ก่อนจะมาเป็น ‘เต้ จิราภรณ์ วิหวา’
เราก็เป็นเด็กในกรุงเทพฯ ธรรมดาที่อาจจะช่างฝันสักหน่อย มีภาพในหัวว่าอยากเป็นนักเขียน อยากทำนู่นทำนี่ที่มันไม่ค่อยเหมือนเพื่อน อาจเป็นเพราะเราเป็นลูกคนเดียวด้วย อยู่บ้านก็ไม่ได้มีเพื่อนเล่นมากมาย เราเลยได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับกองหนังสือ และซึมซับสตอรี่บางอย่างมาจากมัน พอโตมาจนถึงตอนใกล้เรียนจบ ม.ปลาย ก็เกิดคำถามว่าจะเรียนคณะอะไร? หรืออยากไปเป็นศิลปิน? ก็ไม่ได้วาดรูปเก่งเนอะ แต่เป็นเด็กเรียนดีนะ
ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้คิดจริงจังนะว่าจะเรียนคณะอะไร ที่แน่ๆ เราไม่ได้อยากเข้าคณะบัญชี หรืออะไรแบบนั้น แต่หลังจากที่ได้ทำแบบทดสอบจากคุณครูแนะแนว สรุปผลออกมาว่าเราควรจะเรียนสื่อสารมวลชน เราก็เลยเชื่อแบบทดสอบ (ยิ้ม) แล้วได้ไปเรียนที่ ม.เกษตร
เริ่มเขียน
หลังจากนั้นเราก็ได้ไปทำงานแม็กกาซีน ทำไปเรื่อยๆ ก็มีคนยุให้ไปลองเขียนหนังสือ ยุกันอยู่หลายที อาจจะเป็นด้วยสำนวนเฉพาะตัวของเรา แล้วมันก็เป็นงานที่น่าสนใจ จริงๆ เราอยากลองทำดูบ้างเหมือนกัน เพราะมันเป็นการเขียนจากความคิดของเราเอง เลยลองเขียนเรื่องสั้นดู
สไตล์ที่คนจดจำ
เราชอบประดิษฐ์คำใหม่ จริงๆ มันคือการจับคู่คำนั่นแหละ ให้คำโน้นคำนี้มาอยู่ด้วยกัน ซึ่งมันจะไม่ค่อยถูกใช้ในงานแม็กกาซีนเท่าไร มันอาจจะเป็นรสชาติใหม่ที่คนไม่ค่อยเจอ ก็เลยได้รับเสียงตอบรับที่ดี (แต่ในวงแคบๆ นะ) เราชอบค่อยๆ เล่าอะไรบางอย่าง ในประเด็นที่คนทั่วไปไม่ให้ความสำคัญ
อีกอย่างคงจะเป็นจังหวะโรแมนติกแบบเจื่อนๆ ที่ไม่ใช่โรแมนติกแบบรสหวาน แต่อาจจะขมๆ ปะแล่มๆ อาจเป็นรสชาติที่คนไม่ค่อยได้เจอเท่าไร แต่ก็ทำให้มีเล่มต่อๆ ไปได้
ตอนนี้เรากำลังทำออฟฟิศชื่อ ili Content Design Studio เป็นออฟฟิศรับผลิตคอนเทนต์ คำว่าคอนเท้นต์นอกจากจะเป็นเรื่องเนื้อหาแล้ว มันยังแปลว่าความอิ่มเอม ความพอใจ ความคอมพลีท และกลุ่มลูกค้าของเราก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าคนเมืองที่อยากพูดเรื่อง Sustainable Lifestyle หรือ Urban Lifestyle
คาแรคเตอร์ของเรามันคือการคิดไปถึงผู้รับสาร อย่างเช่น ถ้าเราทำให้คนอ่านได้เข้าใจในสารของเรา เหมือนมีน้องคนหนึ่งอ่านงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องกินของเรา แล้วรู้สึกอยากกินให้ประณีตมากขึ้น หรืออ่านแล้วอยากออกไปเดินตลาด อะไรแบบนี้ถึอว่าสำเร็จ!
