คนไทยหมดเงินไปกับเรื่องอะไรมากที่สุด และมุมมองการลงทุนปี 2559 ควรลงทุนกับอะไรดี? … จากข้อมูลสถิติบัญชีประชาชาติของประเทศไทย พ.ศ. 2557 พบว่าคนไทยใช้เงินไปกับเรื่องดังต่อไปนี้

1) อาหารและเครื่องดื่ม 28.7 % 2) โรงแรมและร้านอาหาร 15.13 % 3) ยานพาหนะและการเดินทาง 14.55 % 4) ที่อยู่อาศัย 13.05 % 5) สันทนาการและความบันเทิง 5.04 % 6) สุขภาพ 4.48 % 7) เสื้อผ้า รองเท้า 4.32 % 8) การติดต่อสื่อสาร 2.05 %  9) การศึกษา 1.25 % และ 10) อื่น ๆ 11.43 %

(ที่มา : ข้อมูลสถิติบัญชีประชาชาติของประเทศไทย พ.ศ. 2557 และขอบคุณภาพจาก pantip โพสโดยสมาชิกหมายเลข 1317894)

จะเห็นได้ว่ามูลค่าการใช้จ่ายทั้งหมดในปี 2557 อยู่ที่ 6.9 ล้าน ๆ บาท ซึ่งเทียบกับรายได้ประชาชาติที่ 7.4 ล้าน ๆ บาท ถือว่าใช้จ่ายแบบพอดีตัวเลยทีเดียว… โดยหลัก ๆ ก็มีเรื่องกิน เรื่องเที่ยว เรื่องรถยนต์ เรื่องค่าเดินทาง เช่าหรือผ่อนที่อยู่อาศัย โดยรูปภาพจะแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มเช่นนี้มีมาช้านานแล้วตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน

จากกราฟจะเห็นว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการกินมากเลย สิ่งที่คนไทยใช้จ่ายมากที่สุดคือ “เครื่องดื่ม” อาจเป็นเพราะเมืองไทยเป็นเมืองที่มีอากาศร้อน … โดยในปี 2557 มูลค่าการใช้จ่ายในเรื่องการบริโภคอาหารในไทยมีประมาณ 2.2 ล้าน ๆ บาท ข้อมูลนี้ยังไม่รวมการบริโภคจากการท่องเที่ยวที่คิดว่าจะมีอีกจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว

“เชื่อว่าคนไทยยังคงมีการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะเครื่องดื่มเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อากาศอบอ้าว”

แนวโน้มในปี 2559 จะเป็นอย่างไร

เชื่อว่าคนไทยยังคงมีการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะเครื่องดื่มเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อากาศอบอ้าว สิ่งที่น่าจะเติบโตต่อจากนี้ไปและน่าจับตามองก็คือ “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และอุตสาหกรรมบริการที่จะตามมาอย่างติดๆ เลยทีเดียวครับ

สำหรับตัวเลข GDP ของประเทศไทยนั้นอยู่ราวๆ 13-14 ล้านล้านบาท มาจากการส่งออกเกินกว่า 7 ล้านล้านบาท การลงทุนภาครัฐอีกไม่ถึง 1 ล้านล้าน แต่สิ่งที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ คือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการบริการที่ปัจจุบันตัวเลขขยับจาก 1 ล้านล้านบาทต่อไป ไปเป็นกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี

ในมุมมองของการลงทุนปี 2559 หากคิดจะลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ อันได้แก่ หุ้นโรงแรม หุ้นโรงพยาบาล หุ้นสปา หุ้นค้าปลีก-ได้รับอานิสงค์ทางอ้อม ฯลฯ ถือว่าเป็นการลงทุนที่เกาะกระแสใหญ่ แต่หากคิดจะลงทุนในหุ้นส่งออก ต้องรอลุ้นว่ารัฐบาลจะมีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไร (ลุ้นกลับตัว) ถ้าสำเร็จก็จะมีผลตอบแทนงดงามครับ

NAIWAENTAMMADA