟจากโคลอมเบีย 40% ในการเบลนด์ ส่วนวิธีการคั่วนั้น ทางร้านจะคั่วแยกกันในวิธีที่จะดึงรสชาติของกาแฟจากต้นตำรับให้ออกมาชัดที่สุด ส่วนแบบ Single Origin นั้น ตอนนี้ทางร้านจะมีกาแฟทั้งหมด 5 ตัวด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นของประเทศคอสตาริกา ประเทศบราซิล ประเทศโคลอมเบีย ประเทศเม็กซิโก และประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งแต่ละกาแฟล้วนมาจากฟาร์มของประเทศนั้นๆ และมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน อย่างเช่นกาแฟ “Yirgacheffe” จากประเทศเอธิโอเปียที่เรามีโอกาสได้ลองชิมนั้น จะมีรสชาติที่ค่อนข้างเบาออกรสหวานนิดๆจากน้ำผึ้ง มีกลิ่นของมะนาว มะกรูด และมีโน้ตของชาดำ เพราะฉะนั้นมันจะไม่เป็นกาแฟที่เข้มมาก เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟ dark coffee ที่เข้มเกินไป แต่ถ้าใครชื่นชอบการดื่มกาแฟดำ ทางร้านขอแนะนำ “Finca La Copalita-Organic” จากประเทศเม็กซิโก ซึ่งคุณจะสามารถสัมผัสถึงรสชาติที่หลากหลายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ลครีม ซินนามอน แอปริคอต น้ำตาลทรายแดง และน้ำผึ้ง ซึ่งสำหรบกาแฟ Single Origin นั้น ทางร้านแนะนำให้ดื่มเป็นฟิลเตอร์หรือที่เรียกอีกอย่างก็คือแบบดริป เพื่อที่ให้ได้รสชาติกาแฟต้นตำรับที่ดีที่สุดนั่นเอง

จากที่สังเกตว่ากาแฟของร้านนี้ส่วนใหญ่ล้วนมาจากฝั่งอเมริกาใต้ เราจึงได้ถามคุณเบรทท์ถึงเหตุผลว่าทำไมทางร้านถึงมีแต่กาแฟจากทวีปนั้น คุณเบรทท์ให้คำตอบว่าทวีปอเมริกาใต้นั้นมีการผลิตกาแฟที่เยอะมากจริงๆ แต่ทางร้านก็ไม่ได้จำกัดการคัดสรรแต่ฝั่งนั้นเพียงอย่างเดียว แต่จะคัดเลือกจากหลากหลายประเทศถ้าดีจริงๆ ซึ่งพวกเขาก็สนับสนุนกาแฟไทยด้วย อย่างกาแฟ Wild Honey จากจังหวัดเชียงราย ทางร้านก็ได้คัดสรรมาจากบริษัท Thai High Coffee เพื่อนำมาทำเป็นกาแฟเบลนด์ของทางร้านเช่นกัน

สำหรับคอกาแฟคนไหนที่อยากลองหาประสบการณ์การดื่มกาแฟที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพของรสชาติกาแฟแบบดั้งเดิม รับรองว่ามาที่ Ceresia Coffee Roasters แล้วไม่มีทางผิดหวัง เพราะนอกจากคุณจะได้ลิ้มรสชาติกาแฟระดับเกรดเอจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว คุณจะได้สัมผัสถึงความมีใจรักของครอบครัวนี้ที่มีต่อกาแฟ และความเอาใจใส่ต่อลูกค้าที่อยากให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ดีๆในการดื่มกาแฟกลับติดตัวไปด้วย

ตั้งอยู่ที่: 593/29-41 ซ.สุขุมวิท 33/1 อยู่ตรงข้าม UFM Fuji Super (BTS พร้อมพงษ์)
เปิดบริการวันอังคาร–อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา: 08.00 น. – 18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) 
Facebook: www.facebook.com/pages/Ceresia-Coffee-Roasters/431787946917113

(ติดตามคอลัมน์ UpClose อื่นๆ ได้ที่ https://www.dooddot.com/?s=UpClose )

Writer: Thip S. Selley
Photographer: Pakkawat Tanghom