ออฟฟิศเราทำโปรเจ็กต์เล็กๆ เราอยากให้มันเป็นไปเรื่อยๆ เราคุยกับพาตเนอร์ว่าไม่อยากให้ออฟฟิศมันใหญ่เกินไป แต่อยากให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราในมิติอื่นๆ ด้วย ในแง่ธุรกิจ เราแค่อยากให้มันอยู่ได้ แต่ในแง่ของแพชชั่น เราก็แค่อยากเล่าเรื่องธรรมดาๆ ที่คนอาจจะลืมไปแล้ว ก็แค่นั้น
ชอบอยู่บ้าน
แรกๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราชอบอยู่บ้าน เด็กๆก็อยากเที่ยวอยากอะไรเหมือนคนอื่น แต่เวลาเราไปเจออะไรที่มัน ‘สวยจังเลย’ เราก็อยากได้มาไว้ที่บ้าน ความสนใจเรามันหมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมในชีวิตประจำวันอยู่แล้วด้วย เราชอบทำอาหาร เราชอบของ DIY มันคือสิ่งที่ทำที่บ้านหมดเลย ไม่ต้องออกไปไหน มันก็เลยผูกติดกับบ้าน
ค่า Default
เราว่า ‘บ้าน’ มันเป็นค่า Default ของเรา ที่เป็นค่าเริ่มต้น ไม่ต้องคิดว่าวันนี้ไปไหนดี ไม่ต้องคิดว่าร้านอะไรอร่อย แต่ถ้าไปกินร้านอร่อย เราก็จะคิดอยู่ดีว่าเอากลับมาทำที่บ้านดีไหม!!
ไม่อยากเห็นโลกกว้าง
เวลาเดินทางเราไม่ได้อยากเห็นโลกกว้าง เราอยากเห็นวิธีการใช้ชีวิตของคนว่า ‘อ๋อ หมักเหล้าบ๊วยด้วยโถแบบนี้หรอ’ เดี๋ยวฉันกลับไปทำบ้าง เราไม่ค่อยอินเท่าไรเวลาคนชวนไปภูเขา ทะเล แต่ถ้าชวนไปสวนของชาวญี่ปุ่นแล้วได้ไปนอนบ้านเขาสักคืนนะ อยากไป~
Sustainable Lifestyle
เราอินเรื่อง Sustainable Lifestyle เวลาเราทำงานสื่อ เราก็เห็นอะไรเยอะในหน้าที่ของเรา เราเลยเลือกที่จะเล่าในสิ่งที่เรามีมุมมองกับมัน แต่ถ้าเล่าแล้วไม่อินมันก็เขินเนอะ เช่น การใช้หลอดพลาสติก วันละหลอด 30 วันก็ 30 อัน ปีหนึ่งจะขนาดไหน หรือการพกขวดน้ำ การทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารในบ้าน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราชอบและอิน เราเชื่อว่าอย่างน้อยเริ่มจากเรามันก็ดีแล้ว
เป้าหมายของ เต้ ili Content Design Studio
เราเชื่อว่าเรื่องราวมันมีพลัง ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกจะใช้พลังงานแบบไหน จะพูดไปก็เขินนะ แต่ ‘เราเชื่อในพลังแห่งแรงบันดาลใจ’ เราคุยกับน้องที่ออฟฟิศว่า ‘แกอย่าซื้อกาแฟที่ใส่แก้วพลาสติกมากินทุกวันได้ป่าววะ’ หรือแฟนเราไม่ค่อยอิน แต่เราก็พยายามบอกเรื่อยจนเห็นว่าเขาก็พยายามนี่หว่า เออ ทำจริงๆ ก็ทำได้ดีนี่นะ หรืออย่างเช่น ‘การที่แค่วันนี้เราไม่เอาหลอดพลาสติก … แค่นี้มันก็เปลี่ยนแล้ว’
RECOMMENDED CONTENT
Netflix ประกาศวันสตรีม “Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง” ซีรีส์สัญชาติไทยเรื่องล่าสุด ที่จะพาผู้ชมไปเสาะหาความจริงกับภารกิจมืดภายใต้เงาของคนดีในเมืองหลวง ที่คุณไม่มีวันรู้ ถ้าไม่ได้ก้าวเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง