ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเกิดขึ้น หลังมียานยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EVs (Electric Vehicles) ที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ และคงเป็นไปตามคาด หากนี่จะกลายเป็นอุตสาหกรรมกระแสหลักของโลกในอนาคตอันใกล้ ทำให้หลายคนคิดว่า การมาถึงของยุคยานยนต์ไฟฟ้าจะก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ แก่หลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า เมื่อการใช้ EVs เป็นที่แพร่หลาย ความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าย่อมจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว อุตสาหกรรมแบตเตอร์รี่ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ลิเธียม และอุตสาหกรรมบริการชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ เป็นต้น
ทว่าใช่แต่จะมีอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการมาของยุค EVs เท่านั้น หากแต่อุตสาหกรรมที่จะได้รับผลอย่างรุนแรงและอาจถึงขั้นต้องล้มหายตายจากไปนั้นย่อมมีอยู่ และก็ยังยังไม่เป็นที่กล่าวถึงกันมากนักในขณะนี้ แม้ทุกคนจะทราบดีว่า ทุกครั้งที่มีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นอาจนำมาซึ่งวิกฤตอันเปรียบได้กับเหรียญที่มีสองด้าน
คาดปริมาณการใช้รถ EVs จะเพิ่มขึ้นในอีก 8 ปีข้างหน้า
JP Morgan สถาบันการเงินชั้นนำของโลก ได้ประเมินในเบื้องต้นว่า ในปี 2025 หรือในอีก 8 ปีข้างหน้า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์โลกในสัดส่วน 35% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 48% ในปี 2030 ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่ไม่นานเกินรอ เนื่องจากราคารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงดั้งเดิมอย่างน้ำมัน ก๊าซ หรือแม้กระทั่งลูกผสมอย่างรถยนต์ไฮบริดที่ใช้ทั้งน้ำมันและพลังงานไฟฟ้า กับราคารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวมีส่วนต่างที่แคบลงทุกขณะ
แบตเตอร์รี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารูปแบบต่างๆ
เพราะราคาแบตเตอร์รี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าถูกลงนั่นเอง ราคารถยนต์พลังงานไฟฟ้าจึงลดลงตามไปด้วย ทำให้ความสามารถในการซื้อรถยนต์ EVs ของผู้บริโภคทั่วโลกมีมากขึ้น ประกอบกับนานาประเทศมีนโยบายสำคัญที่จะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีน ที่พยายามอย่างหนักในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ และการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานใหม่นี้ก็เป็นหนึ่งในมาตรการหลักของรัฐบาลจีน จึงไม่แปลกที่กระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
• ใครได้รับผลกระทบเมื่อรถ EVs มาถึง •
01 – ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องยนต์ประเภทสันดาปภายใน
เจพีมอร์แกน ยังระบุอีกว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องยนต์ประเภทสันดาปภายใน (internal combustion engine) หรือ เครื่องยนต์ประเภทลูกสูบไม่ว่าจะกี่จังหวะก็ตาม จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการมาถึงของยุค EVs เนื่องจากยานยนต์ประเภทใหม่นี้ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์ประเภทเผาไหม้เชื้อเพลิงภายในอีกต่อไป ดังนั้น การใช้และการเปลี่ยนอะไหล่เครื่องยนต์ประเภทนี้จึงไม่มีความจำเป็น ความต้องการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ในส่วนนี้จึงมีแนวโน้มหดหายไปทุกขณะ ซึ่งจำนวนผู้ผลิตและกำลังการผลิตจะลดลงตามความต้องการที่หายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงนับเป็นอุตสาหกรรมผู้แพ้อย่างแท้จริง
