นาฬิกา นอกจากจะเป็นเครื่องบ่งบอกเวลาแล้ว สำหรับคุณผู้ชาย มันคือ Statement Piece ที่สำคัญเมื่อปรากฎอยู่บนตัวเรา บ่งบอกถึงคาแรคเตอร์ รสนิยม และความมั่งคั่ง ถ้าหากคุณลองสังเกตบรรดาแบรนด์นาฬิกาชั้นนำต่างๆที่อยู่โลกน้ีมานาน ส่วนใหญ่แล้วเขาก็ยังคงผลิตโมเดลใหม่ๆของรุ่นดังรุ่นเดิมๆออกมาเสมอ ดูง่ายๆก็อย่างเช่น Rolex ที่มีรุ่น Submariner และ Datejust เป็นเหมือนรุ่นดังที่คนทั่วโลกชื่นชอบและใฝ่ฝัน กับแบรนด์อื่นๆก็มีเช่นกัน คอลัมน์วันนี้เราจะพามาดูกันว่า 10 นาฬิการุ่นตำนานของแต่ละแบรนด์มีอะไรกันบ้าง
1. Rolex Submariner
Time Pieces สุดคลาสสิคหมายเลขแรกของเราก็คงต้องเริ่มด้วยความคลาสสิคสุดๆอย่างรุ่น Submariner ที่ Rolex เริ่มต้นทำขายครั้งแรกในปี 1954 ถือเป็นรุ่นที่ปฏิวัติวงการนาฬิกาข้อมือทั้งโลกเลยก็ว่าได้ ในตอนแรก Submariner ไม่ได้จัดเป็นไลน์ Luxury แต่อย่างใด ผลิตมาเพื่อตอบโจทย์การดำน้ำโดยเฉพาะ แต่เมื่อนานวันเข้า จากปากต่อปาก และไอคอนบนโลกนี้อย่าง Steve McQueen ที่ใส่จนมันกลายเป็นสถานะความคูลบนตัวสุภาพบุรุษ เมื่อมาถึงปลายยุค 80’s ที่ Rolex กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรามั่งคั่ง รุ่นที่ฮิตที่สุดของพวกเขาก็คือ Submariner นี่ล่ะ เอกลักษณ์ของมันคือความทนทาน และเป็นนาฬิกาทรง Sports ที่โคตรๆๆดี ทั้งดีไซน์และการใช้งาน ทุกวันนี้รูปทรงของมันก็ยังคงร่วมสมัย ใส่ได้กับผู้ชายทุกสไตล์ (หรือผู้หญิงบางคนก็ใส่ได้เช่นกัน) ยังคงผลิตอยู่ในปัจจุบัน มีหน้าปัดขนาด 40mm ให้เลือกทั้งสีเงิน สีทองและทองขาว 18K ราคาตกอยู่ที่ประมาณ $8,500
2. Omega Speedmaster
ในสายแฟนๆของ Omega รุ่น Sports ที่ตีคู่เคียงกันมากับ Submariner ข้อข้างบน ก็คงต้องขอส่ง Speedmaster อันชื่อดังเข้าประกวด ถ้าคุณต้องการความเท่แมนๆ แต่ไม่อยากรู้สึกโชว์ตะโกนเสียงดังเหมือนคาแรคเตอร์ของ Rolex เราว่า Omega Speedmaster นี่ล่ะที่ตอบโจทย์เข้าจังๆ เพราะมันโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในเวลานั้น ถึงขั้นว่า NASA ใส่บนข้อมือ Buzz Aldrin วิศวกรและนักบินอวกาศ ตอนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ปี 1969 (คนที่สองต่อจาก Neil Armstrong) ฉะนั้นไม่ต้องถามถึงสรรพคุณการใช้งานของมันเลยว่าไว้ใจได้ขนาดไหน ในปัจจุบันนี้ถ้าคุณเป็นคนชอบความต้นฉบับจะมองหารุ่น 3570.50.00 ที่ยังเป็น Speedmaster รุ่นคลาสสิค หรือจะกระโดดไปหารุ่นที่ทำออกมาใหม่เป็นระบบ Automatic อย่าง Speedmaster 9300 นี่คือนาฬิกาที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ ราคาอยู่ที่ประมาณตั้งแต่ $4,500 – $8,700 สำหรับ Steel Versions
3. Audemars Piguet Royal Oak
