รู้ตัวอีกทีหนึ่งในเพลงสุด iconic แห่งยุคอย่าง ตุ๊กตาหน้ารถ ก็ครบรอบ 10 ปีแล้ว นั้นก็เเปลว่าเราคุ้นเคยชื่อของ ลุลา–กันยารัตน์ ติยะพรไชย นักร้องสาวที่มีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์คนนี้มามากกว่า 10 ปีเช่นกัน
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ในวงการเพลง ตัวตนของลุลาเหมือนจะค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมาผ่านผลงานเพลงต่างๆ หลายคนอาจคิดว่าการใช้เวลานานถึง 10 ปีกว่าจะมีคอนเสิร์ตครั้งแรกดูช่างเนิ่นนาน แต่ลุลาบอกเราว่า “สิบปีก็ถือเป็นอะไรที่เหมาะสมพอดี”
สำหรับ #VISIT ครั้งนี้ดู๊ดดอทจะพาไปพูดคุยกับลุลาถึงเรื่องราวและตัวตนตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ว่ามีอะไรบ้างที่เราจะเห็นใน LEVITATE อัลบั้มชุดใหม่ และใน LULA FIRST SOLO CONCERT ‘LITTLE MISS LULLABY’
ทำไมถึงเพิ่งมีคอนเสิร์ตเดี่ยวในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
ดูเหมือนมันควรจะมีมานานแล้วนะ แต่มันยากมากที่จะมี คือเราอกหักมาบ่อย เรา hurt มาหลายครั้ง เราจึงไม่ค่อยตั้งความหวังใดๆ เพราะว่ามีศิลปินไทยมากมายที่อยู่มา 10 ปี 20 ปีที่เขาเพิ่งมีคอนเสิร์ต ก็รู้สึกว่าแล้วเราจะรีบไปไหน ถ้าเกิดมันเกิดขึ้นได้ เราก็รู้สึกดีใจ เเฮปปี้ แต่ไม่เกิดขึ้นก็ไม่เป็นไร เรามีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ พอมันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วเราก็จะมีคำถามนี้ ว่าทำไมไม่ทำตั้งนานแล้ว ซึ่งพอเรามาทำจริงๆ แล้วจะบอกว่ามันยาก ยากจริงๆ
ส่วนตัวคิดว่ามันยากเพราะว่าอะไร
มันยากเพราะคนมองว่าคาแร็กเตอร์เรามันไม่ได้ชัด มันไม่หวือหวา มันเป็น easy listening มันเป็นเพลงที่ฟังได้เรื่อยๆ มันเหมือนตอนนั้นประสบการณ์เราไม่ได้สั่งสมมาเยอะเท่าวันนี้ วันนี้มันมีทั้งเพลงสนุก เพลงช้า เพลงเศร้า เพลงแฮปปี้ แต่ว่าวันนั้นเรายังมีเเค่เพลงโลกสวย เพลงนุ้งนิ้ง พอมาถึงทุกวันนี้คาแร็กเตอร์ค่อนข้างชัด เพลงก็มีครบแล้วก็ประสบการณ์บนเวทีเราก็มี วาทะศิลป์อะไรแบบนี้มันเริ่มครบสูตรเเล้ว จึงรู้สึกว่าสิบปีก็ถือเป็นอะไรที่เหมาะสมพอดี
ตลอดการทำงานสิบปีมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงและยังเหมือนเดิม
เรารู้สึกว่า เราทำเพลงเกือบจะครบทุกแนวแล้วที่อยากทำ มันก็มีอีกแหละที่อยากทำ มาถึงทุกวันนี้รู้สึกว่าโชคดีที่ได้ทำหลายๆ แนวที่อยู่ใน list ของเรา แล้วมันเกิดขึ้นจริงๆ อย่าง Country ก็ทำมาแล้ว Electronic ก็ทำอยู่ตอนนี้ แล้วมันก็มีความรู้สึกส่วนตัวหรือนิสัยส่วนตัวที่ค่อยๆ เผยออกมา