02 — ศูนย์หรืออู่ซ่อมรถยนต์แบบเก่า
กลุ่มที่สองคือ ผู้ให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์พลังงานเก่า หรือ กลุ่มผู้ประกอบการศูนย์ซ่อมหรืออู่ซ่อมรถนั่นเอง เพราะรถยนต์ EVs ลดการใช้ฟันเฟืองและชิ้นส่วนในระบบขับเคลื่อนลงจากกว่า 2,000 หน่วยที่ใช้ในรถยนต์ประเภทเก่าเหลือเพียงกว่า 20 หน่วยเท่านั้น ทำให้สามารถลดความเสียหาย และลดจำนวนชิ้นส่วนที่จะสึกหรอลงได้มาก และทำให้อายุการใช้งานของ EVs ยาวนานขึ้น ความเปลี่ยนแปลงแห่งระบบวิศวกรรมการขับเคลื่อนนี้ ย่อมทำให้ความจำเป็นในการซ่อมบำรุงรถยนต์มีความถี่ต่ำ นั่นหมายถึงรายได้ที่ผู้ประกอบการในธุรกิจศูนย์ซ่อมจะได้รับ ย่อมลดลงตามไปด้วย
เจพีมอร์แกนคำนวณว่า : ค่าบำรุงรักษารถยนต์ EVs จะมีสัดส่วนเพียง 10% เมื่อเทียบกับค่าบำรุงรักษารถยนต์ประเภทเก่า ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ประเภทที่ครองท้องถนนอยู่ในปัจจุบันนี้ จึงกลายเป็นผู้แพ้ไปอีกหนึ่งรายหากยุค EVs มาถึง
03 — ผู้จำหน่ายรถยนต์พลังงานเก่ามือสอง
กลุ่มนี้เจพีมอร์แกนไม่ได้กล่าว แต่ย่อมเป็นที่ทราบกันดีว่า หากไม่ปรับตัวและเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่นานคงต้องออกจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไปอย่างแน่นอน ใช่แล้ว! เรากำลังพูดถึงผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองที่เป็นรถยนต์พลังงานเก่า ที่เมื่อรถยนต์ EVs กลายรถกระแสหลัก จำนวนผู้จำหน่ายรถยนต์พลังงานเก่าก็จะทยอยปิดตัวลง เพราะหากรถยนต์พลังงานใหม่มีราคาที่แข่งขันกับรถยนต์พลังงานเก่าได้ พฤติกรรมของผู้บริโภคย่อมจะเปลี่ยนไปจากปัจจุบันนี้
ข้อดี : รถยนต์พลังงานใหม่มีต้นทุนค่าซ่อมบำรุงที่ต่ำกว่า ขณะเดียวกันจำนวนอะไหล่สำหรับรถยนต์ประเภทเก่าในท้องตลาดจะเป็นสิ่งที่หาได้ยากขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตย่อมจะลดการผลิตให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องซื้อรถยนต์เก่าที่ใช้เครื่องยนต์ประเภทลูกสูบในขณะที่มีรถยนต์รุ่นใหม่มีอายุการใช้งานที่นานกว่า และไม่ยุ่งยากในการหาอะไหล่เพื่อซ่อมบำรุงในกรณีจำเป็น
ส่วนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานกระแสหลักในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซ ไปจนถึงสถานีบริการน้ำมันและก๊าซนั้น แม้จะไม่ถึงกับเป็นผู้แพ้แห่งยุค EVs แต่ก็ย่อมได้รับผลกระทบอย่างมากพอสมควร เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซที่จะลดลง และเป็นที่คาดหมายว่าราคาน้ำมันและก๊าซจะถูกลงกว่าที่เป็นอยู่หากโลกเข้าสู่ยุค EVs เต็มขั้น
ซึ่งก็มีสัญญาณปรากฏบ้างแล้วจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เคยทะยานเหนือ 100 เหรียญต่อบาร์เรลมาแล้ว เมื่อหลายปีก่อน แต่กลับทรุดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 เหรียญต่อบาร์เรลในเวลานี้ หลังจากระดับความต้องการผู้บริโภคเริ่มทรงตัว และรวมถึงพฤติกรรมการปรับตัวของหลายบริษัทได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนทำเหมืองลิเธียม ที่จะใช้ผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้ว หลายบริษัทลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าเสียเลย และหลายบริษัทเริ่มนำร่องให้บริการสถานีชาร์จแบตเตอร์รี่ EVs ซึ่งเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงสถานะผู้แพ้นั่นเอง
RECOMMENDED CONTENT
พาเที่ยวในโตเกียว ซื้อรองเท้า ให้'สายวิ่ง' เก็บตก ที่เที่ยว ช้อปปิ้ง หลังจากงานวิ่ง Tokyo Marathon . INSIDER JOURNY EP5 : เมื่อ 'สายวิ่ง' เก็บตก Shopping หลัง วิ่งในงาน Tokyo Marathon . Dooddot x Running Insider x Runner’s journey