ให้คำจำกัดความว่าตัวเองเป็นช่างภาพสไตล์ไหน ?
เป็นช่างภาพที่ถ่ายทอดอารมณ์ และเรื่องราวของสิ่งนั้นๆในภาพถ่าย อย่างตอนนี้มันเป็นยุคที่คนนิยมใช้ Video เพราะมันขยับได้ และคนมักจะคิดว่า video นั้นเก็บอารมณ์ ได้ดีกว่าภาพ เราชอบที่จะทำภาพที่เก็บเรื่องราวและอารมณ์ได้ดีกว่ามิติของ Motion picture เพราะภาพมันสร้างจินตนาการได้มากกว่า เรื่องราวมันจึงลึกกว่า อารมณ์มันเลยมากกว่า เราเลยเป็นช่างภาพที่สร้างมิติและอารมณ์ให้กับภาพถ่าย
มันคือ Style หรือวิธีการทำงาน ?
มันคือวิธีการทำงาน วิธีการนำเสนอ เราว่า Style มันเรียกได้ว่าหลากหลาย อยู่ที่ช่วงนี้เราอินกับอะไร โดน Influence จากอะไร อย่างตอนนี้เราอินกับการถ่ายรูปภาพธรรมชาติ แบบง่ายมากๆ ยิ่งเราทำงานมากเรายิ่งอยากทำงานที่ดูง่ายๆ งานที่มันไม่ complicate ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง
งานเราเปลี่ยนไปจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วอย่างไร ?
แตกต่างมากมหาศาล อย่างแรก เรื่อง Mind Set มันคนละเรื่องแล้ว ด้านความคิด การเริ่มต้นที่จะคิดงานหนึ่งชิ้นมันเปลี่ยนไป และพอความคิดเริ่มเปลี่ยน การจบงานหรือการสร้างงานมันก็เปลี่ยน เรามองทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก เรามองการถ่ายภาพเปลี่ยนไป เราไม่ได้มองแล้วว่าจะถ่ายอย่างไร มิติเรื่อง Sense มันต่างไป ไม่ว่าจะเป็น Body Language ที่เรามองว่ามันสื่ออะไรได้มากมาย ทั้งเรื่องของสภาพจิตใจภายใน สิ่งง่ายๆที่มันสื่อสาร และเรามองว่ามันจะสื่อสารอะไรในภาพของเรา อย่างปีนี้เราอินมากกับงานธรรมชาติ เราศึกษางานที่มันง่ายที่สุด เราดูงานที่ดูง่ายที่สุด แต่มีมิติมากที่สุดเช่นกัน พอเราทำงานไปเราก็มองเห็นถึงสิ่งที่เราไม่เคยมองเห็น ความธรรมดาที่สวยงามมากๆ ทุกอย่างที่มันมาจากธรรมชาติ เหมือนเราเริ่มทำงานแรกๆเรามองถึงวิธี เรามองถึงนวัตกรรม แต่ความจริงแล้วมันฉาบฉวยนะ เรารู้สึกว่าตอนนี้เราโยนทิ้งมันไปได้แล้ว
อะไรที่ทำให้ attention ในการทำงานของเราเปลี่ยน ?
มันคือการทำงานมากขึ้นจนเรามองเห็นรอบข้าง ว่าแต่ละคนทำอะไรกันอยู่บ้าง เขาทำมันเพื่ออะไร มากกว่าตอนที่เราเด็กๆ ที่เรามองถึงเทคนิคของการถ่ายรูป เช่นเทคนิคนี้ดี ที่ใช่ แต่พอเราทำงานไปเรื่อยๆ เรารู้สึกเอียนกับมันเยอะกับเทคนิคมากมาย เราทำงานในโลกที่มันโหดร้ายนะ เราก็เลยกลับมามองถึงความพอดีของตัวเอง ความพอดีของธรรมชาติ ทัศนคติก็เปลี่ยนไป มันคือ combination ของคำว่าพอดีกับ ธรรมชาติ มันคือความสวยงามที่จริงๆ เราก็เริ่มศึกษางานของช่างภาพคนอื่นมากขึ้น แล้วนี่คืองานที่เราชอบตอนนี้ มันสวยงามจริงๆ
ตอนนี้งานแบบไหนที่อยากทำ และแบบไหนที่ไม่อยากทำ ?