แบรนด์ที่ในบ้านเราอาจจะเคยได้ยินเฉพาะคนเล่นนาฬิกาเท่านั้น Audemars Piguet เป็นแบรนด์จาก Switzerland ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1875 และในช่วงที่โลกกำลังให้การต้อนรับกับระบบ Quartz Movement แบบใหม่ ทำเอา AP แทบบล้มละลาย แต่เพราะ Royal Oak นี้ล่ะ ที่ทำให้พวกเขาคืนชีพได้อีกครั้งและอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะเข้าใจดีว่าความคลาสสิคขของพวกเขา ต้องการ “การปรับปรุง” ไม่ใช่ “การเปลี่ยนแปลง” กลยุทธ์ของ AP คือดึงเอานักออกแบบ Gerald Genta ช่วยวาง Blueprint ของนาฬิกาที่จะทำให้พวกเขาไปสู่ตลาดได้กว้างขึ้น เกิดเป็น AP Royal Oak ref 5402ST ออกมาตีตลาดในปี 1972 ถือเป็นก้าวที่เดิมพันสูงของพวกเขาเลย เพราะว่าโลกไม่เคยเจอกับ Sports Watch ที่เป็น Luxury ขนาดนี้มาก่อน ด้วยวัสดุ Steel แต่ราคาพุ่งแซงหน้านาฬิกาทองคำแบรนด์อื่นๆหมด นี่เป็นหมัดฮุคที่ถ้าไม่เข้าเป้าก็เจ๊งกันไปข้างเลยของ AP แต่แล้วก็เป็นไปตามคาด ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ของ Royal Oak ถูกใจคอนาฬิกาเข้าอย่างจัง เกิดเป็นไลน์ผลิตใหม่ให้กับแบรนด์อื่นๆที่ผสมผสานเอา Luxury กับ Sports เข้าไว้ด้วยกัน และทำให้แบรนด์อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ราคาเริ่มต้นสตาร์ที่ประมาณ $20,000
4. Jaeger-LeCoultre Reverso
1931 เป็นปีแรกที่โลกได้รู้จักกับ Reverso การร่วมมือกันที่ลงตัวที่สุดในวงการนาฬิกา ระหว่าง Jaeger และ LeCoultre เป้าหมายในตอนแรก Jaeger-LeCoultre Reverso ถูกออกแบบมาให้สำหรับสมาชิกในวงสังคมชั้นสูงมากๆในอังกฤษ เอาไว้ใส่สำหรับเล่น Polo ในประเทศอินเดีย (ที่ตอนนั้นเป็นอาณานิคม) ถ้ามองในยุคนี้ตัวเคสที่สามารถกลับได้อาจจะมองดูธรรมดา แต่ย้อนไปตอนนั้นมันค่อนข้างทำให้วงการคึกคักกันเลยพอสมควร ตัวเรือนสีเหลี่ยมที่แสดงถึงสไตล์ Art Deco ในยุคนั้นได้ชัดเจน (ถ้าให้เห็นภาพก็การออกแบบอารมณ์ประมาณในยุคหนังเรื่อง The Great Gatsby) ทำให้ในบรรดาคนสังคมชั้นสูงในยุโรปตอนนั้นพากันจับจองมี Reverso ใส่กันแพร่หลาย จนมาหยุดผลิตไปในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 มาถึงในยุค 80’s ที่ Reverso กลับมาตีตลาดอีกครั้ง และที่สำคัญเราต้องปรบมือให้สำหรับ Mastermind ของ Jaeger และ LeCoultre ที่พวกเขายังคงมั่นใจในรูปทรงสี่เหลี่ยมสร้างชื่อนี้นี่ล่ะ ออกมาชนกับนาฬิกายุคโมเดิร์นต่างๆ ถึงตอนนี้คุณเองก็สามารถเป็นเจ้าของได้ ในราคาประมาณ $10,000
5. Rolex Datejust
