fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#VISIT — คุยกับกตัญญูผู้ฝันใหญ่ กับ stand up comedy ครั้งใหม่ต่อหน้าผู้ชมหลักพันคน
date : 29.สิงหาคม.2017 tag :

เรานัดกันที่ห้องสมุดเพื่อนักออกแบบและสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ใจกลางห้างดังย่านพร้อมพงษ์ เพื่อคุยกับคนที่เป็นทั้งพี่และเพื่อน ใช่ เราสนิทกันประมาณหนึ่ง อาจจะเพราะว่าเคยทำงานด้วยกัน อยู่ในวงการเดียวกันมาก่อน รวมถึงเราเคยพูดคุยสัพเพเหระกัน ถึงขั้นมีคำแนะนำหลายๆ อย่างที่เอามาปรับใช้ได้กับชีวิตด้วยซ้ำไป

ชายคนนี้ผ่านอะไรมาหลายอย่าง หลายอย่างที่ว่าคือการเติมเต็มความฝัน ผ่านการลองผิดลองถูก ลองชอบ และลองไม่ชอบ คนคนหนึ่งเคยผ่านอะไรมาบ้าง การถามตรงๆ อาจไม่ใช่เรื่อง กตัญญู สว่างศรี คือชายผู้กำลังสนุกการทำ stand up comedy ครั้งใหม่ หลังจาก (ค่อนข้าง) ประสบความสำเร็จจากการจัด stand up comedy ไซส์เล็กคนดูไม่ถึงร้อยคนต่อรอบ คราวนี้เขาคิดการใหญ่ด้วยการเล่นต่อหน้าคนดูหลักพันคน จากการพูดคุยกับเขาเราพบว่า นอกจากกตัญญูจะผ่านอะไรที่ว่ามามากแล้ว เขายังเก็บเกี่ยวเอาวัตถุดิบระหว่างทางมาใช้ได้อย่างคุ้มค่า และเชื่อเถอะว่า กตัญญูคือคนคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตที่ผ่านมา อย่างโคตรคุ้มชะมัด!

__________

ก่อนหน้านี้ทำอะไรมาบ้าง
ก่อนหน้านี้ก็มีเขียนบทซิทคอมให้โต๊ะกลม เป็นพิธีกรรายการฅนค้นคน เคยทำกองบรรณาธิการแล้วก็พิธีกรอีเว้นท์ของนิตยสาร happening! และก็เป็นพิธีกรตามงานเทศกาลหนังสือ งานเปิดตัวหนังสือ หลังจากนั้นก็เริ่มขยับมาทำโปรดักชั่นทีวี โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับหนังโฆษณา งานเขียนก็ทำ มีเขียนนิยาย เรื่องสั้น เป็นบรรณาธิการสัมภาษณ์นิตยสาร GM ล่าสุดก็คือครีเอทีฟเอเจนซี่ เป็น Content Manager ของ Moonshot แทบจะทุกสื่อทุกแพลตฟอร์ม

ทำมาเยอะขนาดนี้ มองว่าตัวเองเป็นเป็ดไหม
ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะมานั่งสรุป ว่าสรุปแล้วมึงเป็นอะไร แต่ตอนนี้ก็ทำอะไรสนุก ทำไปเรื่อย เราว่าก็มีหลายคนนะ ที่ทำอะไรหลายๆ อย่าง ก็รู้สึกภูมิใจกับตัวเองมากกว่า ถึงเราจะเป็นเป็ด แต่เป็นเป็ดที่อร่อย แดกได้ ที่ผ่านมาไม่ได้ทำแล้วหงอยๆ ทำแล้วเวิร์ค หน้าที่การงานก็ดี

