ถ้าหากติดตามวงการถ่ายภาพกราเวียร์ไอดอลในไทยคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ ชุบ นกแก้ว หรือ Chubpydoo ช่างภาพที่ปล่อยผลงานกราเวียร์ให้เราได้ชมกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ในอีกฝั่งหนึ่งคุณชุบเป็นช่างภาพที่ทำงานโฆษณาทั้งในไทยและระดับโลก รวมถึงเป็นมือรีทัชที่เก่งกาจคนหนึ่ง ที่อยู่ในอุตสาหกรรมบ้านเรามานาน และมีสตูดิโอถ่ายภาพ Chubcheevit studio ในทาวน์อินทาวน์ นับว่าเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่ขับเคลื่อนวงการโฆษณาไทย
ถ่ายโฆษณาไม่มีคนรู้จัก แต่ถ่ายภาพกราเวียร์ไอดอล คนรู้จักทั้งประเทศ
“ผมถ่ายโฆษณามาหลายปีไม่มีคนรู้จัก แต่พอถ่ายภาพกราเวียร์ไอดอลเท่านั้นแหละ คนรู้จักทั้งประเทศ” คุณชุบเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่เขาเริ่มถ่ายภาพกราเวียร์ไอดอลเป็นครั้งแรก จากการที่เริ่มมีเวลาจากโควิท และอยากทำอะไรมากกว่างานโฆษณา
ผลงานอันโดดเด่นของ Chubpydoo นั้นเป็นการนำผู้หญิงทั้วไปสไตล์สาวข้างบ้าน เก็บภาพในแบบกราเวียร์ไอดอล ที่ราวกับว่าเป็นนางแบบชั้นนำ ให้ความรู้สึกเหมือนภาพกราเวียร์ในประเทศญี่ปุ่น
แต่แล้วหลังจากนั้นผลงานอื่นๆ ของเขายังไปปรากฎบนสำนักข่าวมากมาย โดนวิจารณ์ว่าทำให้ประเทศเสียหายและอีกเหตุการณ์ทุกคนน่าจะจำได้ดีกับผลงานภาพใส่แมสให้ยักษ์ที่วัดโพธิ์ เพื่อสะท้อนถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 แน่นอนว่าครั้งนี้มีเสียงด่าบ้างแต่อีกส่วนก็มีคำชมจากไอเดียนี้
กลางวันคุณชุบถ่ายภาพอยู่ในสตูดิโอ ส่วนกลางคืนนั่งรีทัชรูปถึงตี 4 ในหลายๆ วัน “ถึงแม้จะมีทีม แต่การรีทัชรูปเป็นอะไรที่ชอบมาก นั่งทำได้เรื่อยๆ เหมือนได้เพ้นท์รูป”
กราเวียร์ไอดอล กับความชอบส่วนตัว
“กราเวียร์ไอดอลในหนังสือญี่ปุ่น ก็เป็นรูปน่ารัก เซ็กซี่” ส่วนสิ่งที่ทำให้สนใจการถ่ายภาพกราเวียร์ไอดอลนั้นเกิดจากการอิ่มตัวหลังจากทำงานโฆษณามาอย่างยาวนาน “ผมถ่ายเล่นๆ แล้วลง IG ก็ได้เจอคนที่ชอบแบบเดียวกับเรา ถ้าดูสไตล์ภาพจะเห็นว่าผมเน้นถ่ายเรียลๆ มากกว่าเซ็ท เพราะส่วนตัวก็เบื่อการทำงานแบบโฆษณา ก็เลยทำงานไปตามความรู้สึกตัวเอง”
คุณชุบเล่าว่าที่ทำแบบนี้เพราะความชอบส่วนตัวล้วนๆ ไม่มีรายได้เข้ามาเกี่ยวข้อง อีกอย่างเหมือนได้ช่วยนางแบบให้มีพอร์ตไว้ทำงาน
“จริงๆ อยากให้เรื่องนี้เป็นความปกติ ผมว่าสังคมเราพอเห็นคนถ่ายรูปโป๊หน่อยก็ตีความว่าเขาเป็นคนไม่ดี เป็นผู้หญิงแรด ผมว่าไม่ใช่” คุณชุบเล่าต่อว่าส่วนตัวรู้จักนางแบบเป็นอย่างดี รู้ว่าทำคนต้องทำมาหากิน มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากมาย
ทุกงานต้องมีวิธีคิด สไตล์ Chubpydoo
