fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#Travel | ชวนไปงาน Water Festival 2019 กับ 3 จุดเด่นที่จะทำให้คุณ “อยู่เย็นเป็นสุข”
date : 2.เมษายน.2019 tag :

ใกล้ถึงเทศกาลสงกรานต์หรือวันปีใหม่ไทยแล้ว!! ใครที่เบื่อการเล่นน้ำ สาดน้ำ ตามจุดต่างๆ หรือใครที่อยากแบ่งเวลาเล่นน้ำหนึ่งในสามวันมาลองทำกิจกรรมอื่นดูบ้าง เราว่างานนี้เหมาะกับทุกคนนะ เพราะนอกจาก Water Festival 2019 จะเป็นเทศกาลที่รวบรวมวัฒนธรรมดั้งเดิมมากมายให้เราได้รำลึกและสนุกกันแล้ว ยังผสมผสานความร่วมสมัยในกิจกรรมต่างๆ พร้อมสีสันและความตื่นตาตื่นใจมากมายอีกด้วย

Water Festival คือ ?

สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปงาน Water Festival ขอบอกเลยว่างานนี้ คือเทศกาลแห่งวัฒนธรรม ที่ผสานความร่วมสมัยที่ดีงามที่สุดของไทยเอาไว้ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นครั้งที่ 5 แล้ว

โดยจัดขึ้นในธีม “อยู่เย็นเป็นสุข” เนื่องจากสงกรานต์เป็นประเพณีเก่าแก่ที่ดีงาม ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ เราก็ จะเห็นผู้คนยิ้มแย้มในเทศกาลที่อบอวลไปด้วยความสุข และปี 2562 ก็ถือเป็นปีท่ีร่มเย็น เป็นมงคลรับวันดีปีใหม่ไทย ซึ่งคงจะดีมากหากเราจะได้ออกมาสัมผัสงานวัฒนธรรมท่ีผสานความร่วมสมัยอย่างที่บอกไปตอนแรก แถมยังได้ภูมิใจในพื้นถิ่นไทย รวมถึงได้สืบสานวัฒนธรรมให้ยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองให้แก่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน หรือ “ASEAN CULTURAL YEAR 2019” ด้วย

แน่นอนว่าครั้งนี้ เราได้รวบรวมความพิเศษไว้ใน 3 จุดเด่นไม่เหมือนใครมาให้แล้ว!! เลื่อนดูเลยว่ามีอะไรบ้าง ?

3 จุดเด่นไม่เหมือนใคร

1. เทศกาลวัฒนธรรม: เชื่อมโยงเส้นทางบก ทางน้ำสู่ชุมชน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาตร์

เป็นการรวบรวมเส้นทางสู่สถานที่จัดงานเฉพาะในกรุงเทพฯ กว่า 9 ท่าน้ำ เรียกง่ายๆว่า สามารถนั่งเรือจากท่าหนึ่งไปอีกท่าหนึ่งได้สะดวกสุดๆ ซึ่งท่าน้ำที่จัดงานมีดังนี้

กรุงเทพฯ

  • วัดพระเชตุพนวิมนมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ (ได้รางวัลจาก UNESCO)

ภายในงานทุกคนจะได้สัมผัสเย็นใจ Iconic” ซึ่งเป็น Art Installation ที่สามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ รวมถึงได้ทำกิจกรรมในวันสงกรานต์อย่าง การสรงน้ําพระประจําวันเกิด, ก่อพระเจดีย์ทรายจากทางวัด แถมยังมีซุ้มรดน้ําดําหัวย้อนรำลึกประเพณีแบบไทยๆ นอกจากนี้ยังมีเวทีการแสดงทางวัฒนธรรม และร้านค้าจากชุมชน

  • วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร (ได้รางวัลจาก UNESCO)

กิจกรรมส่วนใหญ่จะเหมือนที่วัดพระเชตุพนวิมนมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร แต่จะมีบางกิจกรรมที่ต่างกัน เช่น มีพิธีบังสุกุล สำหรับคนที่อยากทำบุญ หรือจะเป็น Workshop หมูกระดาษ + ผ้าขาวม้า ก็จะได้ของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย

  • วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา และเคยประดิษฐานพระแก้วมรกต)