มีคนมองไหมว่า คนที่ทำอะไรเยอะๆ เลยกลายเป็นคนที่ไม่มีหลักแหล่ง
คือเราไม่เคยคิดถึงคนอื่นเลยนะ เรารู้ตัว เราตั้งใจ และสนุกกับการทำหลายอย่างตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ตอนมัธยมเราเคยลิสท์ไว้ว่าอยากทำอะไรบ้างและก็ได้ทำมาหมดแล้ว มันสนุก แล้วมันก็ได้ทำ หลักแหล่งคืออะไร เราไม่รู้ ความมั่นคงเหรอ เราว่าชีวิตเราค่อนข้างดีนะ สิ่งที่สำคัญคือ ถ้าเราแน่ใจ เราเห็นภาพ มันมั่นคงแหละ เราว่าแต่ละคนให้คุณค่ากับชีวิตไม่เหมือนกัน ถ้าเราแน่ใจ เราว่ามันเวิร์คกับชีวิตแบบนี้

เอาอะไรมาแน่ใจว่าเราจะทำทุกๆ อย่างได้ดี เพราะส่วนใหญ่คนมักมองว่าชีวิตแบบนี้มันเสี่ยง
เรามีเพื่อนสนิท ชื่อก้อง กองโต มันพูดว่า ชีวิตไม่สิ้น ทำอะไรก็ได้ ไม่อดตายหรอก คือเราไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีหรือเปล่านะ แต่เราแน่ใจว่าเราจะทำมันให้ได้ มันคือมั่นใจ ลองผิดลองถูก ผลลัพท์ออกมาให้คนอื่นตัดสิน ที่เหลือค่อยว่ากัน คือก็กูจะเอาอ่ะ!

ที่ผ่านมาเฟลไหม
เราว่าทุกคนต้องเคยพังนะ ความจริงอันนี้ก็อาจจะพังก็ได้นะ (stand up comedy ครั้งนี้) ขายบัตรไป ใหญ่เกินตัว ชีวิตมันพังไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว ตลอดเวลาที่เรามีชีวิตมา ถ้าลองเอามาวัดกันดู เราว่าความทุกข์มันก็พอๆ กับความสุขนะ แต่ละจุดที่พังมันจะเปลี่ยนความคิดเราไปเรื่อยๆ เราเปลี่ยน mindset เล่นโชว์มันก็เห็นว่า เล่นสิบมุข พังก็ต้องพังสักสามสี่มุข แต่ทั้งหมดมันจะใหญ่โตหรือเล็กน้อยแค่ไหนมันก็อยู่ขึ้นกับเรา ใครเฟลใครพังเดี๋ยวคนอื่นก็ลืมแล้ว

เป็นเช็คลิสท์หนึ่งของชีวิต
สำหรับเราครั้งนี้แม่งใหญ่ เราให้ความสำคัญมาก คือเราเคยนั่งคุยกับนิ้วกลมในงานสัปดาห์หนังสือ ทำอะไรที่มันชอบ เราควรจะมี business model มารองรับความชอบนะ คือถ้าทำแล้วมันแฮปปี้ ผลออกมาดี มีคนดู ขายบัตรได้ ได้เงิน ไม่เห็นแย่อะไรที่เราจะเอาจริงเอาจังกับมัน เพราะเราเห็นหนทางที่จะไปต่อได้

อะไรทำให้รู้สึกว่าเราทำ stand up comedy ได้
เมื่อประมาณปี 2015 ในงาน lecture show พอดีมันมีเวลาเหลือ ทีมงานเลยถามว่า อยากทำอะไรเปล่า เราก็เลยอ่ะ ขึ้นพูดด้วยเลยละกัน ก็ทำสไลด์หนึ่งแผ่น ขึ้นจอว่า ‘ชีวิตฟรีแล้น’ เราก็เล่าเรื่อง เล่าชีวิต เล่นมุขขำๆ ปรากฏว่ามัน ด้วยความที่เราชอบกวนตีน ชอบแหย่ ชอบให้มีบรรยากาศสนุก เห็นว่า เฮ้ย…ได้ว่ะ …มาว่ะ วันนั้นก็เรียกแซม (เพื่อนสนิท) มานั่งคุยกันเลย จดไว้ว่าเดี๋ยวทำดีกว่า แต่ยังไม่เห็นทาง เดี๋ยวทำ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วเมื่อวันก่อนเราเห็น year plan ตัวเองในสมุดจด ก็เห็นว่าขีดเส้นใต้สีแดงไว้ที่คำว่า talk show นะ ซึ่ง 20-30 คนมานั่งดูมันก็ถือว่าเยอะนะ รวมกันแล้วสามรอบรวมรอบซ่อมก็ประมาณ 300 คนได้ แล้วมันเหมือนจะเล็ก ไม่มีใครทำอะไรแบบนี้แล้ว

มันยากมากเลยนะ
ใช่ มันยากมาก เราเห็นคนทำแบบนี้นับคนได้เลย พี่โน้ส อุดม, น้าเน้ก, พี่พิง ลำพระเพลิง ซึ่งมันไม่เหมือนไปเรียนกีตาร์นะ แต่อันนี้จะเดินไปหาใครสอนได้ล่ะ มันเลยกลายเป็นโชว์เล็กที่ขนาดใหญ่มาก ความกลัวใหญ่มาก ความกดดันใหญ่มาก ความจริงความกดดันของรอบนั้นใหญ่กว่ารอบนี้อีก ตอนนี้มันเหมือนเราทำกับข้าวเป็นแล้ว เอาล่ะ กูจะทำให้มันอร่อยขึ้น

ทั้งๆ ที่คนดูเยอะกว่า?
คูณสิบไปเลยนะ นี่มันยังอีกสามเดือนไง (สัมภาษณ์เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม) เลยยังไม่รู้สึก เราว่ามันก็กดดันอ่ะ แต่ว่าก็พอจะเห็นวิธีการแล้ว คราวที่แล้วจะเล่นอยู่แล้วยังเขียนบทไม่ได้เลย

ไปเอาเทคนิคมาจากไหน
เมื่อคืนแซมเพิ่งทักมาถามเรื่องบท เราบอก เฮ้ย… ออกจากงานมาสองสัปดาห์แล้วมันยังไม่พร้อมหรอก ต่อให้พรุ่งนี้จะเล่นแล้วมันก็ยังไม่พร้อม เราไม่มี know-how ชัดเจน เราพยายามดูมุขจากต่างประเทศที่เราชอบ พยายามดูจากคนที่เค้าสำเร็จมาแล้ว แต่พยายามที่จะไม่ซ้ำ หาหนทางใหม่ๆ อันไหนขำเราก็ใช้ เราก็เก็บไว้ มันจะมีโครงสร้างบางอย่างของมุขอยู่ ซึ่งเราเรียนรู้จากการที่เราเป็นพิธีกรด้วย การทำงานอย่างอื่นที่ผ่านมาด้วย

มันจะมีมุขที่ฮาและไม่ฮา มันทำให้เราเฟลหรือต้องแก้ตรงไหนหรือเปล่า
มันคือการบริหารจัดการบรรยากาศ ที่วินาทีนั้นมันหล่นได้เสมอ มันนกได้ตลอดเวลา เหมือนฟุตบอลที่ไม่จ่าย หรือถ้าไม่ยิงมันวืดเลย มันต้องอาศัยประสบการณ์ เราต้องจูนคลื่น อ่านคนตลอด บรรยากาศแบบนี้ เค้าจะสนุกกับแบบนี้ ประสบการณ์จะทำให้เราเห็น ดูความหนืด ดูความฮา ขยี้เบาๆ พอ มีการอ่านบรรยากาศ วันนี้คนดูเป็นยังไง ตอนเริ่มและตอนเล่นมันจะไม่เหมือนกันเลยนะ ไม่มีสูตรสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว

ได้ยินมาว่ามีการไปนั่งคุยกับพี่โน้ส (อุดม แต้พานิช) คุยอะไรกันบ้าง
พี่โน้สสอนอ่ะแหละ เค้าบอกว่า มึงมาถูกคนแล้วครับ แกก็แนะนำเคล็ดลับต่างๆ ในการเล่น การจัดการความรู้สึกของเราและคนดู เราถามหมดเลย แกก็เล่าหมด เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เราก็บอกพี่โน๊ตนะ ว่าผมรั้นนะพี่ แกบอกก็แล้วแต่มึง แต่ทั้งหมดคือคำแนะนำที่ดีมากๆ

