“อาจไม่ปูทางด้วยพรมดอกไม้ อาจไม่มีดาวชี้คอยนำทาง แค่ออกไปทำตามหัวใจ ออกไปและใช้ชีวิตที่มีชีวิต”
คือเนื้อเพลง ‘ชีวิตที่มีชีวิต’ ซิงเกิ้ลล่าสุดจาก Getsunova เจ้าพ่อเพลงล้านวิวที่พวกเขาบอกเราว่านี่เป็นหนึ่งในบทเพลงเกี่ยวกับชีวิตเพลงแรกของวงเขา เป็นเพลงที่เหมือนตัวเเทนของเรื่องราวการทำเพลงตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ไม่มีคนรู้จักจนเกือบเลิกทำวงไป มาจนถึงวันที่เพลงของพวกเขาเเทบจะไม่มีใครที่ร้องตามไม่ได้
ในวันนี้ Getsunova กำลังจะก้าวเข้าสู่อีกหนึ่งเส้นชัยสำคัญของชีวิตพวกเขา ด้วยการมีคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต ซึ่งดู๊ดดอทเองก็ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับพวกเขาถึงเส้นทางการทำวงที่ผ่านมาว่า Getsunova มีชีวิตอย่างไรบ้าง
ชีวิตที่มีฝัน
การรวมตัวของ Getsunova ไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นช่างฝันทั่วไป เนม (ปราการ ไรวา – นักร้องนำ) และ นาฑี (นาฑี โอสถานุเคราะห์ – กีตาร์) ได้พบกัน แลกเปลี่ยนความฝัน ตัดสินใจรวมตัวกันเพื่อสร้างวงดนตรีตั้งแต่สมัยที่พวกเขาไปเรียนต่อที่อังกฤษ จากนั้นจึงชักชวน นต (ปณต คุณประเสริฐ – กีตาร์) และ ไปร์ท (คมฆเดช แสงวัฒนาโรจน์ – กลอง) จนกลายมาเป็น Getsunova ในที่สุด
แต่การเริ่มต้นสร้างวงดนตรีก็ไม่ง่าย ตั้งแต่ปล่อยซิงเกิ้ลแรกในปี 2007 จนถึงปี 2012 เรียกว่าเป็นช่วง 5 ปีที่สร้างบาดแผลให้กับพวกเขาซ้ำเเล้วซ้ำเล่า “Getsunova ในช่วง 4–5 ปีแรกก็แทบจะไม่มีคนรู้จัก เกือบจะเลิกทำวงกันไปแล้ว แต่เราเองพยายามที่จะทำในสิ่งที่เรารัก เลือกชีวิตที่เป็นชีวิตของเราจริงๆ ” เเละเหมือนจะเป็นผลของความพยายาม เพราะในปลายปี 2012 ซิงเกิ้ล ไกลแค่ไหนคือใกล้ ก็ได้เปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปอย่างไม่มีใครคาดคิด
ชีวิตที่พลิกผัน
“จากที่พวกเรานั่งอยู่บ้าน บางวันไม่มีงาน ก็เริ่มไปทัวร์คอนเสิร์ตกันแบบจริงจัง ไปจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ ทัวร์กันจริงจังมากๆ จากที่แบบเล่นสดยังสะเปะสะปะอยู่ ตอนนั้นก็ต้องไปเจอผู้คนมากมาย ต้องไปร้องเพลงที่ทุกคนร้องได้ จะเรียกว่าชีวิตเปลี่ยนแบบฉับพลันก็ได้”
ไกลแค่ไหนคือใกล้ ถือว่าสร้างปรากฏการณ์ที่เราเห็นได้ไม่บ่อยครั้งในเมืองไทย จากวงที่แทบจะไม่มีใครจำได้ กลายมาเป็นวงที่ผู้คนมากมายรอดูการแสดง
“ช่วงที่ ‘ไกลแค่ไหนคือใกล้’ ดังมากๆ เรามีช่วงที่เหมือนโดนเรียกเข้าไปปรับทัศนคติ ไปปลูกฝังแนวคิดว่าเราต้องคิดยังไงต่อการแสดงหนึ่งครั้ง โชว์หนึ่งเราออกไปเราต้องการอะไรบ้าง จะเรียงเพลงยังไง จะพูดกับคนดูยังไง เราเป็นนักดนตรีเป็นนักร้องเราไม่เคยรู้มาก่อน ว่าจะต้องเอาคนเมาในผับให้อยู่ การออกไปงานกลางแจ้ง งานกาชาด มันต่างจากการไปเล่นเฟสติวัลนะ มันมีหลายโหมดที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ตอนนั้นก็เหมือนไปจัดเรียงใหม่ให้มันเข้าที่เข้าทาง ถ้าถามว่าเป็น professional ขึ้นไหม ไม่เเน่ใจนะ แต่ว่าเราเอาเวทีอยู่ขึ้น”