งานที่ไม่อยากทำ เราว่าไม่มี เราว่ามันท้าทายในแต่ละด้านต่างๆกัน อยากทำหมดแหละ แต่เรามองว่าสุดท้ายออกมาแล้วงานนั้นๆเราแฮปปี้กับมันแค่ไหน งานที่อยากทำตอนนี้ก็เป็นพวก Portrait Series พวกนี้แหละ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ทำมาตลอด เราก็ได้ลองอะไรมากมายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เราอยากให้ความคิดและจิตใจมันลึกกว่าเดิม ให้มันออกมาจากใจมากขึ้น เรื่องของความสัมพันธ์ของ Body และ Mind ที่มันแยกกัน แต่มันสัมพันธ์กัน เราอยากทำงานที่สื่อช่องว่างตรงนั้น เช่น ถ้าคนที่มีปมในอดีต แต่ถึงจะยิ้มแค่ไหนมันก็มองเห็นสิ่งนั้นอยู่ดี เราอยากทำงานที่สะท้องสิ่งนั้นที่ถูกถ่ายทอดออกมาบนงานของเรา อยากทำงานที่ออกมาจากภาพที่สะท้องเบื้องลึกในจิตใจของคน ที่มัน pure สุดๆ อันนี้มันยากมากๆ
ตลาดช่างภาพในตอนนี้ของประเทศไทยเป็นอย่างไร ?
โตขึ้นเยอะ โตขึ้นจากเทคโนโลยี เราไม่ได้ทำงานเปลี่ยนไปเพราะงานเราค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะงาน Wedding เพราะมันจะมีแค่เรากับบ่าวสาว ไม่เหมือนงาน Commercial ที่ปัจจัยควบคุมมันค่อนข้างเยอะ แล้วเราเป็นผู้นำเทรนด์ของตลาดนี้อยู่แล้ว เราชัดเจนว่างาน Wedding Photography ของเรามันทำเพื่ออะไร ลูกค้าอยากได้รูปเพื่ออะไร มันไม่ใช่แค่สีสวยๆ ทุก element มันเล่าเรื่องได้มากมาย มันไม่ใช่แค่ฟิลได้ และเราไม่ใช่ Journalism เราเป็น Documentary มันเล่าเรื่องเป็น set ว่ามันมี movement อะไรบ้างในชุด มันคือรูปที่คุณจะดูไปตลอดชีวิต มันเลยกระทบไม่เยอะ เราไม่ตั้งใจแข่งกับคนอื่น เราแข่งกับตัวเอง เราตั้งโจทย์ที่มากขึ้นให้กับตัวเอง อย่างตอนนี้เราไปวิ่ง เราก็ทำงานดีขึ้น มือเท้าขามันเร็วขึ้น สมองเราก็ดีขึ้น งานมันก็ดีขึ้น จนตอนนี้เรารู้สึกว่ามันเป็นอีกมิตินึงของตัวเราเอง
คำว่าช่างภาพมืออาชีพ เราตีความอย่างไร ?
มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เรื่องแรกแน่นอน คุณภาพมันต้องถึงอยู่แล้ว แต่การเพิ่มต้นทุนของการทำงานมันน้อยมาก ความจริงมันก็อยู่ที่ระบบของเราด้วย เราไม่มีที่ให้เสพงานดีดีมากนัก ทำให้คนของเราไม่ค่อยมีพื้นฐานของมิติงาน อย่างเรารับสมัครคนในบริษัท หลายๆคนไม่รู้จักช่างภาพเลย เมื่อคุณเสพแบบเปลือกงานจะพัฒนาได้อย่างไร อันนี้เราว่าไม่ดี แต่เรื่องที่สำคัญมากๆคือจรรยาบรรณ และศีลธรรมของความเป็นช่างภาพ หลายๆคนไม่เข้าใจ รวมถึงมารยาทของการทำงานที่หลายๆคนขาดไป มันก็ไม่มืออาชีพหรอก
ขยายความหน่อย ?