ทำไมเลือกสเกลที่ใหญ่ขึ้นมาก (stand up comedy ครั้งนี้ กตัญญูจัดที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ)
ไม่มีเหตุผลนะ ความจริงจะเล่นที่เล็กๆ แล้วเพิ่มรอบก็ได้ แต่หลังจากที่ดู stand up ที่ Netflix มันเลยเป็นความโรแมนติกที่เราอยากมีนะ อยากยืนอยู่ในแสง อยู่ท่ามกลางคนดู ตอนแรกไปดูที่เล่นที่ playhouse แต่มันไม่ว่าง แล้วพี่ที่รู้จักก็พาไปดูที่สยามพิฆเนศ มันเห็นภาพ เราจะเล่นตรงนี้ มันก็ไม่ใหญ่มั้ย แสงมา ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊กเลย soon! เงินก็ไม่มี โม้ไว้ก่อน ยังไม่บอกเลยว่าที่นี่ แต่ก็ลองคุยกับทางผู้จัดการดู ก็ลองหาตังค์ ไปทีละเสต็ป อ่ะเงินหาได้ละ ตอนนี้ก็เลยหาคนดู ก็เลยต้องออกสื่อเยอะหน่อย (หัวเราะ)

สำหรับบ้านเราวงการ stand up comedy ถือว่าโอเคไหม
มันไม่มีคำว่าวงการนะ ปีสองปีนี้เองที่เพิ่งมีกลุ่มคนมาเริ่มทำจริงจัง มันก็มีคนที่เล่นๆ ไปเรื่อย เราว่ามันมีคนอีกมากที่เล่นได้ เค้าอาจจะเหมาะ แต่แค่จัดการไม่ได้ เราอาจจะโชคดี เราผ่านอะไรมามาก เราพอจะจัดการตัวเองได้

คิดว่าคนไทยจะรับอะไรแบบนี้ได้ไหม
เราว่าคนไทยจำนวนหนึ่ง มันมีคนหลากหลาย มันมีเพจ fast translate ที่แปล stand up ต่างประเทศ แล้วคนดูเยอะมาก เราเชื่อว่าคนอยากดู มันมีตลกอีกหลายรูปแบบที่หลากหลาย มันตลกในแบบที่ไม่พูด หรือบริษัท ฮา (ไม่) จำกัด เราว่าคนชอบความหลากหลาย ถ้ามันได้ มันมีกลุ่มคนที่รออะไรใหม่ๆ มันแปลกดี อยากดู เพจชงนมงี้ เราว่ามันมีโอกาสที่จะมีคนสนใจ มันคือความตลกนั่นแหละ

มองว่า stand up comedy เป็นอาชีพหรือไม่
อะไรที่จะเป็นอาชีพได้มันต้องมีตลาดชัดเจน มันต้องมีความต่อเนื่องต่างๆ เราว่ามันจะเป็นอาชีพได้ ถ้าคนนั้นประสบความสำเร็จ มันเป็นวัฒนธรรม เราว่าต้องทำงานอื่นควบคู่ไปด้วยเพื่อจะมา support ความฝัน อันนี้เรากำลังพยายามทำให้มันเป็นอาชีพอยู่ ข้อดีของการจัดใหญ่คือ เสี่ยง แต่ถ้าจัดได้มันก็เป็นอาชีพได้

เห็นว่าลาออกจากงานมาทำ stand up comedy เลย
เจ้านายที่เราทำงานด้วยน่ารักมาก เขารวมคนมาดูเกือบทั้งบริษัท เขาให้ยอมพักงาน วันที่ลาออก เราบอกว่าขอ leave without pay สามเดือน เขาขอเดือนเดียว เราบอกไม่ได้ ขอออกดีกว่า เขาบอก กูไม่ให้มึงออก งั้นกลับมาค่อยว่ากัน คือสนิทกันมาก อ่ะมึงไปทำก่อน มึงว้าวุ่น กลับมาค่อยว่ากัน ขอบคุณเครือ Rabbit Digital Agency มาก รอบที่แล้วบริษัทก็ช่วยเยอะมาก เป็นบริษัทที่รักมาก