นี่คือนาฬิกาที่บ่งบอกความเป็น Rolex ที่สุดแล้ว กับระบบกลไกบอกวันที่ได้ที่ Rolex ใส่ลงไปในนาฬิกาที่คลาสสิคอยู่แล้วของพวกเขา ออกมาในปี 1945 ผลตอบรับก็แน่นอนละว่ามันล้นหลามซะจน ผลักให้ Rolex เป็นที่สุดของแบรนด์นาฬิกาข้อมือ ปรัชญาการออกแบบและการผลิตนาฬิกาของ Rolex เราจัดพวกเขาว่าเป็นสไตล์อนุรักษ์นิยมพอสมควร (แหงล่ะ ก็เขามีดีให้อนุรักษ์จริงๆ) และ Datejust เป็นรุ่นที่มาตรฐานเลยของพวกเขา มีให้คุณทั้งดีไซน์ที่ใส่เข้ากับเสื้อผ้าลุคไหนก็ได้ รวมถึงระบบการใช้งานที่ตอบโจทย์ในชีวิตประจำวัน ในปี 2009 พวกเขาเปิดตัวรุ่นหน้าปัด 41mm แต่ก่อนหน้านั้น Datejust โดดเด่นด้วยหน้าปัดขนาด 36mm (สำหรับคุณผู้ชาย) และลดลงมาระดับกลางเป็น 31mm มีไซส์ของคุณผู้หญิงขนาด 26mm โอย แล้วถ้าถามถึงความเป็นไอคอนของ Datejust นี่เราคงต้องยกคอลัมน์นึงให้อธิบายหลายหน้ากระดาษเลยล่ะ เพราะมันถูกใส่โดยคนดังของแต่ละยุคมากมาย ตั้งแต่ประธานาธิบดี Dwight Eisenhower แล้วก็ดารา Hollywood อีกหลายคน สำหรับ Datejust เราชอบตรงที่มันเป็นนาฬิกาเข้าได้กับทุกโอกาส แม้จะไม่ใช่ Sports Watch แต่จับคู่กับยีนส์หรือเสื้อยืดขาว ก็ดูดีได้เช่นกัน ราคาอยู่ที่ประมาณ $9,000 (สำหรับ Datejust II) แต่ถ้าคุณอยากได้แบบเรือนทองคำหรือฝังเพชรล่ะก็ เรื่องราคาเราคงต้องคุยกันยาวเลยล่ะ 🙂
6. Tag Heuer Monaco
มาถึงข้อนี้ เรามั่นใจว่านี่เป็นนาฬิกาในดวงใจของใครหลายๆคน ดีไซน์ของ Tag Heuer ที่เป็นเอกลักษณ์และดูเท่คูลมีสไตล์ รุ่น Monaco เปิดตัวครั้งแรกในปี 1969 และเป็นนาฬิกาแบบ Automatic Chronographs เรือนแรกที่ทำออกมาบนโลกในตอนนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว ชื่อเสียงของมันก็แทบจะไม่ต้องสืบให้มากความ ขื่อของรุ่น Jack Heuer ตั้งชื่อเป็นเกียรติตามสนามแข่ง Fomula 1 ชือดัง Monaco GP สิ่งที่ทำให้คนทั้งโลกต้องกรี๊ดแตกเกี่ยวกับนาฬิการุ่นนี้ก็เพราะ King of Cool อย่าง Steve McQueen ใส่มันตลอดหนังดังปี 1971 “Le Mans” ทั้งเรื่อง หนังว่าด้วยเรื่องการขับรถแข่งทำให้ทั้งตัวนักแสดงและนาฬิกาข้อมือนี่ดังพลุแตกเป็นที่ใฝ่ฝันของผู้ชายไปเลย หลังจากนั้นไม่กี่ปี Tag ก็เลิกผลิตรุ่นนี้ไป ฟังดูน่าเสียดายนะ แต่นี่ล่ะการบ่มเพาะความขลัง กลับมาเปิดตัวอีกครั้งในปี 2003 ก็ยังคงสร้างความฮือฮาในตลาดนาฬิกาตามคาด ถ้าไม่ติดว่าต้องเป็นรุ่นแบบวินเทจในปีเก่าแท้ๆ ที่ราคาก็เก๋าพอๆกัน Monaco จะมีขายอยู่ที่ประมาณ $4,500 แต่เรารับประกันเลย ต่อให้ใส่แล้วคุณจะเอาจิตวิญญาณ Steve McQueen มาเข้าสิง หรือจะเป็นตัวคุณเองเลย Monaco เป็นนาฬิกาที่เป็นตัวอย่างของไอเทมชิ้นคูลบนตัวคนใส่แท้จริง
7. Glashütte Original Senator Navigator
นอกเหนือจากนาฬิกาแบบ Diver-Style Watches ที่ออกแบบมาใช้สำหรับดำน้ำแล้ว ในแนว Sports Watch ยังมีอีกแบบที่คนนิยมไม่แพ้กัน คือนาฬิกาที่ออกแบบมาสำหรับนักบิน ในตลาดก็มีให้เลือกซื้อมากมายหลากหลายแบรนด์เช่นกัน จุดเด่นของนาฬิกาสไตล์นี้ คือหน้าปัดบอกและตัวเลขบอกเวลาที่มีขนาดใหญ่ ต้นกำเนิดของนาฬิกาแบบนี้เรายังไม่มั่นใจว่ามันเกิดขึ้นโดยแบรนด์ใด รู้แต่ว่าน่าจะมาจากไม่ German หรือ Swiss ในปี 1920s นี่ล่ะ รุ่นที่เราหยิบมาแนะนำเป็นรุ่น Senator