ความพิเศษนอกจากจะได้ชม Art Installation และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมแล้ว ช่วงเช้าทุกคนยังได้ทำบุญตักบาตรต้อนรับปีใหม่ร่วมกัน หลังจากนั้นก็มาถวายราชสักการะหลวงพ่อรุ่งอรุณ และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เดินเล่นหาของกินในตลาดย้อนยุค และปิดท้ายด้วยการถ่ายรูป และชมเจดีย์ทรายสูง 5 เมตร จําลองรูปทรงมาจากเจดีย์รายภายในวัดโพธิ์ ให้ชีวิตร่มเย็น เป็นสุข เบิกบาน

  • วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร (มีหลวงพ่อซําปอกง อันเป็นที่เคารพของกลุ่มชาวจีน และผู้ทําการค้า และยังมีระฆังที่ครั้งหนึ่งเคยใหญ่ที่สุดในประเทศ)

นอกจากจะมีพีธีทำบุญและร้านค้ามากมายแล้ว ยังมีการแสดงเชิดสิงโตเด็ก สิงโตผู้ใหญ่ / การละเล่นพื้นบ้าน ฉลองศักราชใหม่ / และกีฬาพื้นเมืองไทยสมัยธนบุรีอีกด้วย

  • ท่าเอเชียทีค (ที่ครั้งหนึ่งคือกุญแจสําคัญของการค้าขายระหว่างประเทศ และท่าเรือของอีสต์เอเชียติก)

เรียกได้ว่าไฮไลท์ของที่นี่ อยู่ที่การสร้างบรรยากาศออกมาให้เป็น “งานวัดร่วมสมัย VERY COOL SONGKRAN” โดยตกแต่งผ้าขาวม้านีออนให้เป็นอุโมงค์สีสันสดใส ไม่มีเอ้าท์ Fog เพิ่มความสดชื่น นอกจากนี้ยังมีเวทีประชันมหรสพแบบไทยๆ ให้ได้สนุก สุขใจ กับกิจกรรมมงคลรับปีใหม่ไทยกันทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็น เดินเล่นในตลาดย้อนยุคริมน้ํา นั่งชิงช้าสวรรค์ และม้าหมุน ร่วมรําวงย้อนยุค (สามช่า) ชมมวยทะเลสุดเฮฮา หรือจะชมการแสดงคอนเสิร์ต จากศิลปินชื่อดังก็มีนะทั้ง ว่าน ธนกฤต, เปาวลี พรพิมล และลาดา อาร์สยาม อ้อ.. ใครที่อยาก Workshop ร้อยพวงมาลัย รับรองว่าได้ความรู้กลับบ้านแน่นอน ตบท้ายด้วยเวิร์คชอปผ้าขาวม้าสารพัดประโยชน์ที่ บูทผ้าขาวม้า เชื่อว่าหลายคนต้องหลงใหล

  • ท่ามหาราช (ย่านสําคัญของเจ้านายชั้นสูงในสมัยก่อน อีกทั้งรวมชุมชนค้าขายและครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาดพระเครื่องที่สําคัญที่สุด)

  • ท่ายอดพิมาน (ตลาดค้าขายดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดของไทย หรือปากคลองตลาดนั่นเอง)

  • ท่าฮ่วยจุ่งล้ง (ล้ง1919) เคยเป็นท่าจอดเรือจีนครั้งสมัยรัชกาลที่ 4

  • สุขสยาม (งานจัดที่ ไอคอนสยาม)

เชียงใหม่

หลายคนคงเข้าใจบรรยากาศงานในต่างจังหวัดดี โดยเฉพาะภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ที่มีเอกลักษณ์งดงาม ซึ่งแน่นอนว่าสงกรานต์ล้านนา ก็จะได้เห็นผู้คนแต่งกายแบบคนนุ่งเมือง ได้สัมผัสศิลปะแบบล้านนา รวมถึงอาหารการกินแบบคนเมือง จึงถือเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกหนึ่งทาง

ทั้งนี้ ภายในงานยังแบ่งแต่ละโซนไว้กว่า 4 โซน ทั้งโซนลานทรายข่วงหลวง โซนกาดหมั้วครัวฮอม โซนมงคลรับทศวรรษใหม่ โซนกาดโบราณและสล่าเมือง ซึ่งกิจกรรมหลักๆ นอกจากที่เกี่ยวข้องกับประเพณีสงกรานต์ เรายังจะได้ชมแสดงหัตถกรรมพื้นบ้านแบบล้านนา จากปราชญ์ชาวบ้าน พ่อครู แม่ครู สล่าเมือง รวมถึง Workshop ถักทอ จักสาน ง่ายๆสไตล์ล้านนา ฝีมือตัวเองด้วย