เป็นเพราะเพื่อนดี คอนเน็กชั่นดี มันเลยทำให้เรามาอยู่ในจุดนี้ได้ด้วยหรือเปล่า
เราเห็นว่าพอเราทำมาเรื่อยๆ ทุกคนจะเห็นว่าเราจริงใจ ทุกคนเลยอยากสนับสนุน คนแบบนี้มีเยอะแยะเลย  เพราะทุกคนเห็นความเป็นไปได้ เห็นศักยภาพของเรา เราชอบพูดกับตัวเองว่า มันคือ “ความฝันบ้าๆ ที่น่าจะเป็นไปได้” มันมีคนมาช่วยเราเยอะมาก ครั้งหนึ่งพี่ปอย portrait พูดว่า เห็นมึงมีอะไรพุ่งอยู่ข้างในมานานแล้ว แม่งบ้าดีว่ะ กูไม่กล้าเท่ามึงนะ มึงช่วยบ้าแทนกูที คือมันไม่ใช่ทั้งหมดของทุกคนนะ แต่คนวงในรู้จักกันจะรู้ว่า เฮ้ย อียูมันบ้า สนับสนุนมันหน่อย

หาแมททีเรียลอย่างไร
โอ้ย เรื่องรอบตัวเลย อันนี้พี่โน้สสอน มันคือเลนส์ เราจะมองเรื่องนั้นยังไง คือเราติดนิสัยอยากเล่นอยากกวนตีน ถ้าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ล่ะ ถ้าเราลองมองอย่างนี้ล่ะ อาจเป็นเพราะเราชอบอ่านวรรณกรรม เรื่องสั้น ที่มันชวนให้คิดต่อ เลยเป็นวิธีที่เรามองแหละ เราว่าเรื่องตลกคือเรื่องเหี้ยๆ ที่พอรับได้ ไม่ได้คอขาดบาดตาย บางทีเราเป็นเหยื่อ คนอื่นเป็นเหยื่อ ถ้ามันโง่ มันขำได้ แต่มันก็มีโครงสร้างหลายๆ แบบแหละ อย่างที่บอก

ได้ยินว่ามีที่ปรึกษา ปรึกษาอะไรกัน
ส่วนมากจะลองเล่าเรื่องที่อยากเล่นกันก่อน แล้วที่ปรึกษาจะเสริมมาว่า พี่ผมมีอินไซด์ ที่พี่เล่ามันน่าจะต่อแบบนี้ เราต้องการคนอยู่ข้างๆ แล้วพูดเบื้องลึกกันได้ ซึ่งแฟ็กซ์ (ผู้ช่วยและที่ปรึกษาบท) คุยกันได้ทุกเรื่อง ไอ้แซมก็ฟังก์ชั่นนี้ เราต้องการคนที่เชื่อในสิ่งที่เราทำ ทำแบบนี้มันหวั่นไหวตลอดเวลานะ ท้อได้ตลอดเลย

แสดงว่าไม่ได้เดี่ยวละ มันคือการทำงานเป็นทีม
จำได้ว่าตอนเล่นครั้งก่อน ตอนโชว์กำลังจบ แฟ็กซ์ก็เดินมาบอกว่า ได้แล้วพี่ พี่ทำได้แล้วโว้ยยย ดีใจกันสุด ทีมทำได้ทุกอย่าง ชมได้ ด่าได้ ก็มีกันสองสามคนนี่แหละ เราก็เล่าในห้องนอน แฟ็กซ์นั่งฟัง แซมนั่งหลับ (หัวเราะ) จำได้ว่า ตอนนั้นเป็นโมเม้นต์ที่เหี้ยมาก ก็เล่นในห้องนอน ไม่มีไมค์ พูดได้ห้านาที พอก่อน ล้างหน้า กูไม่ได้แน่ๆ เลย นึกได้ว่าพี่โน้สเปลี่ยนกางเกงใหม่ก่อนขึ้นเล่น เอาวะ เราโกนหนวดละกัน ตกแต่งให้เกลี้ยง ก็เสริมสร้างความมั่นใจอ่ะแหละ ไม่เวิร์กหรอก