Navigator ของแบรนด์ Glashütte Original แบรนด์ทำนาฬิกาสัญชาติเยอรมันแท้ๆ สาเหตุก็เพราะมันเป็นนาฬิกาที่ยังผลิตขายอยู่ในทุกวันนี้ แล้วก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมๆไว้ครบครัน ราคาขายกันอยู่ที่ประมาณ $7,000 แต่ปัญหาอยู่ที่จะหาซื้อที่ไหนนี่ล่ะ เพราะเขาผลิตและวางขายกันแบบเฉพาะทางมากๆ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ชื่อแปลกที่ในวงการคนเล่นให้ความสำคัญกัน
8. Breitling Navitimer
นาฬิกาจากต้นปี 1950s ในยุคที่นาฬิกาแบบ Pilot Watch เฟื่องฟู เราขอยกข้อนี้ให้กับ Breitling Navitimer แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เรือนนี้มีความสำคัญกว่าใครเพื่อน? เพราะนี่คือสัญลักษณ์ของนาฬิกาสามัญประจำข้อมือสำหรับผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักบินทุกคน ไม่ใช่แค่ดีไซน์สวยเท่เท่านั้นนะ แต่เพราะพวกเขาถูกฝึกมาให้ใช้งานมันโดยเฉพาะด้วย ถ้าลองสังเกตดูจะเห็นตัวหน้าปัดที่มีแหวนบอกข้อมูลมากมาย มากไปกว่านาฬิกาทั่วๆไปที่เราเคยใช้กัน ทำให้มันมีประโยชน์ในการใช้งานสำหรับนักบินทุกคน ต่อให้ในยุคนี้ที่เป็นโลกของ Digital หมดแล้ว นักบินทุกคนก็ยังจำเป็นต้องถูกฝึกให้ใช้เครื่องมือแบบ Analog อย่างเช่น Navitimer เรือนนี้อยู่ ซึ่งด้วยดีไซน์อันชัดเจนและโคตรจะแมนของเรือนนี้ ทำให้มันเป็นนาฬิกาที่ออกมาโลดแล่นในโลกของแฟชั่นของสุภาพบุรุษด้วยเช่นกัน ยังคงเป็นรุ่นดังขายดีของ Breitling จนถึงทุกวันนี้ ราคาประมาณ $9,000
9. Cartier Santos
พูดถึงนาฬิกาแบบ Pilot มาสองข้อแล้ว มาถึงนาฬิกาข้อมือที่อาจจะไม่ได้มีระบบซับซ้อนและมีความเป็นนาฬิกานักบินอะไร แต่ให้ความรู้สึกต้นฉบับอย่าง Cartier Santos เรือนนี้กันบ้าง ประวัติที่มาก็คือชาวบราซิล Albert Santos-Dumont ผู้เป็นเหมือนมนุษย์คนแรกที่สามารถบินด้วยเครื่องบิน Fixed Wing Aircraft ในช่วงปี 1906 ขณะที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสเกือบแทบทั้งชีวิต เขามีเพื่อนสนิทคือนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง Louis Cartier และได้เล่าให้ฟังว่าการอยู่บนเครื่องบิน แล้วก็หันมาดูนาฬิกาพกในกระเป๋าเสื้อมันลำบากมากๆ ทำให้ Cartier ต้องออกแบบนาฬิกาข้อมือให้ ช่วยให้ Dumonet สามารถเช็คเวลาได้ขณะเครื่องบิน เกิดเป็นนาฬิกาที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น Pilot Watch (แต่ไม่มีระบบอะไรแบบที่ข้อข้างบนๆกล่าวเลยนะ) และเกิดเทรนด์ใหม่ที่ผู้ชายเริ่มใส่นาฬิกาข้อมือกัน จากที่สมัยก่อนมันเป็นไอเทมสำหรับผู้หญิงเท่านั้น นาฬิกาเป็นตัวเรือนสี่เหลี่ยมจตุรัสแบบโบราณ และบอกเลขด้วยตัวเลขโรมันเก่า ถึงทุกวันนี้ Cartier ก็ยังมีทำขายออกมา แต่เป็นตัวเรือนขนาด 51 x 41.3mm ถ้าคุณอยากได้ลุคที่ดูคล่องตัวเป็นนาฬิกาใส่ง่ายๆแต่มีกลิ่นอายของศตวรรษที่แล้วหลงเหลือมาเต็มเปี่ยม เรือนนี้เป็นตัวเลือกที่ดีได้เลย ราคาอยู่ที่ $6,700
