รู้ทั้งรู้ว่ากินแล้วก็อ้วน แต่ทำไมสาวๆ ยังเลือกที่จะกินเค้ก ของหวานแสนอร่อยชนิดนี้กันอยู่ดี? เรามาคลายข้อสงสัยว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบเค้กกันดีกว่า

—————

reason 01. — ผิดที่โฆษณา

การที่ผู้ชายไม่ค่อยแสดงออกมากนักว่าชอบทานของหวาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพลักษณ์ของการโฆษณาแบรนด์ต่างๆ ที่ฝ่ายการตลาดสร้างภาพให้ผู้หญิงเหมาะที่จะเป็นตัวแทนโฆษณาของหวานของขบเคี้ยว ส่วนผู้ชายนั้นจะเน้นไปในการโฆษณาอาหารคาว

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโฆษณาในอเมริกาของแบรนด์ช็อคโกแลตชั้นนำ อย่างเช่น Dove, Ghiradelli, Hershey และ Godiva ที่เลือกใช้ผู้หญิงเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะสามารถสื่อถึงความหวาน นุ่มนวล ของช็อคโกแลตและยังสามารถแสดงท่าทางเย้ายวน ชวนให้ผลิตภัณฑ์ดูน่าหลงใหลชวนรับประทานได้มากกว่า

ส่วนโฆษณาของแบรนด์ Hungry Man, Burger King, Weber Grills และ McDonald’s ต่างเลือกผู้ชายมาเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะผู้ชายดูเหมาะกับอาหารเรียกพลังงาน และสามารถแสดงท่าทางความอยากอาหารได้ดีกว่าผู้หญิง เพราะคงไม่มีใครอยากจะดูผู้หญิงที่ดูตะกละ อ้าปากกว้างๆ ทานแฮมเบอร์ชิ้นโตๆ แน่ๆ

และจากผลการโฆษณาต่างๆ นี้เองที่มีผลต่อพฤติกรรมการทานของหวานประเภทต่างๆ ทางเว็บ GrubHub เว็บสั่งอาหารออนไลน์ชื่อดัง เคยเผยสถิติน่าสนใจไว้หลายอย่างเช่น ผู้หญิงสั่งของหวานมากกว่าผู้ชาย 25 % / ผู้ชาย 20 % จะสั่งมิลค์เชค ส่วนผู้หญิง 15% สั่งไอศกรีม / ผู้หญิงชอบสั่ง frozen yogurt มากกว่า 50% ส่วนผู้ชายจะชอบทานคุ้กกี้กว่าผู้หญิง 10 % และผู้หญิงยังชอบทานของหวานประเภทของทอดมากกว่าผู้ชาย 10% ส่วนเค้กนั้นเป็นของหวานที่ผู้หญิงและผู้ชายชอบพอๆ กัน คือมียอดสั่ง 25 % จากของหวานทั้งหมด

—————

reason 02. — ไม่ได้ชอบเค้ก แต่ชอบบรรยากาศในการกินเค้ก

ดั่งคำกล่าวของโกวเล้งว่า “ข้าพเจ้ามิได้นิยมชมชอบในรสชาติของสุรา แต่ข้าพเจ้าชอบบรรยากาศของการร่ำสุรา” ก็นำมาใช้ได้ในการกินเค้กของสาวๆ เช่นกัน เพราะการทานเค้กของสาวๆ มักจะมีเหล่าแก๊งค์เพื่อนไปร่วมตั้งวงเม้าท์กันด้วย แถมร้านเค้กมักจะมีบรรยากาศสบายๆ น่านั่ง น่าละเลียดกินเค้กนานๆ การได้ทานเค้กไปพร้อมกับเพื่อนที่รู้ใจ จะทำให้การสนทนามีรสชาติยิ่งกว่าเดิม