ความจริงเราเคยมีคลิปทดสอบ ไม่มีใครเห็น สองสามปีก่อน อยู่ในยูทูป กระจอกมาก ไม่กล้าให้ใครดู ใส่เสียงหัวเราะเอง กากมาก ตอนนี้ก็ยังไม่เก่งขึ้นมากขนาดนั้น แต่พ้นไปจากตรงนั้นมาก คือทีมยังเท่าเดิมแหละ แต่เพิ่มทีมจัดการมากขึ้น แต่ทุกวันนี้ก็โรคจิตต้องไปยุ่งทุกอย่าง เดินไปเดินมา มันสนุก นี่ก็เลยต้องมีผู้ช่วย ต้องประกาศรับสมัคร ทุกคนออกจากงานมาทำ เราบอกจบก็จบแค่นี้นะ แต่ทุกคนบอกว่า เออมันดี ทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ เราก็จ่ายเงินเดือนนะ

ฟีดแบ็กมาบ้างหรือยัง
จำได้ว่ามีน้องมัธยมคนหนึ่ง น่ารักมาก วันนี้ก็คุยกัน มันก็เป็นเด็กที่ติดตามเรา มันไปไลน์ชวนเพื่อน มันตอบ ใช่พี่ ผมต้องชวนเพื่อน! เพราะผมเหงา! มันตลกนะ แต่มันก็น่ารักดี รวมคนเพี้ยนๆ มางานเนี่ยแหละ น้องคนนี้คือนับเบอร์วันเลย

เหยอไหม (ศัพท์วัยรุ่นของคำว่า ทะนงตัว)
เหยอสิ ฟังแล้วน่าหมั่นไส้ เราก็คิดแค่ว่า เราสนใจคนที่สนับสนุนเรามากกว่า เขาสนใจสิ่งที่เราทำ การเล่นตลกไม่ใช่อาชญากรไง พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยงบอกว่า ทำไปเถอะ ยังไงก็มีคนรักเรา ทำเพื่อคนเหล่านั้นน่ะแหละ อยากให้คนใหม่มาลอง ด่าได้ แต่เราก็จะหลบๆ (หัวเราะ) ไม่มีใครชอบถูกด่าหรอก เรามีความสุขแหละ  เป็นคนซาดิสม์แหละ
 

อายุ 31 ถือว่าประสบความสำเร็จหรือยัง
ยังเลย ก็แค่พออยู่รอด เราว่าคนอายุ 30 ถึง 45 มึงต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง หลังจากนี้เราไม่รู้ว่าจะพร้อมหรือเปล่า อยากทำอะไรทำเลย อย่างล่าสุดรับหนังสือเหลือมา ส่งไปขายร้านหนังสือแล้วขายไม่ได้ จัดงานปิดตัวหนังสือเลย คุยว่าคนทำหนังสือเจ๊งยังไง มาเถอะ ฟังกัน สนุกๆ เราว่าวัยนี้เราน่าจะบริหารจัดการพลังที่อ่อนจากตอน 20 ต้นๆ ได้ดี ชีวิตมีครั้งเดียวจริงๆ ทำได้ทำเลย เอาให้มันสะใจ เราชอบล้อตัวเองมั้ง เราไม่อยากล้อคนอื่น เราอยากเป็นที่รักอ่ะ อยากล้อแล้วคนอื่นเอ็นดูเรา เนี่ย พิมพ์หนังสือ รับกลับมา 1,200 พิมพ์ไป 1,500 ดูสิ จัดงานปิดตัวหนังสือแม่ง อาจจะเป็นเนเจอร์เราด้วย ชอบล้อตัวเองมากกว่า

เหนื่อยไหมที่ต้องออกสื่อมากขึ้น
เหนื่อยแหละ แต่มันสนุก เรายินดีมาก อยากเล่าเรื่องพวกนี้ซ้ำๆ อยากเอาความฝันมากอง มันแฮปปี้มาก  เราว่ามันดีนะ มันทำให้เห็นภาพว่าเราจะทำอะไร ต่อไปเราอยากไปนิวยอร์ค อยากเล่นตลกที่อังกฤษ อยากมีวิดีโอลง Netflix ดูสิ โอกาสเต็มไปหมดเลย เหมือน commit กับตัวเองว่า ทำน้าาา… โม้เยอะแล้วน้าาา… ดีกว่าไปนั่งนินทาว่าคนอื่นทำไม่ได้หรอก เราชอบเล่าความฝัน และเราก็ชอบสนับสนุนคนอื่น เพราะมีคนช่วยเราเยอะ โมเม้นต์ตอนที่คนอื่นเขาให้เรา มันดีมากเลยนะ

เคยมีน้องทักมาว่าอยากเป็น comedian จะไปจัด stand up แบบเปิดหมวกที่สยาม เราขอเบอร์เลย ก็โทรไปอธิบาย ไปแนะนำเขา มุขตลกมันไม่ใช่การเล่นให้ดูหน่อย มันมีเงื่อนไข มันไม่เวิร์ก เราพร้อมที่จะช่วยคนอื่น แนะนำคนอื่นในทางที่เราทำได้ เราอยากช่วย มีคนอยากทำเยอะ ส่วนใหญ่บอกว่าทำยังไง พอจะรู้ พอจะทำได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันยังยากอยู่แหละ ดูสิ ตัวเองยังไม่รอดเลย (หัวเราะ)

อยากฝากไหม ว่าทำไมต้องมาดู stand up comedy ครั้งนี้
สำหรับคนที่ไม่รู้จักเราเลย มาลองดูละกัน มีโอกาสสูงที่คนจะบอกว่าน่าเบื่อ เอาโทรศัพท์เข้าไปเล่นได้ (หัวเราะ) ลองอะไรใหม่ๆ เป็นโอกาสที่ดี ส่วนที่รู้จักอยู่แล้ว อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา (ฮา)

อยากขอบคุณใครบ้าง
เต็มไปหมดเลย คนที่รัก คนที่สนับสนุนเราทุกคน คนที่เคียงข้างเรามาตลอด คนใหม่ๆ ด้วย เราไม่เชื่อว่าการบอกว่าเราตั้งใจให้คนอื่นฟัง มันจะเวิร์ก เราอยากทำให้ดู ให้เห็นเลย ไม่เชื่อเลยกับการบอกว่าตั้งใจมาก

_

A-KATANYU The Man Who Stand Up
โชว์ที่ใช้ความเหยอและความเล่นใหญ่เต็มขั้นครั้งแรก
ขนเรื่องราวในชีวิตมาเล่าผ่านความฮาแบบ stand up comedy
ของผู้ชายกวนตีนชื่อ ‘กตัญญู’

22-23 กันยายนนี้ ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ
ชั้น 7 Siam Square One
ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา

ขอบคุณสถานที่ :
AIS Design Center (AIS D.C.)
ชั้น 6 The Emporium

RECOMMENDED CONTENT

29.พฤษภาคม.2020

ในช่วงเวลาที่การแข่งขันกีฬาอาชีพหลายรายการกำลังเริ่มกลับมาแข่งขันตามปกติ ไนกี้ตระหนักดีถึงความรู้สึกของแฟนกีฬา ความตื่นเต้นจากเกมการแข่งขันที่พลิกผันในเสี้ยววินาที พลังของแฟนกีฬาที่กำลังค่อยๆ ตื่นขึ้นอีกครั้ง และแน่นอนที่สุดคือความรู้สึกสนุกสนานที่แฟนๆ กีฬามีร่วมกัน