เอ่ออ …. ยกตัวอย่างเวลาเราทำงาน wedding เราถ่ายอยู่ เรากดภาพอยู่ แล้วมีช่างภาพอีกทีมมายืนด้านหลังถ่ายซ้อน เรากด เขาก็กด นี่คือการไม่ให้เกียรติ เพราะอะไร งานถ่ายภาพเรากำลังสื่อสารคู่ไปกับตัวแบบอยู่ มันมีการ interact กันเกิดขึ้น เราต้อง engage กับแบบ เราพูดคุยกันอยู่ อีกคนมามายืนข้างๆแล้วกดปรืดๆๆๆๆๆ ช่างภาพอีกทีมควรจะเงียบ เพื่อรอจังหวะต่อไป ไม่งั้นแบบก็จะเสียสมาธิ เราก็เสียสมาธิ
ช่างภาพอาชีพต้องมีอุปกรณ์อย่างไรบ้าง ?
แน่นอน กล้อง แต่ต้องเป็นกล้องที่เหมาะสมกับการทำงานของตัวเอง mirrorless ก็ทำงานมืออาชีพได้ รู้ไหมตอนนี้เมืองนอกเขามีช่างภาพที่ทำงานผ่าน iPhone อย่างเดียวมากมายแล้ว เพราะ medium ต้อง Fit-In กับงาน ต้องดูว่าประเภทของงานมันคืออะไร ความเหมาะสมคืออะไร
ต่อมาคือ digital production เช่นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริม หรือจะเป็นจอแสดงผล และต้องเหมาะสมเหมือนกัน อย่างตอนนี้เทคโนโลยีมันสูงขึ้น เรามีตัวสร้าง input ที่ดี ที่ตามมาก็ต้องเป็น monitor เพราะนี่คือด่านสุดท้ายของงานภาพก่อนที่จะมาเป็น medium อื่นๆ (งานพิมพ์)
ชอบ function ไหนของ “LG Curved UltraWide” ?
เรื่องการแสดงผลของหน้าจอ ความชัดและสี รวมถึงความ Flexible ของการทำงาน เช่นการปรับหน้าจอที่หลายรูปแบบ ทำงานหลายๆหน้าจอได้พร้อมกัน รู้ไหมคนเราทำงาน post production กันแต่ละครั้งใช้เวลาแบบ 8-10 ชั่วโมงขึ้นไป ระบบที่ปรับได้หลายแบบทั้งตำแหน่งของ monitor หรือ การเปิดหน้าต่างได้หลายบานใน desktop มันสำคัญมากๆต่อมืออาชีพ
อีกอย่างที่ชอบมากคือ FreeSync เวลาออกกองนั้นสำคัญ เราชอบที่จะพก laptop ไป แล้วเอา monitor ไปด้วย โดยที่ LG Curved UltraWide 34UC98 นั้นขนย้ายง่ายและต่อได้กับทุก device มันทำให้เราทำงานสะดวก แถมยังเป็นภาพของความเป็นมืออาชีพอีกด้วย ซึ่ง LG Curved UltraWide 34UC98 นั้นเบามากๆ เคลื่อนย้ายสะดวก แล้วตัว Design ยังทำได้ดีมากๆ และปรับเปลี่ยนหน้างานได้ดีมากๆ รวมถึงเราชอบงานออกแบบ เราดูงานศิลปะ เพราะเราทำงานแบบนี้ เราอ่านหนังสือ เราทำงาน research ถ้ามันแสดงรูปได้ดีเราก็ได้ inspiration ดีดีเหมือนกัน
ผลงานต่อไปที่เราจะได้เห็นกัน ?