ชีวิตที่ต้องพิสูจน์
หลายๆคนอาจมองว่า ‘ไกลแค่ไหนคือใกล้’ เป็นรางวัล เป็นความสำเร็จของ Getsunova แล้ว แต่พวกเขาบอกเราว่าในเวลานั้นมันไม่ใช่
“วันที่เพลงไกลแค่ไหนดัง สิ่งแรกที่ พี่อั๋น (ประพัฒน์ คูศิริวานิชกร – ผู้บริหารค่าย Duckbar) กับ พี่พล (คชภัค ผลธนโชติ – โปรดิวเซอร์)ในตอนนั้นทำคือ เขาพยายามจะมาไซโคพวกเรา แบบไม่ได้ยินดีกับเราน่ะ เนี่ยรางวัลที่มึงได้วันนี้ เดี๋ยวปีหน้าคนอื่นเขาก็ได้ ไม่ต้องมาดีใจอะไรหรอก เขาก็จะมาพูดหนักนิดนึงในช่วงนั้น
แต่ว่าพอต่อมาเราก็เข้าใจว่าเขาพยายามบอกอะไรบางอย่าง เพราะว่าเพลงมันมาเดี๋ยวมันก็ไป ต้องเป็นเรานี่แหละที่จะทำเพลงต่อไปเรื่อยๆ มันเลยเหมือนช่วงนั้นเราไม่ได้รู้สึกถึงการเฉลิมฉลองน่ะ รู้สึกเหมือนมันโดนกดดันเข้าไปเรื่อยๆ ต้องทำเพลงเพิ่ม ทำมาก็ไม่ให้ผ่าน มันไม่ใช่ว่าเราขึ้นสวรรค์แล้วใช้บุญแล้ว แต่มันเหมือนยิ่งหนักขึ้นไป”
ชีวิตที่มีตัวตน
การสร้างตัวตนที่ชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวงดนตรีที่ต้องมีเอกลักษณ์เพื่อให้ผู้คนจดจำ
“พี่อั๋นเขาก็วางแผนไว้ค่อนข้างดี แต่ละเพลงแต่ละซิงเกิ้ลเขาก็คิดแล้วว่ามันจะทำหน้าที่อะไร ยกตัวอย่างอย่าง ‘ไกลแค่ไหนคือใกล้’ ด้วยความที่มันแมสมากคนก็ยังจับไม่ได้ว่าเราคือใคร อยู่กลุ่มไหน พี่อั๋นเขาก็พยายามตีโจทย์ให้วงมันวัยรุ่นขึ้น เป็นเพลง ‘แตกต่างเหมือนกัน’ ไปอยู่ในซีรี่ส์ฮอร์โมน ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมต้องไปอยู่ในเรื่องนั้น แต่ว่าก็กลายเป็นแบบเราเป็นวงวัยรุ่นไง เพราะเรายังเด็กๆ อยู่ด้วย มันก็ชัดมากขึ้น”
แม้จะออกเพลงมาไม่มาก แต่ทุกเพลงของ Getsunova นั้นทำหน้าที่มันได้เป็นอย่างดี ทั้งการทำให้วงของพวกเขาโด่งดัง รวมถึงการพิสูจน์ตัวเอง
“ตอนนี้ Getsunova เป็นวงที่วัยเริ่มไม่รุ่นละ โตขึ้น อยากพูดอะไรที่ซีเรียสขึ้น แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสในแบบขนาดพี่ตูนหรือจะสอนคนอะไรนะ แต่เราคือคนที่เคยผ่านอะไรมาเยอะ แล้วก็เล่าว่าเราผ่านมันมาอย่างนี้ เราเคยวิ่งผ่านอุปสรรคเหล่านี้มา ซึ่งเราก็วิ่งมาจริงๆ Getsunova อย่างที่ในช่วง 4–5 ปีแรกก็แทบจะไม่มีคนรู้จัก แต่เราเองก็เนี่ยพยายามที่จะทำในสิ่งที่เรารัก เลือกชีวิตที่เป็นชีวิตของเราจริงๆ เรารู้สึกว่าเราพูดในสิ่งที่เราเป็น ไม่ได้ไปสอนเขา แค่บอกว่าลองทำแบบนี้กันไหม เราก็เลยเอาเรื่องเหล่านั้นมาเขียนเป็นเพลงนี้”
ชีวิตที่มาไกลกว่าฝัน