อุดรธานี

มาถึงการเรียนรู้เรื่องราวในแถบภาคอีสานอย่างจังหวัด อุดรธานี กันบ้าง โดยงานที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นการสืบสานวัฒนธรรม และวิถีชีวิตแบบชาวไทพวน ทุกคนจะได้ตักบาตรแบบวิถีไทพวน ที่วัดสระแก้ว และลานวัฒนธรรม มรดกโลกบ้านเชียง พร้อมกับสรงน้ำพระสงฆ์ และรดน้ำขอพร พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ ไทพวนบ้านเชียง 

อีกทั้งยังได้ชมขบวนแห่วัฒนธรรมไทพวนบ้านเชียง และรำวงย้อนยุคไทพวนบ้านเชียงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ภูเก็ต

สำหรับงานที่จะจัดที่จังหวัด ภูเก็ต มีการรวบรวมอัตลักษณ์เมืองเก่าภูเก็ตไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งบรรยากาศภายในงานที่หลักๆเป็นความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรม ส่วนวันที่ 14 – 15 เม.ย. Water Festival 2019 ที่ถนนดีบุก

โดยภายในงานแบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่ โซนกินดืย (กินดี) กับร้านอาหารชื่อดัง ในตํานานกว่า 40 ร้านค้า, โซนบายใจได้ออกแรง กับการทําบุญตักบาตร และสรงน้ําพระพุทธรูป, โซนแชะ แชร์ กับ Hi-light Photo Spot จัดถ่ายภาพบ้านโบราณ มีให้เช่าชุด Baba Closet, โซนทํามืย (ทํามือ) กับ Workshop จาก 30 ร้านค้า และโซนอ้อร้อ กับการแสดงของศิลปินชื่อดัง วง Lipta และ Byrd & Heart รวมถึงมีแดนซ์ฟลอร์ และรําวงลีลาศด้วย

2. เทศกาลวัฒนธรรม: ผสานความร่วมสมัยที่ดีงามที่สุด

จุดเด่นนี้ก็อย่างที่เราย้ำว่าการผสมสานวัฒนธรรมเก่าแก่เข้ากับความร่วมสมัย จึงทำให้เกิดความสวยงามเฉพาะตัว

3. เป็นต้นแบบของเทศกาลใหญ่ระดับประเทศที่คนในชุมชนมีส่วนร่วมเพื่อชุมชนตนเอง 

อย่างที่รู้ว่าแต่ละที่จะมีการบอกเล่าของดีผ่านการออกร้านไม่เหมือนกัน เห็นได้ชัดจากอาหารการกิน และแน่นอนว่ากิจกรรมทั้งหมดยังเป็นส่วนที่ทำให้มีตัวแทนเยาวชนบ้าน และจิตอาสาเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกับวันด้วย สุดท้ายยังชูเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนนั่นเอง

อ้อ.. ข้อดีของการไปงานนี้ คือหากใครทําบุญสุขใจ แล้วสะสมตราประทับครบ 4 ท่าน้ำ ตามแผนที่ จะได้ลุ้นรับ “เป๋าตุง” รับปีใหม่ไทย ซึ่งก็คือของที่ระลึกประจําปี 2019 อย่าง “กระเป๋าบ๊ะจ่างผ้าขาวม้า” จากชุมชน ด้วยน้าาาา 

อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมในวันที่ 13 – 15 เม.ย. นี้! ( ใส่ผ้าขาวม้ากันมา ก็ได้ลุ้นรางวัลเหมือนกันนะ ) จะชวนคนในครอบครัว หรือชวนเพื่อนมาเที่ยวงาน ก็เลือกสถานที่ใกล้บ้านแล้วออกไปลุยเล้ยยยย 🙂

RECOMMENDED CONTENT

1.เมษายน.2019

ลู่วิ่งสนามบินนาริตะ ✈️ กับทริปโตเกียว ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ? INSIDER JOURNY EP1 : Tokyo Marathon