ตอนแรกเราจะกลัวว่านิสัยที่แบบ เราโคตรแมน บางทีเราก็หยาบคาย เพราะเราโตมากับเด็กผู้ชายแล้วก็ทำงานค่อนข้างสมบุกสมบัน คนจะรับได้ไหม ด้วยเสียงเราเป็นแบบนี้และแนวเพลงของเราที่เป็น Bossanova มันมีความสบาย มีความชิลล์ บุคลิกของเราที่คนคิดก็คิดว่าเป็นแบบนั้น แต่ว่าพอมายุคหลังๆ เราเริ่มเรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย และเปิดเผยนิสัยจริงๆของเราให้เขาได้เข้าใจ เพราะว่าถ้าเขายอมรับเราได้วันนี้ เขาก็จะรับเราได้ในวันหน้า คิดว่าเราเปิดตั้งแต่ตอนนี้น่าจะดีที่สุด
อย่างเพลงในอัลบั้มใหม่ก็ดูเป็นลุลาที่แตกต่างไปมากๆ
ดาร์กเนอะ เป็นเจ้าแม่เพลงช้ำ ยอมรับว่าชุดนี้ทำเพลงเร็วไม่ได้เลย มันเป็นที่ตัวเรา มันไม่สุข มันไม่สดเหมือนสมัยก่อน สมัยก่อนเราอาจจะคิดน้อยกว่านี้ มาถึงปัจจุบันคือชุดนี้มีการเปลี่ยนแปลง มีความหัวเลี้ยวหัวต่อ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งแรกก็คือตอนเราทำชุดที่ 3 ที่ไม่มีพี่เต็ด (ยุทธนา บุญอ้อม) คิดงานเเละโปรดักชั่นให้เเล้ว เราต้องเป็นครีเอทีฟเองทั้งหมด แต่เรายังมีพี่โตน Sofa ที่คอยทำเพลงให้ เราบอกได้ว่าพี่โตนอยากทำเพลงแบบนี้ เนื้อหาแบบนี้
แต่มาถึงชุดล่าสุดพี่โตนไปบวช …หัวขาดเลย เราก็มีโปรดิวเซอร์ใหม่ แต่ว่าโปรดิวเซอร์มันเหมือนสามีนะ มันต้องเป็นโซลเมทน่ะ มองตาก็รู้ใจ รู้รสนิยม ชอบอะไรคล้ายๆ กัน พอเขาไม่อยู่ปุ๊บเราต้องจูนกับคนอื่น แล้วเราเป็นสาย perfactionist ถ้าทำไม่ถูกใจ ฉันทำเองละกัน ก็ทำเองตั้งแต่เพลงไปถึงโปสเตอร์ เอ็มวี โลโก้ ทุกอย่างมันยากนะ ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่ามันยากอยู่
ที่ผ่านมาก็มีคนเเต่งเพลงเร็วมาให้ แต่มันไม่ถูกใจเรา อาจเป็นเพราะเราทำงานกับพี่โตนมาตลอด เขารู้จักเราดี รู้จักว่าลุลาต้องพูดอะไร คอนเท้นต์อะไรที่มันตรงกับบุคลิกเรา แต่ว่าพอเราไปบรีฟคนที่ไม่เคยทำงานกับเรา เขาเดาทางเราไม่ถูก แต่งออกมามันไม่ใช่ พอไม่ใช่เราก็รู้สึกว่าไม่อยากใส่ในอัลบั้ม มันเสียดายเพลง ก็เลยตัดเพลงช้าออกมาก่อน เพราะมันมีความเป็นไปได้ที่จะโปรโมทเเล้วมีความนิยมด้วย มันก็เลยฟังเหมือนว่ามีแต่เพลงช้าๆ แต่ว่ามันก็จะมีเพลงเร็วในอัลบั้มนะ เป็นเพลงแบบที่ไม่เคยทำเหมือนกัน ต้องรอฟังดูว่าเป็นยังไง
แล้วในคอนเสิร์ต ลุลามีส่วนร่วมหมดเลยไหม