ถึงคุณชุบบอกว่าเบื่อความเป็นโฆษณา แต่ก็ยังไม่ลืมการทำงานแบบคอนเซ็ปท์เพื่อให้ได้ภาพอย่างใจคิด “อย่างอันนี้ผมทำให้โรงแรมอำแดงริมแม่น้ำเจ้าพระยา (เปิดหนังสือ ชี้ไปที่เซ็ทผู้หญิงไทยเปลือยด้านบนแบบโบราณ) ด้วยความที่โรงแรมมีดีไซน์โบราณผมก็เลยนำเสนอภาพผู้หญิงเปลือยท่อนบนแบบยุคก่อนรัชกาลที่ 4 แล้วแทรกความเป็นปัจจุบันเข้าไปด้วยกระเป๋า Chanel หรือ Apple Watch เข้าไปให้เชื่อมกับปัจจุบัน ภาพของผมจะถูกคิดมาก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ แก้ผ้าโป๊”
“ส่วนสไตล์ที่ผมถ่ายเรียลๆ ก็จะดูจากคาแรคเตอร์นางแบบก่อนว่าเหมาะกับอะไร ถ้านางแบบโอเคก็เริ่มถ่ายเลย บรรยากาศจะไหลไปเรื่อยๆ ตามอารมณ์” คุณชุบบอกว่าการทำงานแบบนี้ส่วนใหญ่จะทำงานกับนางแบบที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว เพื่อให้มีความเป็นธรรมชาติที่สุด
“ผมแบ่งงานเป็น 3 ประเภท 1. ถ่ายภาพแบบเซ็กซี่ 2. นู๊ดอาร์ท 3. Chubpydoo นี่แหละ ไม่มีขอบเขต (หัวเราะ)”
เมื่อถามถึงการทำงานร่วมกับนางแบบ ความน่าสนใจอยู่ตรงที่เราละลายพฤติกรรมยังไง “ล่าสุดถ่ายนางแบบคนนึง คนนี้ไม่เคยถ่ายงานแบบนี้มาก่อน ผมก็จะคุยก่อนแล้วก็บอกว่าเวลาถ่ายให้ทำตัวสบาย เหมือนอยู่ในชีวิตประจำวัน แล้วผมค่อยๆ ถ่ายไปเรื่อยๆ อารมณ์เหมือนเพื่อนถ่ายรูปให้กัน ผมจะถ่ายงานกับนางแบบแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ไม่มีเซ็ทติ้ง”
คุณชุบบอกว่าตรงนี้ต้องเข้าใจกัน ไม่งั้นนางแบบจะหันมาโพสต์ท่าโดยไม่รู้ตัว ทำให้ภาพออกมาไม่เป็นธรรมชาติ
หนังสือ Photo Book Chubpydoo
หนังสือ Chubpydoo หน้าปกสีชมพู มีสตอเบอรี่ผ่าซีกวางอยู่ตรงกลางเกิดจาก IG @Chubpydoo โดนปิด ปีที่แล้วก็เลยตัดสินใจทำหนังสือ “ตอนแรกผมก็คิดว่าคนคงไม่ชอบหนังสือแล้ว แต่วันเปิดตัวหนังสือผมทำนิทรรศกาลที่ Chubcheevit studio แล้วเชิญน้องๆ ในวงการกราเวียร์ไอดอล ทั้งนางแบบและช่างภาพ ทุกคนมาก็ดีใจ เพราะเป็นเหมือนพื้นที่ให้เขาได้แสดงออก”
อะไรคือเส้นแบ่งระหว่างภาพโป๊กับภาพกราเวียร์ไอดอล “ผมว่าเส้นแบ่งไม่มี ตรงนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคนดู” คุณชุบชวนดูงานของ Nobuyoshi Araki ที่มีความโป๊เปลือย แต่ทำไมกลับไม่ให้ความรู้สึกทางเพศ
หนังสือเล่มนี้ได้รับการตอบรับดีมาก มีคนมากมายส่งข้อความเข้ามาชื่นชม นั่นแสดงให้เห็นว่าวงการกราเวียร์ไอดอลในไทย นั้นมีกลุ่มคนที่เหนียวแน่นและมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมากมาย
ติดตามผลงานคุณชุบ นกแก้ว
ได้ที่ Instagram : @Chubpydoo
Facebook : chub nokkaew
RECOMMENDED CONTENT
ผ่านไปแล้วหมาดๆ กับรอบ Wolrd Premeire ใน section 'Venice Days' ของเทศกาล Venice Film Festival กับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ เป็นเอก รัตนเรือง – 'Samui Song – ไม่มีสมุยสำหรับเธอ' หลังจากห่างหายงานกำกับภาพยนตร์ไปอย่างยาวนาน