เราจะมี Exhibition ใหญ่ต้นปีหน้าให้ได้เห็นกันแน่ๆครับ
LG Curved UltraWide รุ่น 34UC98
21:9 UltraWide™ เหนือชั้นกว่าใคร
สมบูรณ์แบบสำหรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกันและความบันเทิง LG 21:9 UltraWide™ คือทางเลือกที่ลงตัว จอภาพ 21:9 UltraWide™ หลากหลายรุ่น ทั้งแบบจอโค้งและจอแบน พร้อมรองรับทุกความต้องการของคุณ
21:9 Curved UltraWide™ QHD บนจอแสดงผล IPS
จอแสดงผล 21:9 Curved UltraWide™ QHD (3440*1440) นำเสนอมุมมองรอบด้านบนจอไวด์สกรีน ด้วยจอแสดงผล IPS คุณจะรับชมภาพได้อย่างสบายตา พร้อมการแสดงผลสีที่แม่นยำและสดใส
ความงามของ ArcLine
ด้วยแรงบันดาลใจจากความงามและพลังของธรรมชาติ ArcLine เติมเต็มดีไซน์ด้วยสไตล์ที่สวยสง่า
ความเข้ากันได้ของ Thunderbolt™ 2
กับอุปกรณ์ Mac ด้วยพอร์ต Thunderbolt™ 2 สำหรับอุปกรณ์ Mac คุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากการถ่า โอนข้อมูลที่รวดเร็วกว่า USB 3.0 ถึง 4 เท่า และยังสามารถขยายความสามารถด้านการประมวลผลได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อแบบ daisy-chain ที่เรียบง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขั้วต่อพิเศษ
การแสดงผลสีไร้ที่ติ
คุณจะดื่มด่ำกับงานศิลป์ชิ้นนี้ ผ่านทางพิกัดสี sRGB สูงกว่า 99 มีการทดสอบการปรับเทียบสีในไลน์การผลิตเพื่อการแสดงผลสีที่แม่นยำ
ดีไซน์เทคโนโลยีก้าวล้ำ
ขาตั้งดีไซน์ใหม่ตามหลักสรีรศาสตร์ สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ทั้งยังปรับความสูงและก้ม–เงย เพื่อความสะดวกสบายของคุณ
ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน
การแยกหน้าจอและโหมด PIP รองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างเหนือชั้น
ประโยชน์ใช้สอยเหนือกว่า
ส่วนควบคุมบนหน้าจอและ My Display Presets ช่วยให้คุณปรับแต่งการตั้งค่าจอภาพ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้ง
ชาร์จไฟเร็วด้วย USB 3.0
ชาร์จแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้พอร์ต USB 3.0 บนผลิตภัณฑ์
การผสานรวม FreeSync & 21:9 UltraWide™
ศักราชใหม่ของ FreeSync มาถึงแล้ว บน 21:9 UltraWide™ QHD ขนาด 34 นิ้ว คุณจะได้สัมผัสกับการเล่นเกมที่เหนือชั้นอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด
โหมดเกม
โหมดเกม ซึ่งประกอบด้วยโหมด FPS, RTS และ Custom มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่หลากหลาย ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับเกมแต่ละประเภท
เต็มสมรรถนะ ด้วยฟีเจอร์ที่เหนือชั้น
Black Stabilizer เหมาะสำหรับการตรวจจับวัตถุต่างๆ เช่น ศัตรูที่ซ่อนอยู่ในที่มืด ขณะที่ Dynamic Action Sync ช่วยให้คุณโจมตีศัตรูได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
LG Thailand
Website : http://www.lg.com/th/consumer-monitors/lg-34UC98
Facebook : https://www.facebook.com/thailandlifesgood
RECOMMENDED CONTENT
เป็นโจทย์ที่เรียกได้ว่าท้าทายสำหรับวงการเอเจนซีโฆษณาเลยทีเดียว เมื่อผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์ม ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล “The 1 (เดอะ วัน)” ต้องการสื่อสารไปยังสมาชิกบัตร The 1 กว่า 19 ล้านคน เพื่อย้ำเตือนสิทธิ์ที่สมาชิกทุกคนพึงได้รับบนแอปพลิเคชั่น The 1 ผ่านผลงานโฆษณาชิ้นแรกครั้งแรกในรอบปี