ทีมงานที่มาร่วมกันทั้งหมดเนี่ยเป็นทีมที่เราสนิทไว้ใจ แล้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าทำอะไรออกมาแล้วเราไม่ต้องลงไปลงดีเทลกับเขาเยอะ คือทุกอย่างที่เขาเสนอมาเหมือนเขารู้จักลุลาดี คอนเซ็ปต์มันค่อนข้างชัดอยู่แล้ว ก็คือชื่อคอนเสิร์ตเลย ‘LITTLE MISS LULLABY’ เพราะถ้าพูดถึงลุลามันก็ต้องมีความน่ารักสดใส เราเป็นคนชอบงานศิลปะ งานคราฟท์ ทางโปรดักชั่นดีไซน์เขานำเสนอว่า อยากจะให้มีอะไรที่มีไอเดียแบบงานคราฟท์ผสมผสานอยู่ แล้วมันก็จะมีทีม choreographer ที่จะมาช่วยในส่วน performing art ด้วย เรารู้สึกว่าการผสมผสานดนตรีกับการแสดงแบบนี้มันยังไม่มี แล้วมันดูเหมาะกับลุลา คือจะให้เรายืนร้องเพลงเฉยๆ กับวงมันไม่สนุกไง ถ้ามีอะไรแบบนี้เข้ามามันก็น่าสนใจ แล้วก็คนไม่ค่อยรู้ว่าเราเป็นนักบัลเล่ต์มาก่อน
แล้วจะเต้นบัลเล่ต์ในคอนเสิร์ตไหม
ขาไม่น่าจะไหว เดี๋ยวดูอีกทีว่า choreographer ให้ทำอะไร แต่ก็เป็นอะไรประมาณนี้แหละ music/art/performing art/งานคราฟท์ต่างๆ ไรงี้ เราว่ามันก็ดูติสท์ดีนะ ช่วยเล่าเรื่องด้วย แล้วเราเป็นคนชอบสื่อสารผ่านการร้องเพลง เพราะว่าเราไม่ใช่ศิลปินที่ร้องเพลงเก่ง แต่เราจะเน้นว่าร้องอะไรแล้วคนต้องรู้สึก ฟังแล้วคนต้องขนลุก ฟังแล้วคนต้องร้องไห้ ฟังแล้วต้องมีความสุข เรารู้สึกว่ามันอยู่ได้นานกว่า มันไม่เบื่อง่าย ก็เลยคิดว่าอะไรที่มันอยู่ในการแสดง หรือเสื้อผ้าหรืองานทุกๆ อย่าง prop บนเวทีเราว่ามันก็แฝงความหมายอ้อมๆ ได้ เราเชื่อว่าคนที่ตั้งใจมาดูเขาก็อยากดูอะไรอ้อมๆ จากเรา เพราะเขาก็รู้ว่าเราไม่ใช่สายเปิดหมดเปลือก เราเป็นคนค่อนข้างปิด
แสดงว่าคอนเสิร์ตก็เป็นการเล่าเรื่องอย่างหนึ่ง
ใช่ เพราะว่ามันก็จะมีซีน แบ่งเป็นซีนๆ เล่าทีละเรื่อง เอาเพลงมาร้อยเป็นเรื่อง ไม่ได้เล่าเป็นยุค แต่เล่าเป็นเรื่องอะไรอย่างงี้ เเล้วก็มีเเขกรับเชิญที่มาช่วยเล่าด้วย
เเขกรับเชิญเป็นใคร
ตอนนี้บอกไป 2 คนแล้วคือแพรว คณิตกุล กับโรส ศิรินทิพย์ เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนที่อยู่กันมานาน โรสนี้สิบกว่าปีตั้งแต่ยังไม่เป็นนักร้องทั้งคู่ ฝ่าฟันอะไรมาเยอะ ส่วนแพรวนี้เป็นคนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน เสื้อผ้ามีตรงกันหลายตัวมาก เขาเป็นคนชอบงานคราฟท์ งานอาร์ตเหมือนกัน เขาร้องเพลงเพราะทั้งคู่ด้วย คิดว่าโมเม้นท์สำคัญแบบนี้ก็อยากให้คนสำคัญมาอยู่ข้างๆ มาช่วยพูดด้วยเพราะพูดเก่งมาก
ส่วนอีกคนหนึ่งผู้ชายยังไม่ได้เปิดค่ะ ก็เซอร์ไพรส์เพราะชนกันในวงการบ่อย แต่ไม่เคยร่วมงานด้วยกันเลย คนก็สงสัยว่าทำไม วันนี้ก็เลยจะมาไขว่า อ่ะ ร่วมแล้วนะ แล้วก็ชวนเขามาทำอะไรที่เขาไม่เคยทำ ธรรมดาจะเห็นเขาอยู่กับเครื่องดนตรี คนนี้ก็จะชวนเขามาทำอะไรแปลกๆ ด้วยกัน ต้องใช้คำว่าขอร้อง ไปยกมือไหว้ว่าทำเหอะๆ ทำนะๆ
คอนเสิร์ตนี่ถือว่าเป็นความฝันของพี่ลุลาในการเป็นศิลปินหรือยัง