—————

Chocolate Strawberry Cake

Red Velvet Cake

reason 03. — รสชาติและหน้าตาโดนใจ

เค้กคืออาวุธของเหล่า Pâtissier ที่บรรจงสรรสร้างทำออกมาให้มีรูปร่างหน้าตาสวยงามหน้าทาน เห็นแล้วอยากพุ่งเข้าไปชิมเข้าไปลิ้มรส นอกจากจะมีหน้าตาสวยงามแล้ว รสชาติต่างๆ ก็ทำให้ติดใจจนอยากลองชิมอีก จากผลสำรวจ เค้กอันดับหนึ่งของโลก หนีไม่พ้นเค้กช็อคโกแลต ที่ติดใจกันทุกเพศทุกวัย และมียอดขายสูงที่สุดในบรรดาเค้กทั้งหมดโดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 25 เปอร์เซ็นต์ของบรรดาของหวานทั้งหมด

แต่เค้กที่ตามติดมาแบบหายใจรดต้นคอก็คือ เค้ก Red Velvet เนื้อเค้กสีแดงสด รสออกเปรี้ยวนิดๆ ผสมกับรสหวานของครีม กลายเป็นเค้กที่นิยมมากที่สุดในการทำเค้กแต่งงาน และด้วยสีที่สดใส ทำให้เหมาะกับงานมงคลและดูฉีกแนวจากเค้กแต่งงานอื่นๆ โดยตอนนี้เค้ก Red Velvet กำลังเป็นที่นิยมมากๆ ในหมู่เจ้าสาวอายุระหว่าง 25 -39 ปี ในอเมริกา และเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

—————

reason 04. — เพราะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงบ่อย

จากการทดลองของ Florida State University ที่ทดลองให้หนูเลือกกินของหวานกับอาหารไดเอ็ท พบว่าหนูตัวเมียเลือกกินของหวานมากกว่าหนูตัวผู้ จึงนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมาจากเรื่องทางกายภาพ เพราะโดยปกติแล้วผู้หญิงฮอร์โมนเอสโตรเจนจะควบคุมให้มีไขมันในร่างกาย ไม่ต่ำกว่าประมาณ 23 % ซึ่งค่าเฉลี่ยสูงกว่าผู้ชายประมาณ 5 % เพื่อให้มีสภาพพร้อมกับการตั้งครรภ์ ดังนั้นเมื่อช่วงใกล้มีประจำเดือนผู้หญิงมีฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น จึงทำให้เกิดอาการอยากของหวานมากกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าเป็นเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนเพราะผู้หญิงยังมีอาการ PMS (premenstrual syndrome) อาการก่อนมีประจำเดือนที่หลากหลายจึงไม่สามารถโยนความผิดให้ฮอร์โมนอย่างเดียวได้

—————

reason 05. — ก็จะกิน ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ  

บางครั้งความชอบก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล การกินเค้กทำให้มีความสุขและผู้หญิงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหยุดกินมันเพียงเพราะว่ากลัวอ้วน บล็อกเกอร์สาว Jenny Rushmore ที่ใช้ชื่อใน IG ว่า @Cashmerette เพิ่งได้รับประสบการณ์ดีๆ เมื่อเธอโพสต์ภาพใน Instagram ส่วนตัว เกี่ยวกับชุดที่จะใส่ไปเดินชายหาด แต่กลับมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาต่อว่ารูปร่างของเธอว่า เธอนั้นอ้วนเกินไป และบอกให้เธอกินเค้กให้น้อยลงหน่อย

คำต่อว่าของผู้ชายนิรนามคนนั้น (ที่ Jenny บอกว่า เป็นพวกคลั่งฟิตเนสวัย 20 กว่า) ทำให้ Jenny ลุกขึ้นมาตอบโต้แบบสวยๆ ด้วยการโพสต์ภาพตัวเองใน Maxi Dress อวดหุ่นงามๆ สไตล์สาว plus size แบบไม่ยี่หระ ให้ดูกันไปเลยว่าชีวิตเธอดีอยู่แล้วโดยไม่ต้องแคร์คำเสียดสีจากใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จัก พร้อมเชิญชวนสาวๆมาทานเค้กภายใต้แฮชแท็กว่า #CakeWithCashmerette จนมีสาวๆ ถ่ายภาพตัวเองกินเค้กเข้ามาให้กำลังใจ Jenny กันอย่างล้นหลาม และประณามว่าการต่อว่ารูปร่างของคนอื่น (Body-Shame) เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจและทุกคนควรจะหยุดสิ่งนี้ได้แล้ว เพราะทุกคนมีความสุขและสวยได้ไม่ว่าจะไซส์ไหนก็ตาม

—