10. IWC Portuguese
แบรนด์ International Watch Company หรือที่รู้จักกันในนามว่า IWC สำหรับรุ่นดัง Potugeuese เริ่มมีเรื่องราวที่มาตรงตามชื่อเลย บรรดากลุ่มพ่อค้าชาวโปรตุกีส เดินทางด้วยเรือมาถึงที่ Switzerland ประเทศที่เป็นเหมือนเมืองหลวงของการทำนาฬิกาในอดีต (รวมถึงปัจจุบันด้วยล่ะ) พวกเขาต้องการนาฬิกาที่มีความแม่นยำและสามารถใส่ขณะเดินเรือได้ ย้อนไปในเวลานั้นแล้ว มันเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องมีนาฬิกาที่สามารถเดินบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงขณะอยู่ในทะเลเป็นเวลานานๆ ติดต่อกลับฝั่งก็ไม่ได้ เพราะไม่งั้นเราจะไม่สามารถรู้เวลาได้เลย นาฬิกาข้อมือที่ดีจึงเป็นสิ่งเดียวที่ชาวโปรตุกีสจะใช้บอกเวลา ผลลัพธ์ที่ออกมาในตอนนั้นเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าชาวโปรตุกีสได้รับสุดยอดนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงอะไรกลับไปขนาดไหน แต่เอาแค่คำล่ำลือที่สั่งสมมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็คงการันตีได้แล้วว่า IWC Portuguese มีความคงทนและบอกเวลาได้แม่นยำที่สุดเรือนหนึ่ง เรื่องดีไซน์ได้แรงบันดาลใจพื้นฐานมาจากส่วนประกอบบนเรือและนาฬิกาบอกเวลาบรฝั่งของทหารเรือ มันร่วมสมัยซะจน ถึงทุกวันนี้ Portuguese ก็ยังคงเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของ IWC ปัจจุบันมีการทำออกมาหลากหลายสไตล์ แต่เอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้คือหน้าปัดบอกเวลาขนาดใหญ๋กว้าง และตัวเลขบอกเวลาแบบเลขอารบิก พร้อมเข็มนาฬิกาสั้นยาวที่ทำออกมาได้ลงตัว สำหรับหลายคนกล่าวขานว่ามันเป็นนาฬิกาที่ทำออกมาได้ไร้ที่ติทุกองค์ประกอบ ราคาอยู่ที่ประมาณ $10,000
นอกจาก 10 เรือนที่เรากล่าวมาแล้ว ไม่ได้แปลว่านาฬิกาเรือนอื่นๆจากในนี้ไม่ดีพอหรืออย่างใด เพียงแต่ว่านี่เป็นเพียงส่วนที่เราหยิบมาเล่าพร้อมข้อมูล เรามั่นใจว่าในโลกนี้ยังมีนาฬิกาเรือนดังของอีกหลากหลายแบรนด์ที่แฟนๆนาฬิกาอยากฟังอยู่ ทั้ง Bell & Ross, Panerai, Patek Philippe เป็นต้น เพราะฉะนั้นเราจะแง้มให้ฟังว่ายังมีเรือนไหนรุ่นใดอีกบ้างที่ติดโผมาในตอนแรก
Credit: A Blog to Watch
RECOMMENDED CONTENT
แซมรู้สึกว่ายังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ ของแซมมากๆ แซมยังเป็นคนนึงที่แซมมองเรื่องดนตรีเป็นเรื่องของความสนุกอยู่ แซมชอบที่จะได้ทดลองเพลงต่างๆ วิธีการเขียนต่างๆ เหมือนกับดนตรีมันยังเป็นงานอดิเรกของแซมด้วย แล้วพอเราได้ออกมาทำเป็น Job ด้วยจริงๆ มันก็แฮปปี้ดี ไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองว่าศิลปินเต็มตัวได้ไหม แต่ว่าก็ทำอยู่เรื่อยๆ