จริงๆ ความฝันของเราคืออยากทำชุดแรก ซึ่งจบไปแล้ว อันนี้เหมือนเป็นรางวัลแล้วกัน ได้ทำก็ดีใจมากๆ ทำตัวไม่ถูก เวลาที่เขาให้ทำคอนเสิร์ตก็เขินๆ คืออย่างที่บอกว่าที่ผ่านมามันก็ดีมากอยู่แล้ว แล้วเราก็โชคดีกว่าใครอีกมากมายที่ยังไม่มีโอกาสเหล่านี้ พอเห็นรายชื่อทีมงานก็อุ่นใจ ตอนนี้สิ่งที่ทำก็คือหยุดทำงานจ้าง แล้วมาซ้อมเยอะๆ ทำใจให้สบาย ออกกำลังกายเยอะๆ แล้วไปปล่อยบนเวที
ความฝันคือการทำอัลบั้มชุดแรกแล้วอะไรที่ทำให้เรายังทำเพลงต่อมาถึงตอนนี้
มันมีอยู่ 2 อย่างคือ ตราบใดที่ยังไม่เป็นอัลไซเมอร์ ตราบใดที่ยังคิดงานได้เราสนุกกับการคิดงานมาก คือจริงๆคนไม่ค่อยรู้งานเบื้องหลังที่เราทำ แต่เราเป็นคนสนุกกับงานคิด มีหลายคืนที่เรานอนไม่หลับ เพราะหัวมันหยุดคิดไม่ได้ ต้องจด อันนั้นคืองานเบื้องหลังที่เราสนุกทำให้เรายังทำมันอยู่
อีกเรื่องหนึ่งคือเวลาที่ยืนอยู่บนเวทีเเล้วมีคนดูเป็นหลายๆ พันคน ร้องเพลงของเราได้โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย สั่งให้เขาทำอะไรเขาก็ทำ ให้เขาร้องอะไรก็ร้อง เขากริ๊ดเสียงดัง ปรับมือเสียงดังเพื่อเรา นั่นแหละโคเคนชั้นดีบอกเลย มันหยุดไม่ได้จริงๆ พอได้เสพตรงนี้เยอะแล้วมันเสพติดมากๆ
แล้วเราเคยคิดไหมว่าเราจะร้องเพลงไปจนถึงเมื่อไหร่
ก็ตอบไม่ได้ เพราะว่ามันเหมือนขึ้นหลังเสือเเล้วมันลงยากมาก มีหลายครั้งที่คิดที่จะเลิก แล้วก็จะพูดบ่อยมากเรื่องเลิกทำ เพราะว่าอายุมันเยอะขึ้นทุกวัน เวลาเราไปเล่นคอนเสิร์ตต่างจังหวัดแล้วเราเหนื่อย เหนื่อยที่นอนไม่พอ เหนื่อยที่ต้องเดินทาง เหนื่อยที่ต้องดูเเลคนดูหลายๆ พันให้อยู่โดยเฉพาะคนดูที่อายุน้อยมากๆ
อีกอย่างที่เหนื่อยคือมันเป็นการเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด มันไม่มีเวลารีไทร์ เรารู้สึกว่าการทำเพลงมันเหมือนวาดรูปบนกระดาษเปล่าเลยค่ะ มันไม่มีไกด์ใดๆ มันเหมือนเราต้องคิดก่อนว่าเราจะวาดอะไร เราจะวาดด้วยเทคนิคไหน จะใช่สีอะไร เพลงคือเรื่องเดียวกัน บางทีถ้าเราไม่มี material ในหัว ไม่มีเเรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจ มันจะไม่เกิดอะไรพวกนี้ขึ้น เราไม่สามารถทำเพลงได้ตามสั่ง ถ้าสมมุติว่าพี่เขาโยนมาว่า อยากให้ทำเพลงอกหักให้คิดเลย 1 เพลง …ทำไมได้ นั่นคือข้อเสียของเรา
เราก็เลยคิดว่าถ้าเรายังมีความตื่นเต้นในการที่เราจะทำเพลงนี้ เราจะทำแนวนี้ มันต้องเจ๋งมากๆ ต้องดีมากๆ ถ้าทำไม่ได้เราคิดว่าเราควรจะหยุดดีกว่า มันจะได้จบแบบสวยๆ ตอนนี้เราทำนักร้องเป็น full-time พอ part-time เราก็ทำโปรเจ็กต์งานคราฟท์ ในวันหนึ่งมันอาจจะสลับกัน เราคงทิ้งไปเลยไม่ได้ เพียงแต่ว่าอาจไปทำเบื้องหลังมากขึ้น ไปทำงานที่ตัวเองรักอีกอย่างหนึ่งมากขึ้น มันก็ต้องอยู่ที่ระยะเวลาของมัน คือตอนนี้ก็ยังบอกไม่ได้ แต่มันคงมีวันหนึ่งที่มาถึง พอถึงวันนั้นเราอาจจะเอาหัวสมองเราไปใช้กับคนอื่นให้มันเป็นประโยชน์มากกว่า