ในวันนี้ไม่มีใครปฏิเสธความโด่งดังของ Getsunova ได้ จากทุกซิงเกิ้ลที่ปล่อยมาฮิตติดชาร์ต ยอดวิว MV สูงลิบที่ทำให้พวกเขากลายเป็นเจ้าพ่อเพลงล้านวิว ไหนจะคอนเสิร์ตเดี่ยวที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้พวกเขาบอกว่ามันเป็นฝันที่คาดไม่ถึง
“ถ้าถามว่าเคยฝันไหม ก็ฝันแต่ไม่คิดว่าจะมีจริง เหมือนที่เราไม่เคยคิดว่าจะมีอัลบั้ม ไม่เคยคิดว่าจะมีเพลงดัง เราก็ไม่เคยคิดว่าจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวเหมือนกัน แต่เราก็กลัวนะ คือไม่ชัวร์ว่าคนจะซื้อบัตรมาดูเราไหม เเล้วก็ไม่ชัวร์กับเราเองด้วยเเหละ ว่าเราจะทำให้มันได้ดีอย่างที่เราคาดหวังไหม เราเพอร์ฟอร์มได้ขนาดนั้นแล้วเหรอ เเต่ระหว่างนี้เราก็จะต้องพาตัวเองไปถึงจุดที่เรามั่นใจให้ได้แบบนั้น เราก็ต้องการทำให้มันดีที่สุด เพราะมันเป็นคอนเสิร์ตที่เราต้องโชว์ศักยภาพ โชว์ประสบการณ์ทั้งหมดที่เราเก็บมาตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา”
มาจนถึงวันที่ที่พวกเขากำลังเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเอง เราจึงอดถามพวกเขาไม่ได้ว่าในชีวิตนี้ Getsunova คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยัง
“บ้างในระดับหนึ่ง เราอาจจะมีหลายอย่างที่ตอนแรกเราอยากจะมีแล้ว เช่นเพลงที่ฮิต หรือว่าอัลบั้ม รวมถึงคอนเสิร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มันก็ยังมีเป้าหมายอีกเยอะที่เราอยากมี เช่น ทัวร์อเมริกา (หัวเราะ)”
เมื่อการสัมภาษณ์จบลงที่เรื่องทัวร์คอนเสิร์ตอเมริกา ทำให้เรานึกถึงเนื้อเพลงในซิงเกิ้ล ชีวิตที่มีชีวิต อีกครั้ง เพราะคงไม่มีประโยคที่จะอธิบายเรื่องราวของพวกเขาได้อย่างชัดเจนเท่า
“จะทำทุกวิธีแม้ไกลสักเท่าไร ให้โลกใบนี้ที่กว้างใหญ่ค้นพบเรา”
เป็นส่วนหนึ่งในความฝันครั้งสำคัญของพวกเขาได้ที่ ‘Getsunova Concert Atmosphere’ ซึ่งจะจัดในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี
ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา
บัตรราคา 3,000 บาท 2,000 บาท
และบัตรยืน 1,300 บาท
*บัตรราคา 3,000 บ. ได้สิทธิ์ meet&greet หลังงาน
ติดตาม Getsunova เพิ่มเติมได้ที่
www.facebook.com/whitemusicrecord
www.facebook.com/thegetsunova
Instagram : @getsunova และ @whitemusicrecord
RECOMMENDED CONTENT
เป็นโจทย์ที่เรียกได้ว่าท้าทายสำหรับวงการเอเจนซีโฆษณาเลยทีเดียว เมื่อผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์ม ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล “The 1 (เดอะ วัน)” ต้องการสื่อสารไปยังสมาชิกบัตร The 1 กว่า 19 ล้านคน เพื่อย้ำเตือนสิทธิ์ที่สมาชิกทุกคนพึงได้รับบนแอปพลิเคชั่น The 1 ผ่านผลงานโฆษณาชิ้นแรกครั้งแรกในรอบปี