สุดท้ายแล้ว ‘LITTLE MISS LULLABY’ มีความหมายอย่างไร
ก็ มันดูเหมือนจะเป็นเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่สำหรับเรามันไม่เลย มันเต็มไปด้วยอุปสรรคข้างนอก แล้วก็อุปสรรคข้างในด้วย เราเป็นคนที่แพ้ภัยตัวเองเยอะมาก ด้วยความที่เซ้นซิทีฟ แล้วก็เราก็ทำหลายอย่าง บางทีเราก็รู้สึกว่าถ้าทำแบบนี้เเล้วมันทุกข์มากก็อย่าทำเลย ไปทำอย่างอื่นดีกว่า
แต่อย่างที่เราบอกว่าสิ่งที่ทำให้เรายืนหยัดที่จะอยู่ตรงนี้เป็นเพราะหนึ่งเรายังอยากสร้างงานสวยๆ เพราะเราเป็นคนชอบของสวยๆ งามๆ แล้วยิ่งถ้าทำด้วยตัวเองคือมันมีความสุขน่ะ ไม่มีอะไรจะแทนที่ความสุขนี้ได้แล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งก็คือการได้อยู่บนเวที แล้วผู้หญิงตัวเล็กๆ เพลงช้าๆ ชิลล์ๆ สามารถทำให้คนทั้งฮอลล์ลุกร้องเพลงสนุกได้ เราก็ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณโลกใบนี้ที่ให้เรามาทำแบบนี้
ก็เลยอยากจะบอกทุกคนว่าใครที่ชอบลุลาตั้งแต่ชุดแรกจนถึงปัจจุบัน อาจจะไม่ได้ชอบทั้งหมด อาจจะชอบแค่บางส่วน แต่อยากให้มาเเชร์ความสุขด้วยกัน มามีความสุขด้วยกันที่คอนเสิร์ต เพราะหลายๆ คนรู้ว่าเราเป็นคนตั้งใจ เราเป็นคนจริงจัง
อยากให้มาดูว่าเส้นทางที่เรามีด้วยกันมา วันที่เราทำให้เขามีความสุขด้วยเพลงของเรา ก็ช่วยมาคืนเราในวันคอนเสิร์ต ช่วยมามอบความสุขให้เรา ให้เราได้เห็นว่าทุกๆ คนคือใคร อยากให้มาเห็นเพลงที่เราตั้งใจทำให้คอนเสิร์ต ในรูปแบบใหม่ๆ อยากเห็นว่าเขาจะมีความสุขกับมันแค่ไหนอยากให้มาเจอกัน
—————
LULA First Solo Concert
‘LITTLE MISS LULLABY’
วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายนนี้
ที่ GMM Live House @ Central World ชั้น 8
จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ ที่ Thaiticketmajor ทุกสาขา
บัตรราคา 1,500/2,000 และ 2,500 บาท
[พิเศษ! บัตร 2,500 บาททุกที่นั่ง
รับ Limited Tote Bag ออกแบบพิเศษเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้โดยเฉพาะ]
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่
www.facebook.com/lulaandlulis
www.facebook.com/whitemusicrecord
RECOMMENDED CONTENT
ผ่านไปแล้วหมาดๆ กับรอบ Wolrd Premeire ใน section 'Venice Days' ของเทศกาล Venice Film Festival กับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ เป็นเอก รัตนเรือง – 'Samui Song – ไม่มีสมุยสำหรับเธอ' หลังจากห่างหายงานกำกับภาพยนตร์ไปอย่างยาวนาน